บทที่ 877 ทำไมปู่สี่ต้องคุกเข่าอย่างนี้
ร่างของสวี่อวี้สั่นสะท้านเล็กน้อย “คุณชายเก้า…”
ใบหน้าของซือหมิงหรงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “มีวิธีช่วยให้หัวหน้าตระกูลได้พูดอะไรกับเราสักหน่อยไหม…”
อาการป่วยของซือเยี่ยหานกำเริบกะทันหันเกินไป จึงยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ
ซือหมิงหลี่แสร้งทำหน้าเศร้า ตบไหล่ซือหมิงหรง “พี่รอง อย่าเศร้าไปเลย หัวหน้าตระกูลอดทนมาได้ถึงตอนนี้ ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว…ตระกูลซือยังมีพวกเราอยู่อีก…”
หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญได้ยินอย่างนั้น สีหน้าก็ยิ่งตึงเครียด เขามองซือหมิงหลี่แวบหนึ่ง ทำหน้าบอกอารมณ์ไม่ค่อยถูก กระแอมเบาๆ แล้วบอกว่า “คุณซือฟื้นแล้วครับ”
ซือหมิงหรงพลันดีใจ “อะไรนะ ฟื้นแล้วเหรอ!?”
“ใช่ครับ คุณซือเขา…”
หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวไม่จบ ซือหมิงหลี่ตะลึงงัน คิดในใจว่านี่ต้องเป็นแสงสายัณห์ยามตะวันรอน[1]แน่นอน จึงรีบตัดบทเขา เร่งเร้าว่า “งั้นพวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ! ไปดูเร็วว่าพี่สะใภ้ฟื้นหรือยัง ถ้าฟื้นแล้วก็รีบพามาที่นี่ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะไม่ได้พบหน้าครั้งสุดท้าย…”
“ครับ!” บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งวิ่งออกไปทันที
หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญเงียบนิ่ง
ช่างเถอะ เดี๋ยวพวกเขาเข้าไปก็รู้เอง…
ด้วยเหตุนี้เอง เหล่าผู้อาวุโสรีบเดินตามหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญเข้าไปในห้องผู้ป่วย
ซือหมิงหลี่เตรียมแสดงละครแต่แรกแล้ว วินาทีที่ก้าวเท้าข้ามธรณีประตู ดวงตาของเขาพลันแดงก่ำ พุ่งเข้าไปที่ข้างเตียงผู้ป่วย จากนั้นคุกเข่าลงเสียงดังตุบ
“หัวหน้าตระกูล! โธ่หัวหน้าตระกูล วางใจเถอะ…” ไปเสียเถอะนะ…
วินาทีต่อมา ซือหมิงหลี่เพิ่งคร่ำครวญได้ครึ่งเดียว สีหน้าเศร้าโศกเสียใจก็พลันแข็งค้างเหมือนก้อนหิน
เห็นแต่บนเตียงผู้ป่วยสีขาวว่างเปล่าไร้เงาคน เบื้องหน้าเขากลับปรากฏขายาวๆ คู่หนึ่งยืนอยู่…
ซือหมิงหลี่เสียวสันหลังวาบ ค่อยๆ เลื่อนสายตามองขึ้นข้างบนขานั้น ความหวาดกลัวที่ไม่เคยเป็นมาก่อนถาโถมใส่…
“ทำไมปู่สี่ต้องคุกเข่าอย่างนี้” ซือเยี่ยหานจัดแขนเสื้อ พลางก้มมองซือหมิงหลี่ที่คุกเข่าอยู่แทบเท้าเขา
ซือเยี่ยหานที่เดิมทีควรนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง ยามนี้เปลี่ยนจากชุดผู้ป่วยมาใส่สูทคุณภาพดีขนาดพอดีตัวที่เยี่ยหวันหวั่นนำมาให้เขาก่อนหน้านี้ บนกระเป๋าหน้าอกปักลายกุหลาบสีเข้ม ขับเน้นให้ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขายิ่งสะดุดตากว่าเดิม
เวลานี้ ชายหนุ่มยืนหันหลังให้แสงแดดที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง จัดแขนเสื้ออย่างเอื่อยเฉื่อย ใบหน้าไม่ได้หม่นหมองเหมือนคนใกล้ตาย แต่กลับสดใสมีชีวิตชีวา แววตาแลดูเย็นชา…
“เฮ้ย…!” ม่านตาของซือหมิงหลี่พลันหดเล็กจนถึงที่สุด ตกใจจนคลานถอยหลังไปติดๆ เหมือนเห็นผีกลางวันแสกๆ “หะ…หัวหน้าตระกูล…”
ไม่ใช่แค่ซือหมิงหลี่ แม้แต่ซือหมิงหรงและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็ทำหน้าเหมือนเห็นผีตอนกลางวันไม่ต่างกัน
ในตอนนี้เอง ซุนไป๋เฉ่าที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งอธิบายว่า “ยินดีด้วยๆ คุณชายเก้าพ้นขีดอันตรายแล้ว ก่อนหน้านี้เขาอาเจียนเอาเลือดที่ค้างในร่างกายมาเป็นเวลานานออกมา และเพราะร่างกายต้องการเวลาพักฟื้นจึงเข้าสู่ภวังค์หลับลึกครับ”
ซือหมิงหรงตะลึงงันอยู่นานกว่าจะได้สติ และฟื้นคืนความสามารถในการพูดกลับมา “ถ้าอย่างนั้น…ตอนนี้ร่างกายของหัวหน้าตระกูล…ยังมีตรงไหนน่าเป็นห่วงไหม?”
ซุนไป๋เฉ่ายิ้มบอก “ถึงจะยังพูดไม่ได้ว่าอาการป่วยของคุณชายเก้าหายขาดแล้ว แต่สภาพร่างกายมั่นคงขึ้นมาก ขอแค่รักษาให้อยู่ในสภาพนี้ต่อไป การจะหายดีก็เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น
ต้องขอบคุณคุณหนูหวันหวั่นที่พักนี้ดูแลเอาใจใส่อย่างดี ในฐานะหมอประจำตัวของคุณชายเก้า ผมละอายใจจริงๆ พวกคุณเองก็ควรขอบคุณคุณหนูหวันหวั่นให้มากๆ นะครับ!”
พอได้ฟังคำพูดของซุนไป๋เฉ่า ซือหมิงหลี่พลันปากอ้าตาค้าง สีหน้าเปี่ยมด้วยความไม่อยากเชื่อ ตะลึงงันจนค้างไปแล้ว!
เป็นไปได้ยังไง เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าซือเยี่ยหานกำลังจะตาย เวลาต่อมาดันลุกขึ้นมากระปรี้กระเปร่าแล้ว!
เขา…เขาเพิ่งจะส่งนางแพศยานั่นเข้าคุกไป!
จบกัน…จบกันล่ะสิ…
ต้องรีบไปเอาตัวผู้หญิงคนนั้นออกมา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี