เข้าสู่ระบบผ่าน

แพทย์หญิงข้ามภพ นิยาย บท 6

ชิวอวิ๋นคว้าแขนเล็ก ๆ ของเด็กคนนั้นและดึงตัวออกไป แต่คิดไม่ถึงว่าเหยาชิงหลีจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย และโน้มตัวลงมาอุ้มเขาขึ้นไป

“ค...คุณหนู” ชิวอวิ๋นตกตะลึงไปในทันที

เสียวเป่าเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เขามองไปที่เหยาชิงหลีที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น อยู่ ๆ เขาก็ได้รับความเอ็นดูขึ้นมา

“เจ้าชื่อเสียวเป่างั้นหรือ?” เหยาชิงหลียิ้มจาง ๆ

“อืม...” เสียวเป่าสะอื้น “ข้า ข้ายังมีชื่ออีกชื่อว่าเป็นลูกผู้หญิงสำส่อน...ฮือฮือ...”

เท้าของเหยาชิงหลีเกือบลื่นจนหกคะมำ

“เจ้าเด็กคนนี้...” ชิวอวิ๋นมีสีหน้าเขียวปั๊ด ลูกผู้หญิงสำส่อนงั้นหรือ? นี่ไม่ใช่เป็นการด่าคุณหนูหรอกหรือ? ดูท่านี่คงเป็นคำพูดของท่านยายหลิวที่มักจะดุด่าและเรียกใช้เขากระมัง

เหยาชิงหลีเงยหน้าขึ้นมา แต่เห็นแค่เพียงดวงอาทิตย์ที่กำลังสาดส่องแสงลงมาอย่างแสบตา ”ต่อไปก็เรียกเจ้าว่าเหยาเยี่ยก็แล้วกัน ชื่อเล่นว่าเสียวเป่าก็ฟังดูไม่เลว”

“นี่...” ชิวอวิ๋นกับซย่าเอ๋อร์สบตาใส่กัน และตกใจจนเบิกตากว้าง หรือว่าตั้งใจจะยอมรับเลี้ยงเขาแล้วใช่ไหม?

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ชิวอวิ๋นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกอย่างมาก ด้วยชื่อเสียงของคุณหนูที่มีอยู่ในตอนนี้ ต่อไปหากจะแต่งงานคงยากที่จะได้แต่งได้ การที่มีลูกอย่างน้อยก็มีผู้สืบทอดสกุลแล้ว

“ท่านแม่...ไม่ทิ้งเสียวเป่าแล้วใช่ไหมขอรับ?” เสียวเป่าร้องสะอึกสะอื้น

“ไม่ทิ้งแล้ว” เหยาชิงหลีลูบศีรษะของเขา

“ฮือ...” เสียวเป่าร้องไห้และก็กระโจนเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของเหยาชิงหลี “ท่านแม่...”

ความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิมที่ไม่อาจยอมรับเสียวเป่าและทอดทิ้งเสียวเป่าไปเธอพอเข้าใจนางได้ แต่เธอไม่อาจเห็นด้วยกับสิ่งนี้ ตอนนี้เธอมารับช่วงต่ออยู่ในร่างนี้แล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถขัดต่อหลักการของตัวเองยอมทอดทิ้งเด็กคนนี้ไปได้

“ปังปังปัง!” ในตอนนั้นเองข้างนอกประตูก็มีเสียงตบประตูดังขึ้นมา

ชิวอวิ๋นกับซย่าเอ๋อร์พากันตกใจยกใหญ่ เพราะเมื่อวานพวกนางถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงตบประตูกลางดึก จากนั้นเหยาติ่งก็พากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา สุดท้ายพวกนางก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูลมา เสียงตบประตูเช่นนี้ทำให้ชีวิตของพวกนางต้องพลิกผันเปลี่ยนไปเหมือนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็ไม่ปาน พอมีเสียงประตูดังขึ้นจึงทำให้พวกนางหวาดกลัวขึ้นมา

“หรือว่า...จะเป็นพวกของนายท่านที่มา...” ซย่าเอ๋อร์พูดด้วยใบหน้าซีดขาว หรือว่าเกิดเสียใจที่ปล่อยพวกนางไปงั้นหรือ? หรือว่าต้องการจับคุณหนูไปฆ่างั้นหรือ?

“ไม่ใช่หรอก” เหยาชิงหลียิ้มอย่างเย้ยหยัน “ถ้าเขาอยากฆ่าข้า คงฆ่าไปนานแล้ว”

เหยาติ่งเป็นคนที่ตระกูลเฉียวช่วยดันขึ้นมาทีละนิด ถ้าหากลูกสาวคนเดียวของตระกูลเฉียวถูกฆ่าตายไปกะทันหัน ไม่ว่านางจะถูกตราหน้าจนชื่อเสียงเสียหายหรือไม่ แต่คนอื่นก็ต้องครหาอยู่ดีว่าตายไปโดยไร้ซึ่งหลักฐาน จะเป็นเหยาติ่งนั่นแหละที่เนรคุณ แต่ตอนนี้นางยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นยังคงต้องแบกรับตราบาปนี้เอาไว้ คนอื่น ๆ ก็จะด่าแค่ว่าลูกสาวที่เฉียวซื่อคลอดออกมาสำส่อนไร้ยางอาย แต่ไม่ได้ด่าไปที่เหยาติ่ง

ดังนั้นเหยาติ่งไม่มีทางฆ่านาง

“ไปเปิดประตูเถอะ ดูซิว่าเป็นใคร” เหยาชิงหลีเอ่ยพูด

“เจ้าค่ะ” ซย่าเอ๋อร์วิ่งไปอย่างกระวนกระวายใจและเปิดประตูออก “ใคร...เจ้าคะ อ้าวนายหญิงหลัว?”

เหยาชิงหลีมองออกไปข้างนอกก็เห็นหญิงร่างท้วม เตี้ยป้อมคนหนึ่ง นางอายุประมาณสี่สิบต้น ๆ และกำลังทำหน้าตาบึ้งตึงพร้อมกับสะบัดผ้าเช็ดหน้ากลิ่นอบเชยของตัวเองขณะที่นางเดินก้าวข้ามธรณีประตูมา และนางก็เดินพุ่งตรงมาที่เรือนด้วยความโกรธ ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ที่นั่นเหมือนกับมีภูเขาลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่

“นายหญิงหลัว ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?” ซย่าเอ๋อร์รีบเอ่ยถาม

“หึ ค่าเช่าของพวกเจ้า หนึ่งตำลึงคงไม่พอหรอก ต้องเดือนหนึ่งสองตำลึง” นายหญิงหลัวเลิกคิ้วขึ้นและเอ่ยพูดด้วยความโมโห

เหยาชิงหลีและชิวอวิ๋นที่อยู่ในห้องตะลึงค้างทันที นี่หรือเจ้าของบ้านของพวกนาง? แต่ปัญหาในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนี้ เพราะพวกนางเพิ่งจะย้ายเข้ามาเอง ทำไมเจ้าของบ้านถึงจะขึ้นค่าเช่าเสียแล้ว!

“เจ้า...ดีมาก ดีเลย ตอนนี้ถ้าพวกเจ้าต้องการไป แต่ข้าขอบอกก่อนเลยว่าค่าเช่าหนึ่งตำลึงที่พวกเจ้าเคยจ่ายมา ข้าไม่มีทางคืนให้กับพวกเจ้าหรอก”

“ไม่คืนก็ไม่คืนสิ” เหยาชิงหลีกลับหัวเราะเยาะใส่ “หากเช่าที่นี่ต่อ ทุกเดือนก็ต้องจ่ายสองตำลึงต่อเดือน หนึ่งปีก็ต้องจ่ายยี่สิบสองตำลึง หากออกจากเมืองหลวงไปเช่าบ้านเล็ก ๆ ในชนบทอยู่ ปีหนึ่งก็แค่สองหรือสามตำลึงเท่านั้น ออกไปยังไงก็คุ้มกว่าอยู่แล้ว!”

“เจ้า...” นายหญิงหลัวโกรธจนเอามือกุมหน้าอก

“ซย่าเอ๋อร์ ชิวอวิ๋น พวกเราไปกันเถอะ” เหยาชิงหลีพูดเรียบ ๆ แล้วหมุนตัวหันหลังไป

“เดี๋ยวก่อน!” สีหน้าของนายหญิงหลัวเขียวปั๊ดไปครู่หนึ่งและก็เปลี่ยนไปซีดขาวครู่หนึ่ง “พวกเราเซ็นสัญญาซื้อขายกันแล้ว ใครเช่าไม่ถึงหนึ่งปีจะต้องชดใช้ค่าเช่าห้าเท่า”

“ได้สิ ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะไม่ยกเลิกสัญญา และอิงตามสัญญาเดิมที่ตกลงไว้ หนึ่งเดือนหนึ่งตำลึง อย่าคิดจะเพิ่มแม้แต่เหวินเดียว”

“เจ้า เจ้า เจ้า....” นายหญิงหลัวโกรธจนรู้สึกว่าร่างทั้งร่างไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้นอกจากคำว่า “เจ้า”

“ท่านแม่ ท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ?”อยู่ ๆ ก็มีเสียงที่ร้อนรนใจดังมาจากข้างนอกประตู

และเห็นเพียงชายหญิงคู่หนึ่งอายุราว ๆ ยี่สิบกว่าเดินเข้ามา และพวกเขาก็เป็นลูกชายและลูกสะใภ้ของนายหญิงหลัวนั้นเอง ลูกสะใภ้ของนายหญิงหลัวกำลังตั้งครรภ์ได้แปดเดือน และนางกำลังค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินเข้ามา

“ท่านแม่ พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ” ลูกชายของนายหญิงหลัวก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคองนายหญิงหลัว และเหลือบมองมองเหยาชิงหลีเล็กน้อย เขารู้ว่านางเป็นผู้หญิงสำส่อนไร้ยางอายคนนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะมองอย่างดูถูก จากนั้นเบี่ยงสายตาไปมองที่ซย่าเอ๋อร์คนเดียวเท่านั้น “พวกเราตอนเดินเข้ามาก็ได้ยินหมดแล้ว ในเมื่อเซ็นสัญญาซื้อขายกันแล้ว พวกเรามาทำตามสัญญากันเถอะ”

ซย่าเอ๋อร์มองไปที่เหยาชิงหลี เหยาชิงหลีจึงพยักหน้าให้ “ได้”

“หึ! พวกเจ้า! ไอโยว...” นายหญิงหลัวไม่อยากยอมอ่อนข้อให้จริง ๆ แต่นางก็รู้ดีว่า หากไล่เหยาชิงหลีออกไป บ้านหลังนี้ของตัวเองก็ไม่สามารถปล่อยเช่าออกไปราคาสูงได้ถึงหนึ่งตำลึงต่อเดือน

จึงยอมอ่อนข้อตามที่ลูกชายบอก และให้ลูกชายและลูกสะใภ้จูงมือออกไปทีละก้าว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงข้ามภพ