หลังจากที่ซุนไป๋เฉ่าประกาศเรื่องการเสียชีวิตอีกครึ่งปีให้หลัง คุณหญิงย่าก็แอบส่งคนออกตาหาหมอชื่อดังทั่วสารทิศ
ต่อให้จะรู้ว่าไม่อาจตามหาหมอที่ดีกว่าซุนไป๋เฉ่าได้ แต่ก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง
ในสวนหย่อม ณ บ้านใหญ่
โม่เสวียนหน้าตาตื่นตกใจ “ทำไมจู่ๆ ถึงทรุดหนักขนาดนี้? นายไม่ได้บอกว่าผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะช่วยให้คุณชายเก้านอนหลับง่ายขึ้นหรอกเหรอ?”
“แม้ว่าผลลัพธ์จะดีกว่านายนิดหน่อย แต่ไม่พอที่จะยับยั้งระดับพัฒนาการโรคของคุณชายเก้าได้หรอก! อีกอย่างการรักษาเป็นกระบวนการที่ต้องทำต่อเนื่องในระยะยาว คนที่ทำงานและพักผ่อนไม่เป็นเวลาอย่างคุณชายเก้า บำรุงบ้างเป็นครั้งคราว ซ้ำยังใช้ร่างกายอย่างหนักเพิ่มเป็นเท่าตัวอย่างต่อเนื่อง มีแต่ใช้งานไม่เคยบำรุง แล้วมันจะช่วยอะไรได้?”
สวี่อี้พูดพลางทอดถอนใจ “คุณชายเก้าไม่เพียงขาดนักสะกดจิตบำบัด ยังขาดคนกำกับดูแลด้วย!”
โม่เสวียนกลั้นหัวเราะกล่าวว่า “คนกำกับดูแลคุณชายเก้าได้น่ะเหรอ? คงต้องเป็นเทรนเนอร์ฝึกอสูรระดับปรมาจารย์แล้วละมั้ง?”
สวี่อี้ชะงักอึ้งไปต่อไม่ถูก เทรนเนอร์ฝึกอสูรคือตัวอะไร?
สวี่อี้กับโม่เสวียนกำลังสนทนากันสองคนอยู่ในสวนหย่อม มองผ่านรอยแยกของกิ่งก้านใบไม้ ทันใดนั้นเหลือบเห็นห่างไปไม่ไกล มีคนสองคนกำลังเดินมา
เห็นเพียงเยี่ยหวันหวั่นหอบหิ้วสิ่งของขาวปุกปุยชิ้นใหญ่เดินนำหน้ามา สาวใช้ข้างกายที่ตามมาด้วยในมือหอบหิ้วอะไรบางอย่างดูคล้ายผ้าห่ม นอกจากนี้ยังมีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งช่วยกันย้ายเก้าอี้เอนกายตัวหนึ่งและม้านั่งอีกตัว
คนเป็นคณะเคลื่อนขบวนเกรียงไกรเดินเข้ามายังสวนหย่อม
ซือเยี่ยหานสวมชุดลำลองทำจากผ้าลินินสีเทา เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างไม่รีบไม่ช้า
เยี่ยหวันหวั่นเดินนำคนทั้งหลายตรงไปยังใต้ร่มเงาดอกไม้ ก่อนจะพูดกับซือเยี่ยหาน “คุณรอเดี๋ยวนะ”
จากนั้นชี้ไปยังลานหญ้าที่มีใบไม้แห้งเหลืองทองและกลีบดอกไม้ร่วงหล่นเต็มไปหมด พลันสั่งการบอดี้การ์ด “วางเก้าอี้เอนกายตรงนี้ ม้านั่งวางข้างๆ”
บนเก้าอี้เอนกายถูกเธอปูด้วยเบาะนุ่มสบาย เมื่อจัดวางเรียบร้อย เยี่ยหวันหวั่นก็วางหมอนในมือลงไป พูดแล้วก็สั่งงานสองสาวใช้ต่อว่า “ส่งผ้าห่มมาให้ฉัน!”
“ค่ะ คุณหนูเยี่ย” สาวใช้ส่งผ้าห่มให้ตามคำสั่ง
จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นวางหมอนลงไป ยื่นมือไปตบหมอน แล้วหันหน้าไปมองซือเยี่ยหานที่ตากแดดอยู่ข้างหลัง “ยืนบื้อทำอะไร? เข้ามาสิ!”
คิ้วเข้มของซือเยี่ยหานคล้ายจะยกหยักขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“นั่งลง” เยี่ยหวันหวั่นตบเบาๆ ที่เก้าอี้เอนกาย
ซือเยี่ยหานจึงนั่งลงบนเก้าอี้
เยี่ยหวันหวั่นแสดงออกว่าพอใจมาก แล้วพูดต่อว่า “ใช่ๆ จากนั้นก็นอนลงไป”
ซือเยี่ยหานก็นอนลงไป
เก้าอี้เอนกายทั้งกว้างและยาว ร่างกายสูงเพรียวของซือเยี่ยหานนอนลงไปแล้วไม่รู้สึกถึงความคับแคบ
รอซือเยี่ยหานนอนลงไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นช่วยคลุมผ้าห่มให้เขา จากนั้นไม่รู้ไปหยิบนาฬิกาจับเวลามาจากที่ไหน “ตอนนี้เริ่มการนอนกลางวันได้ เริ่มจับเวลาแล้ว”
ซือเยี่ยหานเอียงศีรษะไปมองเธอ “เมื่อคืนฉันนอนไปแล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นหน้าเครียด “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เมื่อคืนคุณแกล้งหลับสองชั่วโมง ไม่รู้มัวคิดอะไรอยู่ วันนี้จะต้องเสริมกลับมา! เพื่อให้คุณนอนหลับอย่างสบายใจ มาเปลี่ยนอารมณ์สักหน่อย ฉันจึงตั้งใจหาสถานที่ตรงนี้ให้คุณโดยเฉพาะ!”
กับคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น ซือเยี่ยหานไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ แต่เหล่ตามองไปที่ม้านั่งด้านข้าง
เยี่ยหวันหวั่นมองตามสายตาของเขาไปยังม้านั่ง ถลึงตาทำหน้าขู่ “มองอะไร ฉันจะนั่งคุมงานอยู่ตรงนี้!”
พูดจบ ก็หย่อนก้นลงนั่งบนม้านั่ง พลางสั่ง “หลับตา แล้วนอน!”
ครั้งนี้ ซือเยี่ยหานไม่ได้หลับตา ตรงกันข้ามกลับมองเธออยู่สองสามวินาทีราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
………………………………………………………..
บทที่ 442 จะต้องทนให้ได้
เยี่ยหวันหวั่นถูกเขามองจนขนลุก เอ่ยถาม “คุณมองฉันทำไม?”
แน่นอนว่าการคาดหวังให้ซือเยี่ยหานพูดทำนองว่า “เธอสวยจัง” คงไม่มีทางเป็นไปได้
ซือเยี่ยหานหรี่ดวงตาเล็กลง มองเธอพลางเอ่ยถาม “ไม่กลัวฉันแล้วเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี