โหลชีก็เข้าใจในความหมายของเขาเช่นกัน หากพูดว่าลัทธิสูงไม่สามารถล่วงเกินได้ ลัทธิล่างก็ต้องไม่สามารถล่วงเกินได้เช่นกัน ในเมื่อทั้งสองฝ่ายเป็นปฏิปักษ์กัน เช่นนั้นจึงต้องยืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่งสินะ ลัทธิล่างว่าจ้างเขา คิดๆดูแล้วถ้าเขาไม่รับการว่าจ้างก็จะเป็นการล่วงเกินลัทธิล่าง เช่นนั้นเขาก็จะทำได้เพียงรับงานมาเท่านั้น
ถ้าเป็นไปตามที่กล่าวมานี้ ลัทธิสิ้นโลกีย์ชั้นล่างนั้นน่าจะเป็นคนที่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่และโหดเหี้ยมอำมหิตมากเลยนะ
แต่ลัทธิสูงนั้นก็ไม่ใช่ลัทธิที่ดีอะไรเหมือนกัน นางไม่ใช่สินค้านะ แล้วทำไมถึงได้ชอบนางเสียแล้วล่ะ ในเมื่อพึงใจนางแล้วจะไม่ต้องมาถามความคิดเห็นนางต่อหน้าเลยหรือ?
ถ้าเช่นนั้น สาเหตุที่ฝ่ายนั้นต้องการจะจับตัวนาง ก็เป็นเพราะว่าลัทธิสิ้นโลกีย์นี้ชอบนางใช่หรือไม่?
ในช่วงเวลาหนึ่งโหลชีรู้สึกว่าโลกใบนี้ก็วุ่นวายมากเหมือนกันและไม่เรียบง่ายเลยสักนิด แต่นางสามารถคาดเดาออกมาได้ลางๆว่า การที่ถูกลัทธิสิ้นโลกีย์พึงใจ อาจเป็นเพียงเพราะนางฝึกราชันอินทรีเขาหิมะให้เชื่องได้แล้วก็ได้
แม้แต่ประเทศใหญ่ๆอย่างตงชิง นั้นก็ไม่สามารถหาคนที่สามารถฝึกราชันอินทรีเขาหิมะให้เชื่องจนพบได้ ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่าการค้นหาคนที่เป็นที่นิยมในหมู่พวกเขาแห่งนี้มีความยากลำบากมากเพียงใด
"คนกลุ่มนั้นก่อนหน้านี้ มาจากที่ใดกัน?"
"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า!" ราชาปลาแม่น้ำชิงกลอกตามองบน "ข้าราชาปลาผู้นี้มีชื่อเสียงเลื่องลือไกล เป็นธรรมดามากที่พวกเขาจะรู้จักข้า และมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะรู้จักทุกคนเช่นกัน!"
เสียเวลาคุยชิบ หลู่ฉีอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วกลางขึ้นเพื่อชอบอวดเบ่งของเขา
ราชาปลา ลูกชิ้นปลาอะไรบ้าบอเนี่ย
"รีบคืนของนั่นมาให้ข้า อย่างมากที่สุดข้าสัญญาว่าจะยกเลิกข้อตกลงนี้ และจะไม่รับงานนี้แล้ว!"
"โอ้ จริงรึ?" โหลชีถือปลาโพรงไม้นั่นขึ้นมาแล้วเคาะเบาๆไปที่ขอบเรือ ทันใดนั้นก็หมุนมือซ้ายหนึ่งรอบ ไม่รู้เหมือนกันว่านางทำได้อย่างไร มีเปลวไฟกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาบนนิ้วมือของนาง ไส้เปลวไฟมีสีฟ้าสลัว และมีเปลวไฟสีแดงก็กำลังกระโดดไปมาอยู่ข้างบน
นางเอาปลาโพรงไม้นั่นเข้าไปใกล้ๆ
สีหน้าของราชาปลาแม่น้ำชิงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
หญ้าคร่าชีพกลัวไฟไม่ผิดเลย! แต่ไม่ใช่ว่าไฟธรรมดาจะสามารถเผามันให้ตายได้ เช่นนั้นต้องใช้ไฟที่เพิ่มพิษเข้าไปจึงจะสามารถเผามันให้ตายได้ เขาคิดเสมอว่าไม่มีใครรู้ข้อนี้ แต่ตอนนี้เมื่อมองดูเปลวไฟที่อยู่บนนิ้วมือของโหลชี การลุกไหม้แบบนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการเผาด้วยสิ่งที่มีพิษ!
"ไม่เอา! ไม่เอาไม่เอา! แม่นางมีอะไรก็พูดกันดีๆนะ พูดกันดีๆ!" เขาทำหน้าบึ้งไม่ไหวแล้ว และท่าทีที่เขามีต่อโหลชีก็รีบเปลี่ยนไปแล้วในทันใด
"ไม่มีอะไรจะพูดดีๆแล้ว เรื่องที่ควรถามเจ้าข้าก็ถามไปหมดแล้ว เรื่องอื่นๆเจ้าก็ไม่รู้แล้ว ยังจะมีอะไรให้พูดดีๆอีกรึ?" โหลชีเอียงศีรษะถามด้วยความไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก
ในสายตาของราชาปลาแม่น้ำชิง ท่าทางนี้ของนางช่างกวนบาทามากเสียจริง ทำให้เขารู้สึกเกลียดชังจนคันฟันยิบๆและแทบอยากจะตบนางให้ตายไปหนึ่งฉาด แต่ในสายตาของหยุนเฟิง กลับรู้สึกว่านางขี้เล่นและน่ารัก สดใสและฉลาดเฉียบแหลม จนทำให้ผู้คนละสายตาไม่ได้
"แม่นาง คุณหนู แต่ว่าก่อนหน้านั้นเจ้าเคยสัญญาอย่างชัดเจนแล้วว่า ตราบใดที่ข้าตอบคำถามของเจ้าแล้ว เจ้าจะคืนของสิ่งนั้นให้ข้านะ" ราชาปลาแม่น้ำชิงเกือบจะร้องไห้แล้ว
"ให้พวกทหารกุ้งและแม่ทัพปูของเจ้ากลับลงไปในแม่น้ำ แล้วว่ายไปด้านนั้นเสียก่อน" โหลชีชี้ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับทิศทางที่พวกเขากำลังจะเดินทางไป ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำไหลซัดสาดมารวมกันนั่นเอง "อย่าได้คิดเล่นลูกไม้อะไรล่ะ ถ้ามีใครกล้าดำน้ำลงไปใต้เรือ ข้าก็จะเผาสิ่งนี้ทิ้งทันที"
"ได้ยินหรือไม่? กระโดดสิ กระโดดลงไป ทุกคนว่ายไปให้เร็วมันๆหน่อย!" ราชาปลาแม่น้ำชิงถีบลูกน้องที่อยู่ข้างๆคนหนึ่งลงไปหนึ่งที
คนเหล่านั้นจึงทยอยกระโดดกลับลงไปในแม่น้ำทีละคนๆ และว่ายไปตามทางที่พวกเขามาอย่างสุดชีวิต ความสามารถในการว่ายน้ำของพวกเขาล้วนแต่ดีมากจริงๆ ไม่นานก็ว่ายออกไปไกลระยะหนึ่งแล้ว
"คุณหนู ทีนี้ได้การแล้วใช่ไหม?"
"เจ้าก็กระโดดด้วยสิ กระโดดไปทางนั้นนะ"
โหลชีชี้ไปอีกทางหนึ่ง
ราชาปลาแม่น้ำชิงใกล้จะบ้าคลั่งแล้ว "ถ้าข้ากระโดดลงไปแล้วเจ้าเผาของสิ่งนั่นจะทำอย่างไร?"
"ถ้าเจ้าไม่กระโดด ข้าก็จะเผามันเดี๋ยวนี้" โหลชีพูดอย่างกวนบาทามาก ของอยู่ในมือนาง นางจะไร้ยางอายอย่างไรก็ย่อมได้
ตูม ราชาปลาแม่น้ำชิงบินขึ้นมาและกระโดดลงไปในน้ำแล้ว พอหันศีรษะมองเข้ามา ก็เห็นโหลชีจุดไฟเผาสิ่งนั้นไปเสียแล้ว หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ยกแขนข้างหนึ่งขึ้น แล้วโยนของสิ่งนั้นออกไปไกลๆ
เปลวไฟลอยขึ้นไปในอากาศเป็นเส้นพาราโบลาเส้นหนึ่ง แล้วตกลงไปในน้ำ
"อ๊ากๆๆ!"
ราชาปลาแม่น้ำชิงทรุดตัวลง ร้องโหยไห้สองสามครั้ง แล้วมุดศีรษะลงไปในน้ำ และว่ายไปด้านนั้นแล้ว
หยุนเฟิงมองไปที่โหลชีอย่างพูดอะไรไม่ออก "เจ้ายั่วเย้าเขาเล่นแบบนี้ ไม่กลัวว่าเขาจะมาสร้างความลำบากเจ้าในภายหลังรึ?"
ในขณะที่โหลชีกำลังใช้กำลังภายในช่วยเขาขับเคลื่อนเรืออยู่ ก็หัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แล้วจึงพูดว่า "ข้าจะกลัวเขาทำไม? ถ้าเขามาอีก ฉันก็ยังสามารถยั่วเย้าเขาเล่นตามเดิมได้อีกครั้ง"
ผู้หญิงคนนี้ ช่างพิเศษจริงๆ พิเศษสุดๆไปเลย
"ลัทธิสิ้นโลกีย์ เป็นอะไรกันแน่?"
"เจ้าคิดว่าอยู่ทางนี้มีคนพูดถึงลัทธิสิ้นโลกีย์น้อยมากใช่หรือไม่?" หยุนเฟิงถามกลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ