ชารอนกำลังจะบอกไซม่อนว่าเธอไม่ได้เอาโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัว แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้ว ชารอนกลับโพล่งสิ่งที่เธอไม่ต้องการจะพูดออกไป “คุณไม่ได้นอนอยู่กับรีเบคก้า ลอว์เรนซ์ที่โรงแรมหรอกเหรอ? คุณมีเวลาโทรหาฉันด้วยงั้นเหรอ?”
ชารอนแทบอยากจะกัดลิ้นของตัวเองในขาดไปเลย เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน? ทำไมเธอถึงพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้ออกมาแบบนั้น!
สายตาของไซม่อนที่จ้องมองดูขี้เล่นมากขึ้นกว่าเดิม ดวงตาของเขาเป็นประกาย “ใครบอกคุณกันว่าผมนอนอยู่ในห้องกับรีเบคก้า?”
เนื่องจากชารอนได้เอ่ยคำพูดออกไปแล้ว มันจึงไม่มีอะไรให้ต้องวิตกกังวลอีกแล้ว เธอตอบกลับอย่างหมดความอดทน “แล้วถ้าฉันบอกว่ารีเบคก้าเป็นคนบอกล่ะ?”
ไซม่อนกางแขนทั้งสองข้างออกและวางไว้บนโต๊ะหินอ่อนพร้อมกับกั้นชารอนเอาไว้ในช่องว่างระหว่างแขน
ลมหายใจของชารอนหยุดนิ่ง เธอหนีไม่พ้น เธอทำได้เพียงเผชิญหน้ากับไซม่อนเท่านั้น เขาเอาแต่มองมาที่ชารอนและกล่าวคำพูดอย่างแผ่วเบา "แล้วคุณเชื่อเธองั้นเหรอ?”
ชารอนหลับตาลง “เชื่อหรือไม่ แล้วมันจะไปสำคัญอะไรล่ะ?”
“แน่นอนสิว่ามันสำคัญ คุณเป็นภรรยาของผมนะ และตอนนี้คุณก็กำลังเข้าใจผิดว่าผมนอนอยู่ในโรงแรมกับผู้หญิงคนอื่น”
ชารอนขมวดคิ้ว เรื่องเข้าใจผิดงั้นเหรอ?
แต่ทว่า รีเบคก้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะโกหกชารอน ยิ่งไปกว่านั้น ชารอนก็ได้ยินเสียงคนกำลังอาบน้ำอยู่จริง ๆ ด้วย ในตอนนั้น ไซม่อนกำลังอาบน้ำอยู่ไม่ใช่รึยังไงกัน?
หัวใจของชารอนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เธอรู้สึกสับสนไปหมด สิ่งเดียวที่ชารอนคิดได้คือหลังจากที่ไซม่อนและรีเบคก้ามีความสุขกันในห้องพักของโรงแรมแล้ว เขาก็แค่กลับมาหว่านคำโกหกอันแสนหวานใส่เธอ
เธอยกมือขึ้นเพื่อผลักไซม่อนออกไป แต่ทว่า เขาก็ยังอยู่ที่เดิมและจับมือของชารอนเอาไว้ ร่างกายอันกำยำของไซม่อนกำลังบังคับให้ชารอนถอยกลับ
เธอสบตาไซม่อนและเริ่มโกรธเล็กน้อย "คุณ..."
“ชารอน อย่าบอกนะว่าคุณหึงผมน่ะ?”
ไซม่อนขัดจังหวะเธอ คำพูดของเขาทำให้เธอตกใจไม่น้อย
ชารอนลืมตาขึ้นและไม่กล้ามองไปที่ไซม่อนอีก แต่ทว่า เธอก็พยายามโต้กลับ “ใครหึงคุณกันล่ะ? เราอยู่ในการแต่งงานกันในนามเท่านั้น อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณด้วย”
ระหว่างที่ชารอนพูดประโยคสุดท้ายจบ ไซม่อนก็หรี่ตาและจ้องไปยังชารอนอย่างเย็นชา เขาเผยรอยยิ้ม “อย่าพูดจาไร้สาระกับคนที่ช่วยชีวิตคุณไว้แบบนั้นสิ!”
“ใครไร้สาระมิทราบ?”
“คุณไง คุณนายแซคคารี่” ไซม่อนตอบอย่างรวดเร็ว สายตาของไซม่อนจับจ้องไปที่ชารอนอย่างไม่สั่นคลอน “ผมถ่ายเลือดให้คุณไปตั้งเยอะนะ แต่คุณกลับบอกว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับผมเลยเนี่ยนะ?”
ทว่า คำพูดของชารอนติดอยู่ในลำคอ ในตอนนี้ ชารอนรู้สึกสับสนไปหมด เธอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยด้วย นอกจากนี้ เธอพลันรู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปบ้าง แต่ทว่า ชารอนก็พลันเงยหน้าขึ้นและบ่นพึมพำออกมา “ฉันไม่ได้ขอให้คุณถ่ายเลือดมาให้มากขนาดนั้นสักหน่อย...”
"คุณพูดว่ายังไงนะ?" ไซม่อนได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น เขาจึงเข้ามาใกล้ขึ้น
ชารอนเริ่มรู้สึกตึงเครียด แม้แต่การหายใจของเธอก็เข้าออกแบบผิดจังหวะ ชารอนพยายามเผยรอยยิ้ม “เอ่อ... ก็ฉันขอบคุณไปแล้วไงที่คุณถ่ายเลือดให้น่ะ อีกอย่าง ฉันขอให้แม่ครัวลีห์ทำซุปตับโกจิให้คุณเป็นพิเศษด้วย”
ไซม่อนเลิกคิ้วและเหลือบมองไปที่ซุปข้างหลังชารน "แม่ครัวลีห์เป็นคนทำซุป ไม่ใช่คุณสักหน่อย คุณติดหนี้บุณคุณผมอยู่ รู้ใช่ไหมเนี่ย?”
ชารอนกระแอม “นั่นเป็นเพราะฉันอยากจะขอบคุณจริง ๆ ต่างหากล่ะ! ฉันเลยขอให้แม่ครัวลีห์ทำซุปให้คุณ อีกอย่าง นี่ก็คือซุปที่แม่ครัวลีห์ทำได้อร่อยที่สุดด้วย ฉันรับประกันเลยว่าคุณจะต้องขอเพิ่มอย่างแน่นอน”
ไซม่อนไม่เถียงกลับได้ยังไงกันว่าชารอนกำลังพูดจาไร้สาระอยู่? ไม่นานนัก ไซม่อนพลันยิ้มกว้างและมองมาที่ชารอน "คุณคิดว่าแค่ซุป มันจะทำให้ผมพอใจได้งั้นเหรอ?"
"งั้นคุณต้องการอะไรอีกล่ะ?" ชารอนพลันแอบคิด ‘ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเรื่องมากขนาดนี้นะ?’
“คุณไม่รู้เหรอว่าผมต้องการอะไร?” สายตาของไซม่อนลุกโชน น้ำเสียงของเขาต่ำลงและยั่วยวนเป็นพิเศษ
ทว่า ชารอนไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเลย ทันทีที่รับรู้ถึงอันตรายจากไซม่อน ชารอนพลันตัวแข็งทื่อ เธอกลายเป็นเหยื่อของเขาไปแล้วงั้นหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไม่รักได้มั้ย…หัวใจของป๊ะป๋าCEO