ชารอนจ้องไปที่ผลลัพธ์ของผลตรวจด้วยความประหลาดใจ 'เด็กคนนั้นเป็นลูกของโฮเวิร์ดจริง ๆ เหรอ?
'เป็นไปได้ยังไงกัน?' เธอได้ยินบทสนทนาระหว่างแซลลี่กับศัลยแพทย์หนุ่มคนนั้นแล้วนะ 'เด็กคนนั้นเป็นลูกของคุณหมอเวย์น!
'เราเข้าใจผิดไปหมดเลยเหรอ?'
'ไม่สิ ถ้าเราเข้าใจผิด แซลลี่คงไม่พูดเรื่องนั้นออกมาที่คฤหาสน์ของตระกูลแซคคารี่หรอก เธอคงไม่ได้ทิ้งตัวลงบันไดเพื่อทำแท้งหรอก แต่ทว่า เธอทำอย่างนั้นไปก็เพราะว่ากลัวลูกในท้องจะเป็นภัยต่อตัวเองไม่ใช่หรือยังไงกัน?!'
'เราแน่ใจมากว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของโฮเวิร์ด เป็นไปได้ไหมนะว่าผลการตรวจนี้จะ...'
ชารอนเงยหน้าขึ้นมองไซม่อนอย่างลังเล 'เขาเข้าใจผิดหรือเปล่านะ?'
แต่ทว่า ชายตรงหน้าเธอก็คือไซม่อน แซคคารี่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเพื่อหลอกชายคนนี้อยู่แล้ว 'คน ๆ นั้นยอมขุดหลุมฝังศพตัวเองและยอมทำผลตรวจปลอมนี้ขึ้นมาเลยงั้นเหรอ?'
“เป็นไปได้ยังไงกัน?” สายตาของชารอนจับจ้องไปที่ผลลัพธ์ของการตรวจ นอกจากนี้ เธอยังได้สติกลับมายังไม่เต็มที่อีกด้วย
'ไม่แปลกใจเลยที่เขาพุ่งเข้าไปต่อยโฮเวิร์ดแทนที่จะโชว์ผลการตรวจดีเอ็นเอให้เขาดู ก็เพราะว่าเด็กคนนั้นลูกเป็นของโฮเวิร์ด'
ภาพเงาสูงตระหง่านของไซม่อนอยู่ตรงหน้าชารอน เขามองดูเธอนั่งอยู่บนพื้น แต่ทว่า ไซม่อนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
ชารอนถือเอกสารเอาไว้แน่นจนทำให้กระดาษยับ เธอพูดกับไซม่อนด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป “ไซม่อน ฉันไม่ได้โกหกคุณนะ ฉันมั่นใจมากเลยว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของโฮเวิร์ดจริง ๆ ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมผลการตรวจถึงเป็นแบบนี้...”
ชารอนไม่แน่ใจเลยว่าอะไรคือสิ่งที่ผิดพลาดไป เพราะในตอนนี้ ชารอนกลัวว่าตัวเองจะเข้าใจผิด เธอกลัวว่าตัวเองจะทำให้เรื่องทั้งหมดแย่ลงด้วยการพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับแซลลี่ และไหนจะเรื่องการหลอกลวงไซม่อนอีก
ไซม่อนยังคงยืนนิ่งและจ้องมองชารอนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผสมปนเป นั่นทำให้ชารอนสงสัยว่าไซม่อนได้ฟังสิ่งที่เธอไปพูดก่อนหน้านี้หรือไม่
ชารอนรู้สึกกระวนกระวายในใจ 'คือ... เขาจะเหมือนกับคนอื่นหรือเปล่านะ? เขาจะไม่เชื่อในตัวเราด้วยงั้นเหรอ?'
'เขาจะคิดว่าเราผลักแซลลี่ตกบันไดเหมือนคนอื่นหรือเปล่านะ? เขาจะคิดว่าเราเป็นผู้หญิงจอมหลอกลวงและชั่วร้ายมาตั้งแต่ต้นหรือเปล่านะ?'
“เอ่อ... คุณเชื่อฉันไหม?”
ไซม่อนยังคงยืนให้แสงไฟตกกระทบจนเผยให้เห็นภาพเงาที่สูงตระหง่านและเด็ดเดี่ยว ในตอนนี้ ชารอนมองไม่ค่อยเห็นหน้าของไซม่อนเท่าไหร่นัก เขาเงียบจนทำให้หัวใจของชารอนจมลงสู่ก้นบึ้งไปเลย 'เขาคงจะไม่เชื่อเราเหมือนคนอื่นสินะ...'
เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับตัวเอง เพราะเธอกังวลไม่น้อยเลยว่าไซม่อนจะเชื่อในตัวเธอหรือเปล่า
“เธอลุกเองได้หรือเปล่า?”
ระหว่างที่ชารอนกำลังรู้สึกหดหู่อย่างถึงที่สุด ระหว่างที่เธอกำลังหรี่ตาลง เสียงของไซม่อนก็ดังขึ้นมา
ทันทีที่ชารอนลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอก็เห็นไซม่อนยื่นฝ่ามือให้แล้ว มันเป็นฝ่ามือที่ใหญ่โตและสะอาดไม่น้อย เธอเห็นแม้กระทั่งลายมือของเขาเลยด้วยซ้ำ 'ฝ่ามือของผู้มีอำนาจสินะ'
ชารอนเริ่มได้สติ แต่ในวินาทีต่อมา ชารอนพลันเอื้อมจับไปจับฝ่ามือของไซม่อนโดยไม่รู้ตัว ไซม่อนเองก็จับมือของชารอนเอาไว้ด้วยเช่นกัน หลังจากออกแรงนิดหน่อย ตัวของชารอนก็ถูกยกขึ้นมา
ทว่า ก่อนที่ชารอนจะได้สติ ไซม่อนก็อุ้มเธอขึ้นและเดินไปยังประตูทันที
“คุณ...” ทันใดนั้น ชารอนยกมือขึ้นแล้วโอบรอบคอของไซม่อนเอาไว้โดยไม่รู้ตัว เธอมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของผู้ชายจอมเย็นชาด้วยความสงสัย 'เขาจะพาเราไปที่ไหนกันนะ?'
ทว่า ดูเหมือนว่าไซม่อนสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชารอน เขาตอบกลับมาอย่างใจเย็น “ไปโรงพยาบาลน่ะ”
...
ณ หอผู้ป่วยส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล แซลลี่นอนอยู่บนเตียงพร้อมกับสีหน้าซีดเซียว
เมื่อวานนี้ ระหว่างที่แซลลี่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เธอเสียเลือดไปเยอะมาก อีกทั้ง เธอยังแน่ใจอีกด้วยว่าเด็กในท้องไม่รอดแล้ว สิ่งที่แย่ที่สุดคือแซลลี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในครั้งนี้ นอกจากนี้ การตั้งครรภ์ในอนาคตเองก็อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอด้วยเช่นกัน
นับตั้งแต่ที่เธอได้สติ เธอก็ยังไม่สามารถสงบอารมณ์ของตัวเองได้ มือของแซลลี่พลันกำผ้าห่มเอาไว้แน่นในระหว่างที่เปลวไฟแห่งความโกรธปะทุอยู่ภายในตัวของเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไม่รักได้มั้ย…หัวใจของป๊ะป๋าCEO