นี่ก็เป็นโชคดีที่เธอฉลาดถึงได้เข้าใจ…
ซือเยี่ยหานมองดูใบหน้าเอือมระอาของหญิงสาว แล้วเอ่ยว่า “เธอสอนฉันสิ”
เยี่ยหวันหวั่นทำท่าหมดคำพูด “ฉันคิดว่า…”
คงจะเรียนไม่สำเร็จหรอก…คุณสมบัติด้อยเกิดไป…
แน่นอนว่าเยี่ยหวันหวั่นไม่กล้าพูดความจริง จึงพูดขึ้นด้วยท่าทางขึงขัง “อื้อ ฉันคิดว่าคุณไม่ต้องเรียนหรอก แค่หน้าตาของคุณก็เพียงพอแล้ว!”
ซือเยี่ยหานได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สิ่งที่เธอจะพูดเมื่อกี้ไม่ใช่ประโยคนี้แน่ๆ
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็กระโดดลุกขึ้นมานั่งข้างซือเยี่ยหาน ศีรษะน้อยแหงนขึ้นมองเขา “ให้คุณสอนฉันดีกว่า! สอนฉันจัดการงานพวกนี้ เดี๋ยวรอให้ฉันเรียนจนทำได้ ก็ช่วยคุณแบ่งเบาได้แล้ว!”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าซือเยี่ยหานเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทีละนิด “เธออยากเรียนงั้นเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว อันที่จริง เธอก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่…
คงเพราะเห็นความลังเลของเยี่ยหวันหวั่น ซือเยี่ยหานมองเธอนิ่งลึก “เธอไปคิดให้ดีก่อนค่อยตอบฉัน”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องหรอก ฉันตัดสินใจแล้ว”
เธอรู้ว่าการตัดสินใจแบบนี้มีความหมายว่าอะไร แต่ว่า ตั้งแต่ที่เธอเลือกแทรกแซงเรื่องการเดินทางไปประเทศ B เรื่องราวมากมายก็อยู่เหนือการควบคุมของเธอแล้ว…
ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังเหม่อลอย เสียงริงโทนโทรศัพท์พลันดังขึ้น เป็นสายจากเจียงเยียนหราน
เห็นโทรศัพท์จากเจียงเยียนหราน เยี่ยหวันหวั่นถึงนึกขึ้นได้ว่า เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปิดเทอมฤดูร้อนใกล้จะสิ้นสุดแล้ว
เพราะว่าปิดเทอมฤดูร้อนครั้งนี้เธอยุ่งมากจริงๆ จนไม่มีเวลาติดต่อกับพวกเจียงเยียนหราน
เจียงเยียนหรานเป็นต้นกล้าชั้นดี แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะรับปากกับตนว่าหากจะเข้าวงการ จะเลือกเธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวก่อนเป็นอันดับแรก แต่ด้วยความสัมพันธ์ในในช่วงที่ผ่านมานี้ เจียงเยียนหรานไม่เพียงเป็นพาร์ทเนอร์ในอนาคต ที่มากกว่านั้นคือเธอเป็นเพื่อน
ถึงเวลานั้นเธอจะเลือกอย่างไร ตัวเธอเองก็จะไม่บังคับฝืนใจ
“สายจากเจียงเยียนหรานน่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นบอกกับซือเยี่ยหานแล้วรับโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮัลโหล เยียนหราน?”
“หวันหวั่น…”
“ฉันกำลังอยากโทรหาเธอพอดี อีกไม่กี่วันจะเปิดเรียนเลยจะชวนเธอไปรายงานตัวด้วยกัน” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“ดีสิ! พวกเราไปด้วยกันนะ…”
เยี่ยหวันหวั่นกำลังจะพูดต่อ ทว่าการรับรู้อันเฉียบคมของเธอจับได้ว่าน้ำเสียงของเจียนเยียนหรานจะไม่ค่อยปกติ “เป็นอะไรไป? เสียงดูไม่ค่อยมีแรงเลย”
“ฉัน…” เจียงเยียนหรานอึกอัก
หวันหวั่นได้ยินเสียงโหวกเหวกและเสียงเพลงจางทางเจียงเยียนหรานลางๆ จึงขมวดคิ้ว “ทำไมฝั่งเธอถึงเสียงดังขนาดนี้? เธออยู่ที่ไหน?”
เจียงเยียนหรานไม่ได้ตอบ นิ่งเงียบอยู่สักพักถึงได้เอ่ยปากช้าๆ “หวันหวั่น ฉันอาจจะ…ต้องเลิกกันแล้วล่ะ…”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินพลันนิ่งอึ้ง “เธอว่าไงนะ?”
ทำไมถึงกะทันหันแบบนี้?
เห็นสีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเปลี่ยนไป ซือเยี่ยหานจึงหันมองเธอ
“ทำไมจู่ๆ ถึงจะเลิก? ฉู่เฟิงทำอะไร?” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างร้อนใจ
ปลายสายเงียบไปนานกว่าเสียงเจียงหรายจะดังขึ้นอีกครั้ง “ช่วงนี้…ที่เขาคบกับฉันอยู่…เขายังคบกับผู้หญิงอีกคนอยู่ด้วยมาตลอด…”
“เธอว่าไงนะ? จะเป็นไปได้ยังไง!” ใบหน้าเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ราวกับได้ฟังเรื่องราวที่เป็นไปไม่ได้
ต่อให้ไอ้หนุ่มฉู่เฟิงนั่นยืมความกล้าไปสักร้อยจุด เขาก็ไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้หรอก!
“เยียนหราน เป็นไปได้ไหมที่เธอจะเข้าใจอะไรผิดไป?” เยี่ยหวันหวั่นถามต่อ
เจียงเยียนหรานหัวเราะอย่างขมขื่น “เข้าใจผิดเหรอ? ฉันสังเกตเห็นตั้งนานแล้วว่าเขาผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งวันนั้น ฉันเห็นกับตาว่าเขากำลังเดินช้อปปิ้งเป็นเพื่อนผู้หญิงคนนั้น ฉันยืนอยู่นอกร้านโทรหาเขา เขากลับโกหกว่าอยู่บ้าน”
…………………………………………………….
บทที่ 502 ชนให้ฉันดูอีกทีสิ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี