ซือเยี่ยหานรู้สึกว่าตัวเองหลับฝันไปยาวนานมาก ในฝันไม่มีแสงสว่างเลยสักนิด ไม่ว่าเขาจะเดินอย่างไร ก็เดินไปไม่ถึงปลายทางสักที
ความมืดมิดไม่มีที่สิ้นสุดนั้นแทบจะกลืนกินทุกอย่างของเขา…
มีเพียงความอบอุ่นอันอ่อนโยนที่ส่งมาจากฝ่ามือเท่านั้น ที่ส่งมาให้เขาไม่ขาดสายทำให้เขาไม่ยอมหยุด ทำให้เขาเดินต่อไปได้…
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ กระทั่งในที่สุดเขาก็หลุดพ้นจากความมืดมิดได้เสียที มองเห็นแสงสว่างรำไร…
วินาทีที่เขาลืมเปลือกตาขึ้นมา ได้เห็นแสงอาทิตย์เช้าตรู่ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง โลดแล่นอยู่บนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยของหญิงสาว
หญิงสาวถามเขา ว่าคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอเมื่อคืน ยังจำได้หรือไม่
ทำไมจะจำไม่ได้?
เธอบอกให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป…
เวลานี้ หญิงสาวเลิกคิ้ว ดูจากสีหน้าคล้ายจะประหลาดใจ ประหลาดใจที่เขายังจำได้
ดวงตาเฉลียวฉลาดคู่นั้นราวกับเป็นต้นกำเนิดแสงสว่างของโลกทั้งใบ
นัยน์ตาของเยี่ยหวันหวั่นฉายแววเจ้าเล่ห์ ขยับเข้าใกล้อีก เอ่ยถามเนิบๆ ว่า “งั้น…คุณจำได้ไหมว่า คุณยังพูดอย่างอื่นอีกเยอะแยะเลย”
ซือเยี่ยหานอดไม่ได้ยื่นมือออกไปสัมผัสแผงขนตาที่กระพือดั่งปีกผีเสื้อของหญิงสาว “พูดอะไรเหรอ?”
หญิงสาวเผยสีหน้าจิ้งจอกน้อย “คุณบอกว่า…ไม่ว่าฉันต้องการอะไร คุณจะยอมให้หมด! เมื่อคืนคุณเพ้อเพราะพิษไข้ ไม่เพียงบอกว่าจะให้ทุกอย่างที่ฉันอยากได้ ยังบอก…ยังบอกว่ารักฉันมากจนไม่อาจถอนตัว บอกว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะเชื่อฟังฉันทุกอย่าง ยอมรับฟังเหตุผลของฉัน…”
เห็นซือเยี่ยหานมองจ้องตนเองไม่พูดอะไร เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้วเอ่ยถาม “ทำไม? ไม่เชื่อเหรอ? คิดว่าฉันหลอกคุณเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ความจริงแล้ว มีเพียงประโยคแรกที่เป็นเรื่องจริง
นัยน์ตาของซือเยี่ยหานคล้ายกับสายลมอ่อนโชยพัดผิวทะเลสาบ กระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น พลางเอ่ยเสียงเบา “เปล่า คำพวกนี้…เหมือนกับคำพูดของฉันจริงๆ”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน พลันงุนงงไปเลย…
อะไรนะ? เหมือนคำพูดของเขา?
สิ่งที่จิตใต้สำนึกของเธอสั่งคือเอามือแนบหน้าผากซือเยี่ยหานอีกครั้ง ใจคิดว่าเขาไม่สบายจนเลอะเลือนหรือเปล่า?
เธอแกล้งหลอกเขา เขาดูไม่ออกเหรอ? ยังจะมาพูดอีกว่าคำพูดเลี่ยนชวนขนลุกแบบนี้เหมือนจะเป็นคำที่เขาน่าจะพูดออกมา?
ยึดมั่นในความคิดไม่หลอกคือไม่หลอก เยี่ยหวันหวั่นพูดต่อไปว่า “อืม งั้นคุณต้องจำคำมั่นสัญญาของตัวเองให้ดี ห้ามผิดคำพูด”
เวลานี้ เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้น
สวี่อี้ยืนอยู่ที่ประตู กล่าวว่า “คุณชายเก้า คุณหนูหวันหวั่น…”
“พ่อบ้านสวี่ มีเรื่องอะไรเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นถาม
สวี่อี้สายตาเป็นห่วงมองไปทางเจ้านายของตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง “คุณหนูหวันหวั่น อาการของคุณชายเก้า…”
“ไข้ลดแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
สวี่อี้ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นใบหน้ามองดูแล้วเหมือนมีเรื่องลำบากใจ หลังจากอ้ำอึ้งอยู่นาน ก็เอ่ยว่า “ประธานเซวียและคุณหนูรั่วซีมารออยู่ด้านนอกนานแล้วครับ มีเอกสารเร่งด่วนจากเมืองเซิน ต้องการให้คุณชายเก้าเซ็น…”
ได้ยินคำพูดของสวี่อี้ สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นที่เพิ่งจะผ่อนคลายลง ฉาบความเย็นชากลับขึ้นมาทันที
สวี่อี้รู้สุขภาพของซือเยี่ยหานในตอนนี้ดี เพียงแต่ด้วยความรับผิดชอบ เรื่องแบบนี้จึงไม่อาจปิดบังไม่รายงานได้ ทำได้เพียงฝืนใจเข้ามาแจ้ง
สวี่อี้ส่งสายตาขอคำชี้แนะไปยังซือเยี่ยหาน “คุณชายเก้า คุณเห็นว่า…”
ซือเยี่ยหานขยับตัวขึ้นมานั่งพิงหลังอยู่ที่หัวเตียง สายตาหยุดอยู่ที่ใบหน้าเย็นชาของเยี่ยหวันหวั่นครู่หนึ่ง แล้วหันไปมองสวี่อี้ พลางเอ่ยอย่างไม่รีบไม่ช้า “ไม่จำเป็นต้องถามฉัน”
“นี่…” สวี่อี้มึนงง
ไม่ถามเขา งั้นถามใครล่ะ?
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าบึ้ง เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “ถามฉัน!”
สวี่อี้อุทาน “…หา?”
………………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี