สรุปเนื้อหา บทที่ 459 ไม่ใช่ว่าเรารู้กันหรอกเหรอ? / บทที่ 460 เสียเปรียบ – แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี โดย Internet
บท บทที่ 459 ไม่ใช่ว่าเรารู้กันหรอกเหรอ? / บทที่ 460 เสียเปรียบ ของ แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี ในหมวดนิยายจีนปัจจุบัน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่ด้านข้าง ใช้สายตาเย็นชามองทีมละครที่สมใจหวัง ทั้งยังเตรียมการทุกอย่างสำหรับถ่ายทอดสดด้วยประสิทธิภาพสูง
นี่เป็นการตัดสินว่าทักษะของลั่วเฉินสู้ซวี่หมิงไม่ได้ คิดจะใช้ลั่วเฉินผู้ที่เคยแสดงเป็นหลินลั่วเฉินในภาคก่อนเป็นหินให้ซวี่หมิงเหยียบขึ้นไป และได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์สูงสุด
ส่วนเธอก็ใช้ความคิดเช่นนี้ของฝ่ายตรงข้ามและความมั่นใจของซวี่หมิง ทำให้การถ่ายทอดสดครั้งนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น
ลั่วเฉินมองเยี่ยหวันหวั่น นึกได้ว่าตัวเองทำใจใหญ่ตอบรับคำท้าของซวี่หมิงไป สีหน้าจึงเผยความรู้สึกผิด “พี่เยี่ย…ผม…เมื่อกี้ผมใจร้อนเกินไปหรือเปล่าครับ?”
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ “ใจร้อน? ไม่ใช่ว่าเรารู้กันหรอกเหรอ?”
เรื่องถ่ายทอดสดการทดสอบหน้ากล้อง เป็นเธอที่พูดขึ้นมาก่อน
เมื่อได้คำตอบอย่างมั่นใจของเยี่ยหวันหวั่น ลั่วเฉินพลันเป็นเหมือนเรือลำน้อยที่กำลังโคลงเคลงแล้วได้รับลมหอบใหญ่ สายตาเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ทันใด
ช่วงนี้การคัดเลือกนักแสดงใน ‘มังกรผงาด 2’ เป็นหัวข้อสนทนาร้อนมาตลอด การทดสอบหน้ากล้องจึงได้รับความสนใจตามไปด้วย เมื่อทีมละครประกาศว่าจะถ่ายทอดสดการทดสอบหน้ากล้องตั้งแต่ต้นจนจบ ชาวเน็ตแทบทั้งหมดตื่นเต้นฮือฮา
ตั้งแต่การถ่ายทอดสดเป็นที่นิยม นี่เป็นครั้งแรกที่มีทีมละครถ่ายทอดสดการทดสอบหน้ากล้อง ความอยากรู้อยากเห็นดึงดูดให้ผู้คนที่ผ่านไปมาเข้าชมเป็นจำนวนมาก
ไม่นาน การถ่ายทอดสดก็เริ่มต้น
ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกทั้งหมดจับฉลากลำดับ จากนั้นเข้าไปทดสอบตามลำดับทีละคน
เพื่อสะดวกแก่การถ่ายทอดสด สถานที่ทดสอบจึงเปลี่ยนมาเป็นโถงใหญ่ที่รองรับคนได้หนึ่งร้อยคน ในขณะที่นักแสดงกำลังทดสอบหน้ากล้อง นักแสดงคนอื่นๆ ที่รอทดสอบอยู่ก็ชมอยู่ด้านข้างได้ เรียกได้ว่าเปิดเผยและใสสะอาดอย่างที่ไม่เคยมีม
ทีมละครจัดให้ฝ่ายกิจการละครเป็นพิธีกรในการถ่ายทอดสดครั้งนี้ ฝ่ายกิจการละครเพิ่มรสชาติให้กับการถ่ายทอดสดโดยเกริ่นอธิบายเหตุผลที่ตัดสินใจทำแบบนี้
ความหมายโดยรวมก็คือลั่วเฉินเป็นฝ่ายเอ่ยท้า แล้วซวี่หมิงก็รับคำท้า เพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง จึงเลือกถ่ายทอดสดให้ทุกคนรับรู้
และเพื่อที่จะโหมเชื้อไฟ ฝ่ายกิจการละครจึงเปิดเผยคำท้าที่ซวี่หมิงและลั่วเฉินพนันกันเอาไว้ด้วย
บนบุลเล็ต สกรีน[1]เริ่มรีเฟรชอย่างรวดเร็ว อีกทั้งถูกแฟนคลับของซวี่หมิงยึดครองไว้อย่างว่องไว
[โอ้โห! นี่มันบ้าอะไรเนี่ย นอกจากลั่วเฉิน ก็ไม่มีใครแสดงเป็นหลินลั่วเฉินได้? พูดแบบนี้มันอวดเก่งเกินไปแล้วหรือเปล่า เหนือฟ้ายังมีฟ้านะ!]
[ฉันยอมรับนะว่าหลินลั่วเฉินในภาคที่แล้วคลาสสิกมาก แต่ลั่วเฉินไม่ได้แสดงละครมาตั้งสามปีแล้ว ใครจะรู้ว่าเขายังรักษาความคลาสสิกนั้นได้อยู่ไหม?]
[กลับมามองซวี่หมิงของเรา ทักษะการแสดงและความพยายามของเขาตั้งแต่เข้าวงการมาเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นกัน ก่อนหน้านี้ยังตั้งใจเว้นช่วงหลายเดือนไปศึกษาเพิ่มเติมที่ต่างประเทศเพื่อพัฒนาตัวเอง นี่สิ สิ่งที่ควรจะทำกับตัวละคร ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไร ไม่มีผลงานมานานหลายปี อยากจะดังแล้วก็มาหากินกับมุกเดิม]
[นั่นน่ะสิๆ ซวี่หมิงของพวกเรามีทั้ง ‘1987’ ‘เส้นทางเราสามคน’ ‘บุปผางามเดือนเพ็ญ’… ผลงานคลาสสิกสิบกว่าเรื่อง ลั่วเฉินมีแค่ ‘มังกรผงาด’ คิดจะหากินกับ ‘มังกรผงาด’ ไปจนตายหรือไง? แม้แต่ออดิชันก็ยังไม่วายจะเกาะกระแสดัง!]
[หมิงหมิงสู้เขานะ ให้เขาแพ้จนแม่ไม่นับเป็นลูกเลย!]
นอกจากแฟนคลับของซวี่หมิงแล้ว ยังมีแฟนคลับภาคก่อนและคนที่ผ่านทางมาแสดงความกังวล
[ความจริงเทียบกับคนเข้าออดิชันคนอื่นแล้ว ฉันกลัวว่าตัวละครหลินลั่วเฉินจะถูกนักแสดงคนเดิมทำลาย ถ้าเป็นแบบนั้นความคลาสสิกในใจของฉันคงแหลกสลายอย่างแท้จริง!]
[นั่นสิ ถ้าลั่วเฉินในตอนนี้เอาตัวละครนี้ไม่อยู่ ก็ปล่อยให้ความทรงจำของพวกเราหยุดอยู่ในห้วงเวลางดงามนั้นเถอะ!]
…
ทีมละครจงใจจัดให้การทดสอบหน้ากล้องของซวี่หมิงและลั่วเฉินอยู่ในอันดับสุดท้ายเพื่อความร้อนแรง
แฟนคลับมาตรฐานสูงจากภาคก่อนวิจารณ์ผู้เข้าทดสอบหน้ากล้องในช่วงแรกจนไม่เหลือชิ้นดี เห็นได้ชัดว่าซ่งจินหลินก็ไม่พอใจกับการแสดงของหลายคน ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้คิ้วขมวดก็ยังไม่คลายออกเลย…
…………………………………………………………………
บทที่ 460 เสียเปรียบ
รองผู้กำกับเองก็แสดงออกว่าเห็นด้วย ซ่งจินหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าไม่ได้เอ่ยปากคัดค้าน
เยี่ยหวันหวั่นกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง มุมปากยกขึ้นแสยะยิ้ม
ด้วยเป็นข้อเสนอที่เอ่ยขึ้นกลางงาน เวลาเตรียมตัวก่อนเล่นจึงค่อนข้างน้อย ดูผิวเผินแล้วค่อนข้างเสียเปรียบ
ทว่า ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม ผู้ที่ทดสอบหน้ากล้องคนแรกสามารถเล่นได้ตามใจปรารถนา ส่วนคนที่ทดสอบทีหลัง เพราะเป็นการทดสอบหน้ากล้องในหัวข้อเดียวกัน ถ้าลั่วเฉินแสดงเหมือนกับซวี่หมิง ต่อให้นั่นเป็นรูปแบบการแสดงของเขาเอง ก็ต้องถูกพูดว่าลอกเลียนซวี่หมิงแน่
บวกกับความคิดที่ว่ามาก่อนได้เปรียบ ลั่วเฉินที่แสดงทีหลังจะเป็นผู้ถูกกระทำเสียมาก
ฉากแรกที่ซ่งจินหลินจับขึ้นมา คือฉากที่หลินลั่วเฉินพบกับพระเอกอีกครั้งหลังจากเข้าลัทธิมารไปหลายปี หลินลั่วเฉินตอบคำถามไล่ต้อนของพระเอก
ซวี่หมิงยืนอยู่กลางห้องโถง หลับตาลง
เพียงห้าวินาทีผ่านไป เขาก็เข้าสู่อารมณ์ของตัวละครได้
มือข้างหนึ่งของเขาไพล่อยู่ด้านหลัง ราวกับยืนต้านลมที่พัดโหม
“เฮอะ สายธรรม? สายมาร? อะไรคือธรรม และอะไรคือมาร? อวิ๋นไห่ เจ้ายังไร้เดียงสาอยู่เหมือนเดิม!”
ซวี่หมิงมองความว่างเปล่า ราวกับมีพระเอกอวิ๋นไห่ยืนอยู่ตรงนั้น แววตาเผยความดูถูกเย้ยหยัน
จากนั้น สีหน้าของซวี่หมิงเปลี่ยนเป็นเสียสติสามส่วนบ้าคลั่งเจ็ดส่วน “ให้ข้าเป็นคนบอกเจ้าเอง ประวัติศาสตร์เป็นผู้ชนะที่เขียนขึ้น ตั้งแต่นี้ไป…ยุทธภพนี้…ข้าบอกว่าธรรม มันก็คือธรรม ข้าบอกว่ามาร เช่นนั้นมันก็คือมาร!”
……………………………………………………..
[1] บุลเล็ตส กรีน หรือ bullet screen คือระบบหน้าจอที่ผู้ชมสามารถพิมพ์คอมเมนต์เข้าไปแล้ว คอมเมนต์นั้นจะไปปรากฏบนหน้าจอทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี