แต่ว่า เขาจำเป็นต้องยืนยันอีกครั้ง
ลั่วเฉินเมื่อครู่เป็นโชคโดยบังเอิญ หรือว่ามีความสามารถแบบนี้จริงกันแน่
คิดถึงตรงนี้ ซ่งจินหลินตัดสินใจเอ่ยขึ้นทันควัน “แอคที่ 13 ซีนที่ 7 พวกนายแบ่งกันออดิชันตามความเข้าใจของตัวเอง!”
หลังจากซ่งจินหลินเอ่ย ฝูงชนเดิมที่กำลังตื่นเต้นอยู่พลันกลั้นลมหายใจ มองไปทางคนทั้งสองด้วยความตื่นเต้น
แฟนคลับของซวี่หมิงบนซับกระสุนเริ่มโต้แย้งอย่างไม่พอใจ…
[ยังไม่จบอีกเหรอ! พวกนายเดือดร้อนอะไร! เมื่อกี้อาจจะเป็นแค่ดวงก็ได้!]
[ใช่ๆ ลั่วเฉินเมื่อกี้ทำหัวใสชัดๆ ซวี่หมิงเล่นสดด้วยตัวเอง ผลที่ออกมาย่อมพลาดนิดหน่อย ลั่วเฉินกลับใช้ประโยชน์จากการที่ซวี่หมิงช่วยเขาต่อบท! เจ้าแผนการจริงๆ!]
ลั่วเฉินไม่ทันได้สังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของคนรอบข้าง เพียงแต่ตอนได้ยินซ่งจินหลินพูดว่าแอคที่ 13 ซีนที่ 7 สีหน้าเขาตกใจแวบหนึ่ง
บทละครฉากนี้ พี่เยี่ยสอนเขาเองกับตัว อีกทั้งเล่าบทละครให้เขาฟังแบบเน้นย้ำ ไม่คิดเลยว่าผู้กำกับซ่งจะเลือกฉากนี้
ขณะที่ลั่วเฉินกำลังงุนงง ซวี่หมิงก็ปรับโหมดอารมณ์ใหม่อีกครั้งแล้วเริ่มการทดสอบ
ไม่เสียแรงที่ผ่านการฝึกซ้อมระดับมืออาชีพมา ซวี่หมิงปรับโหมดอารมณ์ดีที่สุดได้อย่างรวดเร็ว เข้าสู่พล็อตเรื่องตอนถัดมาอีกครั้ง
‘ขวับ’ ซวี่หมิงทำท่าวาดดาบ โจมตีฝั่งตรงข้ามทันที ความเป็นปรปักและจิตสังหารตรงหว่างคิ้วเหมือนจับต้องได้จริง ดูเหมือนจะส่งไปสู่สายตาผู้ชมทุกคนผ่านหน้าจอ…
[สุดยอด…สุดยอดจริงๆ! นี่น่าจะเป็นความสามารถแท้จริงของซวี่หมิงล่ะมั้ง! แค่สายตาเดียวเท่านั้น ก็ทำให้คนขนลุกซู่ได้แล้ว!]
[แสดงบทบาทมารร้ายกระหายเลือดออกมาได้ดีเยี่ยม!]
ขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมทักษะการแสดงในฉับพลันของซวี่หมิงซึ่งน่าทึ่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ลั่วเฉินกลับแอบคิดเปรียบเทียบเอง
วิธีการแสดงฉากนี้ของซวี่หมิง เหมือนกับวิธีการแสดงที่พี่เยี่ยเคยชี้แนะเขาทุกอย่าง
ถ้าพี่เยี่ยไม่ได้พูดเรื่องฉากนี้กับเขาก่อน วิธีแสดงของเขาต้องเหมือนกับซวี่หมิงแน่นอน
แต่ว่าตอนนี้…
การทดสอบหน้ากล้องของซวี่หมิงได้รับเสียงเชียร์ล้นหลาม อู๋เจิ้งเฟยผู้จัดการส่วนตัวของเขาที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจโล่งอก รองผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ต่างพยักหน้าชื่นชม
แต่ว่าสีหน้าซ่งจินหลินที่นั่งอยู่ตรงกลางกลับไม่เปลี่ยนแปลง มองลั่วเฉินแล้วเอ่ย “ลั่วเฉิน นายเริ่มได้!”
ซวี่หมิงดูออกว่าซ่งจินหลินสนใจลั่วเฉินเป็นพิเศษ จึงสูดหายใจลึกพยายามข่มความไม่พอใจไว้ พลางมองลั่วเฉินด้วยสายตาเย็นชา
ฉากนี้ตอนแรกอาจารย์แนะนำเขาเป็นพิเศษ เขาจึงกล้าตัดสินว่าวิธีการอนุมานของเขาสุดยอดแล้ว
หากลั่วเฉินแสดงคล้ายกับเขาก็จะเป็นตกเป็นรอง…
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่นานก็เริ่มแสดง
เขาแสดงฉากนี้ออกมาตามสิ่งที่เยี่ยหวันหวั่นเคยสอนไว้อย่างเคร่งครัด
วิธีการแสดงของลั่วเฉินไม่มีความก้าวร้าวและอารมณ์เหมือนของซวี่หมิง ตอนเขาชักดาบแววตาเฉยเมย อ้างว้าง ว่างเปล่าไม่มีสิ่งใด…
บนใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก ทว่ากลับทำให้คนอื่นหนาวสั่นถึงก้นบึ้งหัวใจ…
หลังจากดูการแสดงฉากนี้ของลั่วเฉินจบแล้ว ในที่สุดสีหน้าของซ่งจินหลินก็สูญเสียความสงบนิ่งไป ถามด้วยน้ำเสียงขึ้นสูงอยู่บ้าง “ทำไมนายถึงใช้วิธีนี้แสดงฉากนี้? ลองพูดถึงความเข้าใจของนายมาหน่อย!”
ลั่วเฉินชำเลืองไปทางเยี่ยหวันหวั่น ก่อนจะเรียบเรียงคำพูด เอ่ยด้วยสีหน้านิ่งสงบ “ผมคิดว่า หลินลั่วเฉินในเวลานั้น เผชิญความยากลำบากและความอยุติธรรมทั้งหมดบนโลก นิสัยของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง แต่ความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นความเลื่อมใสและยำเกรงต่อชีวิต
เมื่อเลื่อมใสและยำเกรงต่อชีวิต เห็นชีวิตคนอยู่ในสายตา จึงจะมีจิตสังหารได้ แต่หากในสายตาของเขา ชีวิตของคนก็เหมือนฝุ่นผงต้นหญ้า ถ้างั้นเวลาที่เขาฆ่าคนก็จะมีแค่ความเฉยเมย”
วินาทีที่ลั่วเฉินพูดจบ ซ่งจินหลินพลันตบโต๊ะ “พูดได้ดี!”
ซ่งจินหลินขอบตาแดงก่ำ “ก่อนที่อาจารย์หลินจงจะเสียชีวิต เคยลากฉันไปคุยถึงฉากนี้เป็นพิเศษ ตอนนั้นเขาพูดว่าจุดเปลี่ยนสำคัญของตัวละครหลินลั่วเฉินก่อนหน้าและตอนหลัง ก็คือสิ่งที่นายพูดมาทั้งหมดเมื่อกี้ ลั่วเฉิน นายไม่เลวเลย! เห็นได้ว่าศึกษาบทบาทมาอย่างตั้งใจจริงๆ!”
ตอนที่ซ่งจินหลินพูดประโยคนี้ออกมา เยี่ยหวันหวั่นก็ถอนใจโล่งอกเบาๆ
เธอรู้ว่า ลั่วเฉินได้บทบาทนี้มาครองแล้ว
………………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี