ชิวอวิ๋นคว้าแขนเล็ก ๆ ของเด็กคนนั้นและดึงตัวออกไป แต่คิดไม่ถึงว่าเหยาชิงหลีจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย และโน้มตัวลงมาอุ้มเขาขึ้นไป
“ค...คุณหนู” ชิวอวิ๋นตกตะลึงไปในทันที
เสียวเป่าเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เขามองไปที่เหยาชิงหลีที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น อยู่ ๆ เขาก็ได้รับความเอ็นดูขึ้นมา
“เจ้าชื่อเสียวเป่างั้นหรือ?” เหยาชิงหลียิ้มจาง ๆ
“อืม...” เสียวเป่าสะอื้น “ข้า ข้ายังมีชื่ออีกชื่อว่าเป็นลูกผู้หญิงสำส่อน...ฮือฮือ...”
เท้าของเหยาชิงหลีเกือบลื่นจนหกคะมำ
“เจ้าเด็กคนนี้...” ชิวอวิ๋นมีสีหน้าเขียวปั๊ด ลูกผู้หญิงสำส่อนงั้นหรือ? นี่ไม่ใช่เป็นการด่าคุณหนูหรอกหรือ? ดูท่านี่คงเป็นคำพูดของท่านยายหลิวที่มักจะดุด่าและเรียกใช้เขากระมัง
เหยาชิงหลีเงยหน้าขึ้นมา แต่เห็นแค่เพียงดวงอาทิตย์ที่กำลังสาดส่องแสงลงมาอย่างแสบตา ”ต่อไปก็เรียกเจ้าว่าเหยาเยี่ยก็แล้วกัน ชื่อเล่นว่าเสียวเป่าก็ฟังดูไม่เลว”
“นี่...” ชิวอวิ๋นกับซย่าเอ๋อร์สบตาใส่กัน และตกใจจนเบิกตากว้าง หรือว่าตั้งใจจะยอมรับเลี้ยงเขาแล้วใช่ไหม?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ชิวอวิ๋นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกอย่างมาก ด้วยชื่อเสียงของคุณหนูที่มีอยู่ในตอนนี้ ต่อไปหากจะแต่งงานคงยากที่จะได้แต่งได้ การที่มีลูกอย่างน้อยก็มีผู้สืบทอดสกุลแล้ว
“ท่านแม่...ไม่ทิ้งเสียวเป่าแล้วใช่ไหมขอรับ?” เสียวเป่าร้องสะอึกสะอื้น
“ไม่ทิ้งแล้ว” เหยาชิงหลีลูบศีรษะของเขา
“ฮือ...” เสียวเป่าร้องไห้และก็กระโจนเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของเหยาชิงหลี “ท่านแม่...”
ความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิมที่ไม่อาจยอมรับเสียวเป่าและทอดทิ้งเสียวเป่าไปเธอพอเข้าใจนางได้ แต่เธอไม่อาจเห็นด้วยกับสิ่งนี้ ตอนนี้เธอมารับช่วงต่ออยู่ในร่างนี้แล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถขัดต่อหลักการของตัวเองยอมทอดทิ้งเด็กคนนี้ไปได้
“ปังปังปัง!” ในตอนนั้นเองข้างนอกประตูก็มีเสียงตบประตูดังขึ้นมา
ชิวอวิ๋นกับซย่าเอ๋อร์พากันตกใจยกใหญ่ เพราะเมื่อวานพวกนางถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงตบประตูกลางดึก จากนั้นเหยาติ่งก็พากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา สุดท้ายพวกนางก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูลมา เสียงตบประตูเช่นนี้ทำให้ชีวิตของพวกนางต้องพลิกผันเปลี่ยนไปเหมือนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็ไม่ปาน พอมีเสียงประตูดังขึ้นจึงทำให้พวกนางหวาดกลัวขึ้นมา
“หรือว่า...จะเป็นพวกของนายท่านที่มา...” ซย่าเอ๋อร์พูดด้วยใบหน้าซีดขาว หรือว่าเกิดเสียใจที่ปล่อยพวกนางไปงั้นหรือ? หรือว่าต้องการจับคุณหนูไปฆ่างั้นหรือ?
“ไม่ใช่หรอก” เหยาชิงหลียิ้มอย่างเย้ยหยัน “ถ้าเขาอยากฆ่าข้า คงฆ่าไปนานแล้ว”
เหยาติ่งเป็นคนที่ตระกูลเฉียวช่วยดันขึ้นมาทีละนิด ถ้าหากลูกสาวคนเดียวของตระกูลเฉียวถูกฆ่าตายไปกะทันหัน ไม่ว่านางจะถูกตราหน้าจนชื่อเสียงเสียหายหรือไม่ แต่คนอื่นก็ต้องครหาอยู่ดีว่าตายไปโดยไร้ซึ่งหลักฐาน จะเป็นเหยาติ่งนั่นแหละที่เนรคุณ แต่ตอนนี้นางยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นยังคงต้องแบกรับตราบาปนี้เอาไว้ คนอื่น ๆ ก็จะด่าแค่ว่าลูกสาวที่เฉียวซื่อคลอดออกมาสำส่อนไร้ยางอาย แต่ไม่ได้ด่าไปที่เหยาติ่ง
ดังนั้นเหยาติ่งไม่มีทางฆ่านาง
“ไปเปิดประตูเถอะ ดูซิว่าเป็นใคร” เหยาชิงหลีเอ่ยพูด
“เจ้าค่ะ” ซย่าเอ๋อร์วิ่งไปอย่างกระวนกระวายใจและเปิดประตูออก “ใคร...เจ้าคะ อ้าวนายหญิงหลัว?”
เหยาชิงหลีมองออกไปข้างนอกก็เห็นหญิงร่างท้วม เตี้ยป้อมคนหนึ่ง นางอายุประมาณสี่สิบต้น ๆ และกำลังทำหน้าตาบึ้งตึงพร้อมกับสะบัดผ้าเช็ดหน้ากลิ่นอบเชยของตัวเองขณะที่นางเดินก้าวข้ามธรณีประตูมา และนางก็เดินพุ่งตรงมาที่เรือนด้วยความโกรธ ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ที่นั่นเหมือนกับมีภูเขาลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่
“นายหญิงหลัว ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?” ซย่าเอ๋อร์รีบเอ่ยถาม
“หึ ค่าเช่าของพวกเจ้า หนึ่งตำลึงคงไม่พอหรอก ต้องเดือนหนึ่งสองตำลึง” นายหญิงหลัวเลิกคิ้วขึ้นและเอ่ยพูดด้วยความโมโห
เหยาชิงหลีและชิวอวิ๋นที่อยู่ในห้องตะลึงค้างทันที นี่หรือเจ้าของบ้านของพวกนาง? แต่ปัญหาในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนี้ เพราะพวกนางเพิ่งจะย้ายเข้ามาเอง ทำไมเจ้าของบ้านถึงจะขึ้นค่าเช่าเสียแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงข้ามภพ