เมื่อถึงหน้าประตูบริษัท เยี่ยหวันหวั่นปลุกซือเยี่ยหานให้ตื่นขึ้นมา
“คุณประชุมของคุณต่อเถอะ ฉันกลับก่อนนะคะ”
“ให้สวี่อี้ไปส่งเธอสิ” คงเป็นเพราะได้หลับมาครู่หนึ่งทำให้สีหน้าท่าทางของเขาดีขึ้นไม่น้อย น้ำเสียงของซือเยี่ยหานดูจะอ่อนโยนกว่าปกติ
ทว่าอารมณ์ของเยี่ยหวันหวั่นไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย มองค้อนคนบ้างานบางคนด้วยความอัดอั้น แล้วหันกายเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร
เป็นอะไรที่ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจจนขันทีร้อนใจตาย[1]จริงๆ !
วั่นจิ่งหมิงหยวน
หลังจากกลับไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็เริ่มกลุ้มใจว่าจะขัดขวางการส่งตัวเองไปตายของซือเยี่ยหานอย่างไร
น่าเสียดาย คิดอยู่นานเป็นค่อนวันก็ยังคิดวิธีอะไรดีๆ ไม่ออก
เธอไม่ใช่ฉินรั่วซีเสียหน่อย คำพูดที่ออกมาจากปากเธอไม่มีน้ำหนักเลยสักนิด
ช่างเถอะ เมื่อเรือถึงท่าก็ตรงเอง[2] ช่วงนี้เธอคอยเอ่ยโน้มน้าวให้มากเสียหน่อย หากไม่ได้ผลก็ยังมีกลยุทธ์สาวงาม…
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ เปลี่ยนการแต่งกายกลับเป็นผู้ชาย จากนั้นส่งข้อความหาลั่วเฉิน [มาที่ห้องฉัน ภายในห้านาที]
จัดการทางนี้ให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน ปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะเก็บไปคิดเหลวไหลคนเดียวไปถึงไหนต่อไหน
เยี่ยหวันหวั่นรอคอยพลางมองดูนาฬิกาบนโทรศัพท์มือถือ
คงเป็นเพราะน้ำเสียงในข้อความของเธอครั้งนี้ค่อนข้างเฉียบขาด ครั้งนี้ลั่วเฉินจึงไม่กล้าเมินเฉย แทบจะเป็นเวลาห้านาทีพอดีเป๊ะ เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้น
เยี่ยหวันหวั่นขานตอบ “เข้ามาได้”
เธอแง้มประตูเปิดเอาไว้
เสียงฝีเท้าดังขึ้น จากนั้นลั่วเฉินค่อยๆ ผลักประตูแล้วเดินเข้ามา
เหมือนว่าลั่วเฉินจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เส้นผมยังมีความเปียกชื้นอยู่นิดหน่อย เสื้อผ้าก็ใส่มาอย่างรีบร้อน เชือกรองเท้าข้างหนึ่งก็ผูกอย่างยุ่งเหยิง แค่เห็นก็ทำให้ใจอ่อนยวบอย่างควบคุมไม่ได้
สิ่งที่ควรจะพูดก็คือ…อากาศร้อนในฤดูร้อนแบบนี้ ลั่วเฉินกลับใส่เสื้อคลุมเนื้อค่อนข้างหนา ห่อตัวเองไว้อย่างแน่นหนา…
เยี่ยหวันหวั่นมองการแต่งกายของเขา มุมปากกระตุกเล็กน้อย ไอ้เด็กนี่ คิดว่าเธอเรียกเขามาทำอะไร?
“นั่งสิ” สายตาของเยี่ยหวันหวั่นมองไปที่โซฟาข้างกายตัวเอง พลางเอ่ยปากเรียก
ลั่วเฉินชะงักเล็กน้อย ครู่หนึ่งถึงได้ขยับเท้าเดินไปทางเธอ ทว่าไม่ได้นั่งลงที่ข้างกายของเธอ แต่นั่งลงบนอีกฝากหนึ่งของโซฟา
เยี่ยหวันหวั่นกำลังสวมชุดลำลองสบายๆและรองเท้าแตะ ท่าทางเกียจคร้าน เห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ไปนั่งไกลขนาดนั้นทำอะไร?”
ลั่วเฉินเม้มริมฝีปาก เขยิบเข้าใกล้เธออีกเพียงนิดเดียว
เพียงนิดเดียวจริงๆ แค่ระยะประมานหนึ่งฝ่ามือ…
วันนี้เยี่ยหวันหวั่นอารมณ์ไม่ดีอยู่เป็นทุนเดิม เวลานี้ความอดทนที่มีถูกใช้ไปจนหมดแล้ว ลุกพรวดเดินไปทางลั่วเฉิน
พริบตาที่เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นยืน ร่างกายของลั่วเฉินเครียดเขม็งอทันทีย่างเห็นได้ชัด กำนิ้วมือแน่นจนเป็นกำปั้น
ขณะที่เธอกำลังจะเดินมาถึงด้านหน้าของเขา ในที่สุดลั่วเฉินก็นั่งเฉยต่อไปไม่ได้อีก เด้งตัวลุกขึ้นยืนราวติดสปริง
จากนั้น ยังไม่ทันได้ขยับไปไหน ก็ถูกเยี่ยหวันหวั่นจับไหล่เอาไว้แล้วกดให้กลับลงนั่ง
เยี่ยหวันหวั่นรักษาท่าทางที่กดเขาไว้ที่พนักพิงโซฟาเอาไว้ ดวงตาทั้งสองหรี่มองเขาที่อยู่ด้านล่าง แววตาฉายความเด็ดขาด “หนีอะไร?”
สายตาของลั่วเฉินว่างเปล่าอย่างไม่รู้ว่าควรจะมองไปที่ไหน ราวกับอยากจะวิ่งหายออกนอกประตูไปทันที แต่ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาฝืนอดทนอยู่…
เยี่ยหวันหวั่นจ้องเขา เอ่ยขึ้นทีลำคำ “ฟังสิ่งที่ฉันกำลังจะพูดต่อไปนี้ให้ดี”
“ข้อแรก ฉันไม่ใช่เกย์”
“ข้อสอง ไม่ว่าฉันจะสนใจเพศไหน ฉันไม่มีความสนใจที่จะเคลมเด็กในสังกัดตัวเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี