แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์ นิยาย บท 22

 ตอนที่ 22 ไสหัวไปจากจวนอ๋อง

 เจียงเว่ยหว่านมองดูถาดที่อยู่ในมือจางหาน จึงได้ผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก

“ทีนี้คงยืนยันความบริสุทธิ์ของข้าได้แล้ว ทุกสิ่งที่ข้าสัมผัสล้วนมีประกายทั้งสิ้น ถาดใบนี้ถูกหมิงเอ๋อร์เอากลับไปนาน และนางก็น่าจะเช็ดไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ความเรืองแสงก็ยังอยู่”

น้ำเสียงนางสื่อถึงความมีอำนาจ

“ท่านอ๋อง ภาพของพระชายาเดิมท่านคงเห็นแล้ว สิ่งที่ข้าสัมผัสก็มีประกาย แต่จุดที่ถูกทำลายมากที่สุดกลับมืดมิด นั่นแสดงว่าไม่ใช่ฝีมือของข้า อีกทั้งตอนนั้นข้าก็ไปห้องตำราคนเดียว โดยไม่มีผู้ช่วย ฉะนั้นขอให้ท่านจงไต่สวนเรื่องนี้ให้ดีเถอะ!”

นางรู้สึกโกรธอย่างมาก และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ใช่เอะอะก็มาโยนความผิดให้ข้ารับ ทั้งที่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย”

ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง เหมือนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

“นี่มันอะไรกัน?” เซียวจิ้งเป่ยขมวดคิ้ว ถามเสียงเย็นชา

หลี่เยียนเอ๋อร์น้ำตาร่วง พลางกล่าวเสียงสะอื้นว่า “ท่านอ๋อง บางทีเราอาจเข้าใจพระชายาผิดไปจริง ๆ หม่อมฉันรู้เพียงว่านางไปห้องตำราของท่าน ส่วนใครทำลายภาพเขียนนั้น หม่อมฉันแค่คาดเดาเท่านั้น”

“คาดเดา?” เจียงเว่ยหว่านยิ้มขำ “เมื่อกี้เห็นยืนกรานหนักแน่นว่าข้าเป็นคนทำลาย ตอนนี้ทำไมกลับคำซะล่ะ?”

นางใช้สายตาเกรี้ยวกราดมองไปทางหลี่เยียนเอ๋อร์ ใบหน้างดงามนั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

เจียงเว่ยหว่านเตือนนางเสียงเข้ม “หลี่เยียนเอ๋อร์ เจ้าให้ร้ายข้า รู้มั้ยว่ามีโทษหนัก”

หลี่เยียนเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น แต่นางก็รู้จักยืดหยุ่น รีบกล่าวเสียงหวานกับเจียงเว่ยหว่านว่า “พระชายา เป็นความเหลวไหลของหม่อมฉันเอง ที่เข้าใจท่านผิด โปรดอย่าถือสาหม่อมฉันเลยนะ หม่อมฉันขอขมาท่านแล้ว”

เจียงเว่ยหว่านยิ้มหยันตอบ “ถ้าการขอโทษมีประโยชน์ บ้านเมืองยังต้องมีกฎหมายอีกหรือ?”

“พระชายา หม่อมฉันเลอะเลือนชั่วขณะ ท่านเป็นผู้ใหญ่อย่าถือสาผู้น้อยเลยนะ” น้ำตาของหลี่เยียนเอ๋อร์ร่วงพรูราวกับทำนบแตก

“ฮึ ยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้น้อยแล้วหรือ?” เจียงเว่ยหว่านเลิกคิ้วเบา ๆ ตอบโต้นางอย่างเย็นชา

เซียวจิ้งเป่ยสายตาแหลมคม ให้หลี่เยียนเอ๋อร์สำนึกผิดแค่ไหนก็สายเกินแก้เสียแล้ว นางได้แต่แสร้งทำไขสือต่อไป

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันเพียงแต่ร้อนใจและเสียใจแทนท่าน ด้วยความร้อนรนจึงเข้าใจพระชายาผิดไป เมื่อครู่หม่อมฉันไม่ตั้งใจจริง ๆ”

ไม่ตั้งใจ?

เจียงเว่ยหว่านฟังแล้วก็อยากขำ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจนัก และคงมีแต่คนที่ชอบหญิงประเภทนี้ถึงได้เออออห่อหมกตามนางอยู่ร่ำไป

“ท่านอ๋อง สุดแล้วแต่ท่านเถอะ!” เจียงเว่ยหว่านไม่รีบไม่ร้อน ดวงตาคู่งามจับจ้องที่ใบหน้าคมสันของเซียวจิ้งเป่ย สีหน้าเรียบเฉยและกล่าวว่า “ข้าจะไม่รับการขอโทษจากนาง ข้าถูกกล่าวหาเช่นนี้ เพียงแค่ขอโทษคำเดียวจะให้อภัยได้ยังไง?”

หลี่เยียนเอ๋อร์ยิ่งร้องไห้ใหญ่โต ด้วยท่าทีน่าสงสารเป็นอย่างมาก

“แล้วพระชายาจะเอายังไง?”

เจียงเว่ยหว่านปรายตามองนางผ่าน ๆ ริมฝีปากเผยอยิ้มอย่างสวยงาม พูดเน้นย้ำทีละคำว่า “เจ้าไสหัวไปจากจวนอ๋องซะ”

หลี่เยียนเอ๋อร์สีหน้าซีดเผือด หยาดน้ำตาไหลผ่านใบหน้างาม ริมฝีปากสั่นระริก พูดพลางสะอื้นไห้ “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง...”

นางขอความช่วยเหลือจากเซียวจิ้งเป่ย

สีหน้าเซียวจิ้งเป่ยดูเคร่งขรึม ดวงตาจับจ้องที่เจียงเว่ยหว่านอยู่ตลอด ริมฝีปากบางแอบเผยอขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“เจียงเว่ยหว่าน อย่าลืมสิ่งที่เจ้าเคยรับปากข้าไว้”

เขากำลังเอาสัญญามาข่มขู่นางอยู่!

ทีเมื่อครู่ไม่เห็นจำสัญญาของพวกเขาได้เลย ตอนนี้เพื่อจะปกป้องนางในดวงใจกลับเอาสัญญามาอ้างงั้นหรือ?

เจียงเว่ยหว่านหรี่ตาเล็กน้อย ตอบโต้เสียงแข็งว่า “ท่านอ๋อง ท่านยังจำสัญญาของเราได้อยู่ งั้นก็ดีแล้ว”

“ท่านอ๋อง ถ้าจะให้นางอยู่ในจวนต่อ ก็ต้องรักษาสัญญาของเราไว้ หากไม่เช่นนั้น...”

“เจียงเว่ยหว่าน อย่าคิดว่าได้คืบจะเอาศอกอีก” เซียวจิ้งเป่ยแววตาคมลึก น้ำเสียงดุดัน แสดงถึงอำนาจที่ไม่อาจต้านทาน “จวนอ๋องฉินเป็นบ้านของข้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้าคนเดียว”

เป็นการเตือนเจียงเว่ยหว่านว่าอย่าทำเกินไปนัก มิฉะนั้นอย่าหาว่าเขาใจร้าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์