บทที่ 146 คลื่นไส้
กลางค่ำคืนอันมืดมิด
สุนัขตัวใหญ่ขนสีเงินสลับขาววิ่งผ่านผืนทรายสีเหลืองอันทอดยาว
ปลายทางของชิงชูนั้นคือเมือง เมืองไมมู่ ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของพรรคหวงชา
ลั่วอู๋ที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าสู่มิติไหไปพร้อมกับจิตสังหารอาฆาตของเขา
เขาต้องการคันธนูที่ดีพอที่จะยิงอีกฝ่ายได้
และที่นี่นั้นมีอาวุธทุกชนิดอยู่ในคลังอาวุธ
ลั่วอู๋หยิบธนูเหล็กขึ้นมา ในรูปร่างของมันดูเรียบง่ายโดยทำมาจากทองแดงและเหล็ก มันมีน้ำหนักที่กำลังดีไม่มากไม่น้อยเกินไป เห็นได้ชัดว่าคุณภาพของมันนั้นเพียงพอแล้ว
คันธนูต้องแข็งพอที่จะไม่หัก สายต้องแข็งแรงพอที่จะไม่ขาดและลูกธนูต้องพุ่งออกไปได้รวดเร็วพอที่จะโดนเป้าหมาย
ลั่วอู๋หันไปทางแท่นลงตราวิญญาณ เขาลงตราวิญญาณธาตุโลหะเข้ากับคันธนู, ตราวิญญาณธาตุน้ำเข้ากับสายและตราวิญญาณธาตุลมเข้ากับลูกศรเหล็กสิบดอก
เพียงชั่วพริบตาแสงไฟสามดวงสีทอง สีฟ้าและสีเขียวก็ส่องสว่างไปทั่วคลังอาวุธ
……
……
“ แฮ่ก … ”
“ แฮ่ก … ”
ความเร็วของชิงชู ค่อยๆช้าลง การหายใจของเขาแย่ลงมาก หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงเสียงของมันดังลอดผ่านหูของเขาเหมือนกลองสงคราม
เขาจะหยุดไม่ได้
เพราะเขารู้ดีว่าเขากำลังจะตาย.
เขาสูญเสียเลือดไปมากจากการฝืนใช้พลังวิญญาณเกินขีดจำกัดของร่างกาย ความแข็งแกร่งทางพลังวิญญาณและอาการบาดเจ็บสาหัสบนร่างกายของเขาเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า เขากำลังจะตาย
ถ้าเขาผ่อนคลายลดลมหายใจลงละก็ มันคงจะเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้าย จากนั้นเขาก็คงจะต้องตายลงตรงนั้น
เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปต่อทั้งอย่างนี้
เขาไม่สามารถหยุดได้
ไม่ว่าร่างกายของเขาจะเหนื่อยล้าแค่ไหน ไม่ว่าสติของเขาจะคลุมเครือแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถหยุดพักได้
ถ้าหยุดลงตรงนี้ล่ะก็ต้องตายแน่ ๆ
เขาต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป
เขาต้องมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้น
เพราะแบบนั้นเขาต้องวิ่งไปให้ถึงเมืองไมมู่ สำนักงานใหญ่ของพรรคหวงชา เพื่อพบกับผู้นำของพรรคหวงชา ลูหยางพิง เจ้าเมืองไมมู่
เวลานี้คนเดียวที่จะสามารถช่วยเขาให้รอดจากความตายได้คือลูหยางพิง
“ไปต่อ ไปต่อ”
ผืนทรายสีเหลืองถูกเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหล่าสัตว์วิญญาณที่อาศัยอยู่แถบนั้นต่างก็ได้กลิ่นของเลือดฟุ้งไปทั่ว
ชิงชู ฝืนเปลือกตาของเขาให้ยังคงเปิดอยู่ ร่างกายของเขาดูเหมือนจะหมดสติได้ทุกเมื่อ เรียกได้ว่าวิญญาณของเขาพร้อมจะลอยออกไปจากร่างแต่เขาก็ยังคงวิ่งต่อไป
ใกล้แล้ว
ใกล้แล้ว
เขาเริ่มเห็นแสงไฟยามค่ำคืนของเมืองไมมู่
ห้าสิบลี้
สามสิบลี้
สิบลี้
เก้าลี้
แปดลี้
เมืองไมมู่ในสายตาของเขาค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น จากเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลเกินเอื้อม ตอนนี้สามารถมองเห็นเค้าโครงของประตูเมืองได้อย่างชัดเจน แม้แต่โคมไฟที่แขวนอยู่ที่ประตูเขาก็ยังสามารถมองเห็นมันได้
ห้าลี้
สี่ลี้
……
เมื่อยามเฝ้าประตูเมืองเห็นร่างของชายปริศนาคนหนึ่งวิ่งมาจากระยะไกล เขาก็รีบรายงานให้หัวหน้าหน่วยของตนทราบ
สองลี้
หนึ่งลี้
ประตูเมืองถูกเปิดออกและผู้คนจำนวนหนึ่งก็เดินออกมา
หยู่ถงประหลาดใจ “ท่านอาจารย์ชิง! ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?”
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทุกคนรู้จักชิงชู
ในที่สุดชิงชูก็วิ่งไปถึงประตูเมือง ดวงตาของเขาเหม่อลอย ปากของเขาเริ่มมีน้ำลายไหลเอ่อออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ กล้ามเนื้อของเขาเริ่มสั่นอย่างอธิบายไม่ถูก
“ถึงแล้ว … ”
“มาถึงแล้ว … ”
น้ำเสียงของชิงชูเหมือนคนแก่ที่แหบแห้งไร้พลังสิ้นหวัง
“ท่านอาจารย์มากับข้า” เมื่อหยู่ถงเห็นสภาพของชิงชู เขาก็พูดอย่างรีบร้อน “ข้ารู้ว่าหัวหน้าอยู่ที่ไหนมากับข้าเถอะ”
ใบหน้าของชิงชูบิดเบี้ยวเหมือนหนอนอมรณา รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
ในที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไหปีศาจ