ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 126

"ของเจ้าก็ไม่เลวเหมือนกันนะ"

"ข้าอายุยี่สิบหกปีแล้ว และฝึกศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่อายุสามขวบ จนกระทั่งบัดนี้ผ่านมายี่สิบปีเต็มแล้ว ข้าพยายามฝึกอย่างหนักมากกว่าแม่นางมาหลายปีแล้วนะ"

โหลชีชำเลืองมองเขาและไม่ได้พูดอะไรต่อ

หยุนเฟิงดึงไม้ค้ำกลับ แล้วลูบปลายจมูกไปมา พูดอ้อมค้อมแบบนี้เพราะอยากรู้อายุของนางก็ไม่ได้หรือ? นี่นางได้ทำการป้องกันเสียจนแน่นหนามากจริงๆ แล้วก็ลื่นไหลมากและไม่ยอมพูดออกมาสักแอะอีกด้วยอ่ะ

"หวี๊ดหวิ๊ว..."

ทันใดนั้นด้านหน้าก็มีเสียงคล้ายกับนกหวีดและขลุ่ยดังขึ้นมา เหมือนกับเป็นเสียงเตือนรูปแบบหนึ่ง หลังจากที่เสียงนี้ดังขึ้นมา โหลชีกับหยุนเฟิงก็รู้สึกเพียงว่าตัวเรือโคลงเคลงไปมา ราวกับมีใครบางคนปีนขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น

"ระวัง!" หยุนเฟิงร้องตะโกนขึ้นมา และไม้ค้ำเรือที่อยู่ในมือก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ข้างตัวนาง เพราะว่ากำลังภายในอยู่ข้างบนเต็มไปหมด เมื่ออากาศถูกตีจึงมีเสียงกระแสอากาศที่ดังฟิ้วดังขึ้นมา ตอนที่เขาร้องตะโกนขึ้นมาโหลชีก็หลบไปอย่างรวดเร็วในทันที ทำให้เลยตำแหน่งนั้นมาแล้วพอดี ตอนที่ไม้ค้ำเรือของเขาหวดมามันได้แฉลบผ่านตัวนางแล้วตกลงไป และปลายได้ตีไปบนศีรษะของคนที่สวมชุดรัดรูปสีดำ กางเกงสีดำ ผ้าโพกศีรษะสีดำและผ้าพันคอสีดำที่เพิ่งปีนขึ้นมาบนขอบเรือที่อยู่ข้างหลังนางเข้าพอดี ชั่วประเดี๋ยวก็ทำให้เขาสลบไปแล้ว แล้วตกลงไปในแม่น้ำ และกระแทกเข้ากับน้ำที่แตกกระสานซานเซ็นเป็นฟองฝอยจนมีเสียงดังตูมดังขึ้นมา

"ก้มหัวลง!" โหลชีตวาดด้วยเสียงเบาๆ ทันทีที่หยุนเฟิงก้มศีรษะลง ไม้ค้ำเรือที่อยู่ในมือของนางก็ได้ยกสูงขึ้นแล้วตีกวาดไปตามแนวขวางข้ามศีรษะของเขาไป และมันได้กวาดลงไปตรงกลางเอวของพวกเขาทั้งสองคนติดต่อกัน

นางเลิกคิ้วแล้วพูดกับเขาว่า "อยากจะลองเปรียบเทียบฝีมือกันดูไหม?"

"เอาสิ" หยุนเฟิงตอบรับด้วยความยินดี

นางพุ่งปราดเข้าไปหาเขาด้วยก้าวยาวๆ แล้วแฉลบผ่านเขาไป สายลมที่พัดโชยขึ้นมาได้หอบเอากลิ่นหอมจางๆของนางขึ้นมาด้วย หยุนเฟิงยิ้มมุมปากหนึ่งครั้ง แล้วพุ่งตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับนาง

ตามขอบเรือมักจะมีมนุษย์ปลาที่แต่งตัวแบบเดียวกันปีนขึ้นมาตลอดเวลา จุดหนึ่งที่ลำบากที่สุดสำหรับโหลชีกับหยุนเฟิงก็คือในขณะเดียวกันที่ต้องจัดการกับคนเหล่านี้ยังจะต้องระมัดระวังทิศทางของเรือไม่ให้มันเอียงมากเกินไปด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถทิ้งไม้ค้ำเรือที่อยู่ในมือไปได้ แต่ไม้ค้ำเรือมีข้อเสียอย่างหนึ่งคือ มันยาวเกินไป ไม่สามารถใช้บนเรือได้ ใช้ได้เฉพาะบนดาดฟ้า หรือใช้กระโดดขึ้นไปบนห้องโดยสารเท่านั้น

"เฮ้ พวกเจ้าบุกเข้ามาหาเขา หรือบุกเข้ามาหาข้า?" ในขณะที่กำลังตีอยู่นั้น โหลชีก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา

หยุนเฟิงตบมนุษย์ปลาที่บินมาหนึ่งฉาด และในขณะเดียวกันก็เอาแอบข้างการลอบโจมตีที่อยู่ข้างหลังด้วย เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามกลับไปว่า "เรื่องนี้มันมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรรึ?"

ร่างของโหลชีร่วงมาจากที่สูงลงสู่ดาดฟ้า และถือโอกาสยันไม้ค้ำเรือลงไปในน้ำอีกครั้ง แล้วตอบว่า "เกี่ยวข้องกันแน่นอนสิ ถ้ามันบุกมาหาเจ้า เช่นนั้นก็จะเรียกได้ว่าพวกเขาว่าไม่ได้สนใจข้า ข้าจะได้ไปคุมหางเสือได้ไง!"

พุ๊บ

ในขณะที่หยุนเฟิงกำลังกลั้นหัวเราะอยู่ เท้าข้างหนึ่งของเขาก็เตะไปที่ท้องน้อยของมนุษย์ปลาที่พุ่งทะยานขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบว่าการต่อสู้อย่างสุดชีวิตเช่นนี้ก็ไม่ใช่การต่อสู้ที่ยากจะทนไหวขนาดนั้นเช่นกัน พอเขาหันศีรษะกลับไป เขาก็เห็นนางบินขึ้นไปราวกับนกกระสาเข้าพอดี และชั่วประเดี๋ยวนางก็ขึ้นไปบนเสากระโดงเรือหลัก แล้วยืนอยู่ข้างบนนั้น และตะโกนใส่มนุษย์ปลาในชุดดำทั้งสองคนที่อยู่ด้านล่างว่า "นี่ เงยหน้าขึ้นมองข้าสิ"

สองคนนั้นเงยหน้าขึ้นไปมองทันทีโดยไม่รู้ตัว แสงสีเงินสองดวงส่องประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง แล้วสองคนนั้นก็กรีดร้องพร้อมกันและเอามือปิดตาเอาไว้ ผู้หญิงที่อยู่ข้างบนคนนั้นส่งเสียงเยาะเย้ยออกมาว่า "ข้าบอกให้พวกเจ้าเงยหน้ามามองข้า พวกเจ้าก็เงยหน้าขึ้นมามองข้าจริงๆ ทำไมถึงได้เชื่อฟังขนาดนี้นะ ข้าอายที่จะคร่าชีวิตของพวกเจ้าไปเสียแล้วสิ"

พิษสีเงินทำให้แสบตา และตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็กลายเป็นคนตาบอดไปเสียแล้ว คาดว่านางน่าจะยังไม่สามารถปล่อยพวกเขาไปได้ ทำไมตอนนี้นางถึงทนไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเสียใจต่อการแสดงสีหน้าและน้ำเสียงของพวกเขาได้ถึงขนาดนี้นะ มันช่าง...น่าขำจริงๆ

คิดไม่ถึงเลยว่าโหลชีจะไม่ปล่อยพวกเขาสองคนไปจริงๆ ทันใดนั้นนางก็ดิ่งลงมาจากด้านบน คว้ามือข้างหนึ่งของคนคนหนึ่งเอาไว้ แล้วก็โยนกลับลงไปในแม่น้ำ ไม่ใช่ว่าพวกเขาดำน้ำเป็นหรอกรึ ไม่ใช่ว่าความสามารถในการว่ายน้ำก็ดีมากหรอกรึ ถึงจะตาบอดแล้ว ก็ต้องว่ายน้ำต่อไปได้สิ

แต่มนุษย์ปลาเหล่านั้นก็แปลกประหลาดอยู่มากเหมือนกัน พวกเขาแต่ละคนล้วนไม่เปล่งเสียงออกมาเลย พอปีนขึ้นมาก็ลงมือเลย หรือว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นใบ้?

"เฮ้ คงบุกมาเล่นงานเจ้ากระมัง เพราะข้าไม่ได้ไปล่วงเกินใครมาเลยนะ"

"ใช่รึ? แม่นางน้อยแน่ใจรึว่าตัวเองไม่เคยล่วงเกินใครมาก่อน? อาทิเช่นข้าเล่า?"

ทันใดนั้นเสียงที่นางไม่คุ้นเคยแต่ก็น่าจะเคยได้ยินในความทรงจำก็ดังมาจากห้องโดยสารของตัวเอง พอโหลชีหวนคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็ถึงกับตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเขา ราชาปลาแม่น้ำชิง! เขายังไม่ตายเหรอ?

ราชาปลาแม่น้ำชิงดูเหมือนจะคาดเดาความคิดที่อยู่ในหัวใจของนางออก เขาจึงหัวเราะฮ่าๆๆสักครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ข้าไม่ตายง่ายขนาดนั้นหรอก อยู่ในน้ำ ใครจะมีความสามารถทำให้ข้าตายได้ล่ะ?"

ถ้าเขาไม่เป็นอะไร เช่นนั้นคนกลุ่มนั้นก็ตายไปแล้วอย่างนั้นหรือ?

แต่โหลชีจงใจไม่ยอมทำตามคำพูดของเขาต่อไป แล้วต่อยเข้าไปที่ขมับของมนุษย์ปลาคนหนึ่งอย่างแข็งแกร่ง กำลังภายในปะทะเข้ามาจนทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของเขานูนขึ้นมา นางยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น แล้วถีบเขาไปทางราชาปลาแม่น้ำชิง และในเวลาเดียวกันนั้น นางก็พลิกข้อมืออีกครั้ง แล้วเข็มยาวที่ผ่านการแช่ยาพิษมาแล้วหลายสิบเล่มก็พุ่งเข้าหาราชาปลาแม่น้ำชิงซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มกันของมนุษย์ปลานั่น

สีหน้าของราชาปลาแม่น้ำชิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย และความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็ได้พุ่งขึ้นมาแล้ว "ชั่วช้า!"

โหลชีเพียงแค่คิดว่ามันน่าขำมาก เจ้ามาที่นี่เพื่อเอาชีวิตข้า เจ้ามันไม่ชั่วช้าเลยรึไง?

แต่นางขี้เกียจเกินกว่าจะไปพูดเรื่องไร้สาระกับราชาปลาแม่น้ำชิง หลังจากที่เข็มพิษหลายสิบเล่มถูกยิงออกไปการกระทำของนางก็ยังไม่หยุดลง ทันใดนั้นนางก็ควักผงพิษออกมาหนึ่งกำมือใหญ่ๆแล้วก็โยนออกไปอีกครั้ง

เล่ห์เหลี่ยมของนางช่างโผล่ออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ อีกทั้งนางเพิ่งจะพบเขาก็เปิดฉากต่อสู้เลยโดยไม่พูดอะไรสักคำแล้ว ซึ่งนี่ทำให้ราชาปลาแม่น้ำชิงไม่สามารถตอบสนองกลับมาได้ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ต้องเหน็ดเหนื่อยจากการรับมือ แม้แต่หญ้าคร่าชีพก็ยังหยิบออกมาไม่ทันด้วยซ้ำ และแล้วโหลชีก็ได้มาอยู่ข้างหลังของเขา แล้วตบไปที่แผ่นหลังของเขาหนึ่งฝ่ามืออย่างอ่อนนุ่ม

"นังผู้หญิงสาระเลวเจ้ากล้าลอบโจมตีข้ารึ!" ราชาปลาแม่น้ำชิงหมุนตัวกลับอย่างฉับพลัน แต่โหลชีกลับก้าวเท้าหลบไปในทันที แล้วบินขึ้นไปหมุนหนึ่งรอบอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กำลังหมุนอยู่นั้น สิ่งของที่นางต้องการก็อยู่ในมือของนางแล้ว

พอโหลชีประสบความสำเร็จในการโจมตี ภายในหัวใจก็รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย และร่างของนางก็ลอยถอยออกไป จากนั้นจึงอ้าปากหัวเราะเยาะ

"นังผู้หญิงสาระเลว คราวก่อนเจ้าโชคดีที่เอาชีวิตรอดกลับมาได้ก็สมควรหัวเราะคิกคักอยู่หรอกนะ แต่คราวนี้คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังกล้าหนีมาที่นี่อีก เจ้าว่าเจ้าโง่หรือไม่!"

"ครั้งนี้ราชาปลาอย่างข้าก็ขอรับชีวิตของเจ้าเอาไว้ก็แล้วกัน"

ในขณะที่ราชาปลาแม่น้ำชิงพูดอยู่นั้น เขาก็เอามือไปสัมผัสที่เอว แต่ทว่าสีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ