เมื่อครู่นี้เธอพูดกับซือเยี่ยหานตรงๆ ว่า เธอจะอ่านเอกสารพวกนี้ ซือเยี่ยหานกลับไม่แสดงอาการคัดค้านแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้เธอหลงคิดว่าที่ซือเยี่ยหานไม่ระวังตัวเธอ เป็นเพราะเห็นเธอเป็นเพียงของเล่นที่ไม่มีพิษภัยอะไร แต่ว่าตอนนี้ มีใครที่ไหนจะให้ของเล่นยื่นมือเข้ามายุ่มย่ามเรื่องสำคัญแบบนี้?
พอมาคิดดูดีๆ อันที่จริงในชาติที่แล้วซือเยี่ยหานจงใจให้เธอยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องบริษัทหลายครั้ง คิดว่าเพราะอยากจะเพิ่มบารมีให้เธอ ปูทางให้เธอในอนาคต เพียงแต่ถูกเธอเข้าใจว่าตั้งใจกลั่นแกล้งเธอ เธอพังมันทั้งหมด ผลเลยตรงกันข้ามยิ่งเพิ่มความไม่พอใจไปทั่ว…
…
ชั้นล่าง สวี่อี้กำลังสั่งงานกับบรรดาคนรับใช้ หลิวอิ่งเดินเข้ามาด้วยความฉุนเฉียว
สวี่อี้เห็นผู้ที่เดินเข้ามาจึงเอ่ยทักทาย “หลิวอิ่ง กลับมาแล้วเหรอ?”
หลิวอิ่งทำหน้านิ่ง “สวี่อี้ นายมากับฉันหน่อย”
เห็นสีหน้าหลิวอิ่งไม่สู้ดี สวี่อี้พอจะเดาได้ว่าเรื่องอะไร โบกมือให้คนรับใช้ถอยออกไปแล้วเดินตามหลิวอิ่งไปในบ้าน
ทั้งสองคนเดินตามกันไปจนถึงมุมที่ไร้ผู้คนในบ้าน
พอหาจุดยืนได้แล้ว หลิวอิ่งหันตัวกลับชกเข้าที่หน้าของสวี่อี้ทันที
เสียงพลั่กดังขึ้น สวี่อี้ไม่ได้ระวังตัวแม้แต่น้อย ถูกชกเข้าอย่างจัง จนสมองสั่นมึนงง
หลิวอิ่งถูกไฟโมสะครอบงำ “สวี่อี้! นายไม่ได้แค่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร แม้แต่เจ้านายของตัวเองเป็นใครก็ลืมไปแล้วใช่ไหม!”
พักหนึ่งกว่าสวี่อี้จะหายมึนงง ยืดตัวขึ้นตรง มองชายหนุ่มตรงหน้านิ่ง “นายจะพูดอะไร?”
หลิวอิ่งส่งเสียงเฮอะ “พูดอะไรงั้นเหรอ? พูดถึงท่าทีประจบประแจงผู้หญิงคนนั้นของนายไงล่ะ!”
สวี่อี้พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หลิวอิ่ง ระวังคำพูดหน่อย! อย่าลืมสิว่า คุณหนูหวั่นหวั่นเคยช่วยเจ้านาย เคยช่วยพวกเราทุกคนเอาไว้ รวมถึงนายด้วย!”
หลิวอิ่งส่งเสียงเฮอะ “นี่คือเหตุผลของนายงั้นเหรอ? ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น นายคิดว่าฉันจะทนได้ถึงตอนนี้ไหม?
ทีแรกฉันก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ครั้งนี้เธอกลับคัดค้านการผ่าตัด นายรู้หรือเปล่าว่านายท่านอาจจะตายเพราะเธอ?
ยิ่งไปกว่านั้นครั้งก่อนก็เพราะมีสายรายงาน นายหลงคิดว่าเป็นความดีความชอบของเธองั้นสิ? เธอมีสิทธิอะไรมายุ่งเรื่องงานที่บริษัท มีสิทธิอะไรมาสั่งพวกเรา มีสิทธิอะไรทำให้คุณหนูรั่วซีอับอาย!”
ฟังคำพูดของหลิวอิ่ง สวี่อี้ก็นิ่งเงียบ
สิ่งที่เยี่ยหวันหวั่นทำไม่ใช่เพราะมีสายบอกเธอ สายลับคนนั้นตายไปตั้งนานแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเยี่ยหวันหวั่น ป่านนี้พวกเขาทุกคนคงจะตายกันไปหมดแล้ว
แม้เขาจะไม่รู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นรู้ได้อย่างไร แต่เขาเชื่อว่าเธอไม่คิดร้ายกับนายท่านแน่นอน
แต่ว่า เขาบอกเรื่องเหล่านี้กับหลิวอิ่งไม่ได้ หลิวอิ่งอคติกับเยี่ยหวันหวั่นมากเกินไป หากรู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นรู้เรื่องมากมายขนาดนั้นด้วยตัวเอง ก็ยากที่จะไม่สร้างปัญหาขึ้นอีก
เห็นสวี่อี้เงียบไป สายตาของหลิวอิ่งก็ยิ่งเยียบเย็น “ทำไม? ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหรอ? นายถูกผู้หญิงคนนั้นซื้อไปแล้วสินะ!”
สายตาแน่วแน่ของสวี่อี้จ้องหลิวอิ่ง พูดทีละคำว่า “หลิวอิ่ง ยังไม่ครบเวลาสามเดือน ตอนนี้ยังไม่มีผลลัพธ์อะไร ใครก็ตัดสินอะไรง่ายๆ ไม่ได้
แล้วก็ คุณหนูหวันหวั่นไม่ใช่คนอย่างที่นายเห็นที่เป็นแค่คุณหนูไฮโซอ่อนแอไม่รู้อะไร ตรงกันข้าม เธอกล้าหาญฉลาดเฉลียว ใจเย็นและมีสติ
ต่อให้สายลับจะบอกเรื่องพวกนั้นกับเธอ แต่ลองถามใจนายเองดูสิ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ในสถานการณ์แบบนั้นการที่สามารถหลอกพันธมิตรเลือดที่โหดร้ายด้วยสีหน้าเรียบเฉยได้ อาศัยแค่ดวงอย่างนั้นเหรอ?
หลิวอิ่ง นายเอาแต่ใช้อารมณ์ตัดสินเธอ จนสูญเสียมุมมองของคนนอก ตอนนี้ฉันไม่อยากจะเถียงกับนาย”
สวี่อี้พูดจบก็ยกมือขึ้นเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก “แล้วก็นะ ฉันรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่!”
………………………………………………
บทที่ 500 แค่พูดอะไรหวานๆ ต้องเปลืองแรงขนาดนี้เลยเหรอ
เจ้าของห้องด้านบน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี