ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 181

เพราะโหลวซิ่นไปล่ากระต่ายอยู่ในป่านั้น โหลชีกับเฉิงสิบรีบกระโดดมุ่งไปทางป่านั้นทันทีที่ได้ยินเสียงร้องโหยหวน

วิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าวพกวเขาก็ได้สติกลับมา เสียงร้องนั่นไม่ใช่ของโหลวซิ่น ดูท่าในป่านี้จะมีคนอื่นด้วย แต่วิ่งมาแล้ว และกังวลว่าโหลวซิ่นจะเกิดเรื่อง พวกเขาเลยวิ่งเข้าป่าต่อไป

ข้างกองไฟอีกกองข้างรถม้า น่าหลานจื่อหลินขยับตัวเล็กน้อย สายตาฟ่านฉางจื่อก็ปรายมองมา "ทำไม เจ้ายังอยากจะไปปกป้องสตรีนางนั้นอีกรึ?"

น่าหลานจื่อหลินรีบนั่งลงดีๆ "มิได้ขอรับ อาจารย์"

"จื่อหลิน เจ้าอย่าคิดว่าอาจารย์ไม่รู้จักเจ้า เจ้าชอบฮั่วซินมาตั้งแต่เล็ก แต่ฮั่วซินชอบเฉินซ่า เจ้าริษยาเฉินซ่า ตอนนี้รู้สึกว่าโหลชีเป็นผู้หญิงของเขา เจ้าคิดจะครอบครองผู้หญิงของเขาเป็นการแก้แค้นใช่หรือไม่?"

น่าหลานจื่อหลินอึ้ง จากนั้นยิ้มออกมา "อาจารย์ จื่อหลินมิมีความคิดเช่นนี้เลย"

"เจ้ามิยอมรับก็มิเป็นไร โหลชีเป็นคนที่ศิษย์น้องฮั่วซินของเจ้ายืนกรานว่าต้องพาไปหุบเทพมารให้ได้ นางมีความคิดพิเศษกับโหลชี เจ้าเองก็หวังว่า ระหว่างที่โหลชีให้ความสนใจเจ้า เจ้าก็จะสามารถทำให้ฮั่วซินมองเจ้ามากขึ้น จุดนี้อาจารย์มิได้พูดผิดกระมัง? แต่อาจารย์บอกเจ้าไว้เลย สุดท้ายแล้วโหลชีก็ต้องตายอยู่ดี เจ้าอย่าแสร้งทำจนสุดท้ายมีใจให้นางจริงๆก็แล้วกัน"

"ขอรับ อาจารย์"

น่าหลานจื่อหลินก้มหน้ามองหน้าอกตน ก่อนหน้านี้ที่โดนโหลชีถีบยอดอกนั้นมิได้เจ็บปวดเลย นางใช้วิธีการที่ชาญฉลาดถีบเขากระเด็น แต่โตมาจนยี่สิบกว่าปีนี้ เขาไม่เคยเจอสตรีที่หาญกล้าถีบเขากระเด็นมาก่อนเลย นางช่างบังอาจนัก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเขากลับไม่โกรธ

โหลชีกับเฉิงสิบเดินเข้าไปในป่า แวบเดียวก็เห็นโหลวซิ่น เพราะเขากำลังรีบร้อนเหาะมา ในมือหิ้วกระต่ายป่าสีเทาสองตัว ด้านหลังเขามีสามคนตามมาติดๆ ในมือต่างถือธนู

ดูท่าโหลวซิ่นจะกำจัดอีกฝ่ายไปได้หนึ่งคน คราวนี้อีกฝ่ายคงไม่คิดจะปล่อยเขาไปแน่

คนพวกนั้นใส่ชุดสีเขียว บนหัวมีหมวกใบหญ้า ดูท่าจะเสแสร้งแกล้งมาล่าสัตว์ในป่าแห่งนี้

หนึ่งในนั้นเล็งมาที่โหลวซิ่น ธนูถูกยิงใส่หลังเขาอย่างรวดเร็ว

"โหลวซิ่น หมอบลง!" โหลชีร้องออกมา ในเวลาเดียวกันก้อนหินในมือยิงใส่ธนูดอกนั้นทันที โหลวซิ่นได้ยินเสียงนางรีบหมอบลงทันที หินก้อนนั้นแทรกผ่านไปชนกับธนูดอกนั้นกลางอากาศ เสียงชนกันแผ่วเบาดังขึ้น และหล่นลงพื้นพร้อมกัน

คนนั้นไม่คิดว่าจะมีคนใช้หินสกัดลูกธนูของตนได้ พลันโกรธจัดร้องว่า "พวกเรายิง!"

สามคนอยู่ด้วยกัน เก่งมากรึไง?

ธนูสามดอกแล่นออกจากฝักพร้อมกัน ดอกหนึ่งพุ่งไปยังโหลวซิ่น อีกสองดอกพุ่งมาทางนาง! ทิศทางไม่ค่อยเหมือนกัน แรงธนูเทียบกับที่ยิงมาก่อนหน้านี้แล้วยิ่งแข็งแกร่งกว่า เสียงแทรกผ่านอากาศชัดเจนขนาดนี้!

พวกเขาจะดูสิว่า คนนี้จะสามารถใช้ก้อนหินสกัดธนูของพวกเขาได้อีกไหม! ในสายตาพวกเขาแล้ว โหลชีคือคุณชายน้อยที่หน้าตาขาวนวลหล่อเหลาคนหนึ่ง!

โหลชีสะบัดข้อมือ สองมือพร้อมใจกัน ก้อนหินสามก้อนพุ่งไปทางธนูสามดอกนั่น

ปึ้ก ปึ้กปึ้ก!

ก้อนหินสามก้อนโดนธนูที่บินอยู่หมด ไม่มีอันไหนเล็ดลอด! และก้อนหินที่นางสะบัดออกไป ยังมีแรงมากกว่าธนูที่ยิงออกมาซะอีก คราวนี้ธนูสามดอกไม่เพียงโดนสกัดตก ปลายธนูยังโดนก้อนหินกระแทกจนเอียงเลย

ทั้งสามคนสีหน้าเปลี่ยนทันที

โหลชีหัวเราะแหะๆ "คราวนี้ถึงตาข้าลงมือแล้วกระมัง?"

ข้อมือสะบัดอีกครั้ง ทั้งสามคนคิดว่านางจะยิงก้อนหินอีก พลางเบิกตากว้างดูนางลงมือ กลับไม่คิดเลยว่า ผงยาห่อหนึ่งจะลอยตามลมมา พวกเขาสูดมันเข้าไปไม่น้อยเลย! ชายคนกลางร้องขึ้นมาว่า "เจ้าเล่นสกปรก! ไม่ใช่จะยิงก้อนหินรึ!"

"พรืด" โหลชีหลุดหัวเราะ "เจ้าคิดว่าข้ากำลังเล่นเป่ายิ้งฉุบกับเจ้ารึ? ออกก้อนหิน"

[ในเกมเป่ายิ้งฉุบ ค้อนเรียกว่าก้อนหินในภาษาจีน]

ทั้งสามคนตาเหลือก สลบไปตามๆกัน

โหลชีตบมือไล่ผงที่มือออกจนสะอาด "เฉิงสิบ ดูสิว่ามีใครบ้าง"

เฉิงสิบเมื่อครู่กลั้นหัวเราะ เมื่อได้ยินคำสั่งพลางรับคำเดินไปทางสามคนนั้น เขาพลิกซองเก็บธนูของสามคนนั้นออกดู และเห็นสัญลักษณ์ด้านบน พลางดึงซองเก็บธนูอันหนึ่งเข้ามา ยื่นไปที่หน้าโหลชี "แม่นาง บังเอิญนัก ก่อนหน้านี้พึ่งพูดถึงไอ้ตาเดียวแห่งเขาพยัคฆ์ ทั้งสามคนนี้น่าจะเป็นลูกน้องไอ้ตาเดียว"

บนซองเก็บธนูนั้นวาดดวงตาข้างหนึ่งไว้

โหลชีมองซองเก็บธนูนั่น และดึงธนูออกมาดูอย่างละเอียด ทันใดนั้นดวงตาเป็นประกายขึ้นมา "พวกเจ้าดูสิ ซองเก็บธนูนี่ขอบยังฝังเงินเอาไว้ เป็นเงินจริงๆ"

พอเฉิงสิบกับโหลวซิ่นดู เป็นเช่นนั้นจริงๆ

โหลวซิ่นไม่เข้าใจเล็กน้อย "ขอบเงินแล้วยังไงรึ?"

โหลชีพูดอย่างขุ่นเคืองใจว่า "ยังไงรึ? แสดงว่าเขาพยัคฆ์ร่ำรวยอย่างไรเล่า! ขนาดซองเก็บธนูยังประดับเยี่ยงนี้ พวกเขาต้องไม่ขัดสนเงินแน่!"

"ไอ้ตาเดียวเคยเป็นขุนโจร ว่ากันว่า เขาจะไม่ปล้นพ่อค้าอิสระหรือรถม้าเดี่ยวๆ ทุกครั้งที่ลงมือจะพุ่งเป้าไปที่กองคาราวานหรือกองรถม้าเท่านั้น ต้องมีเงินแน่" โหลวซิ่นบอก "บางทีอาจเพราะตัวเขารวยทัดเทียมประเทศ ดังนั้นหลังจากฝ่าบาทตีเมืองพั่วอวี้ได้แล้วเคยส่งคนไปเชิญไอ้ตาเดียวมาร่วมงานฉลอง หากไอ้ตาเดียวกลับไม่ไป"

"แต่ก่อนหน้านี้พวกเราก็ไม่เคยได้ยินว่าความคิดของไอ้ตาเดียวเหมือนกับคนอื่นว่าต้องการเป็นศัตรูกับฝ่าบาทนะ" เฉิงสิบบอก

โหลชีมองบน ยื่นมือไปเคาะหัวเขา "ความคิดของคนอย่างเฉินซ่าน่ะ จะสนใจด้วยหรือว่าใครจะเป็นศัตรูกับเขา? เจ้าคิดจะรวมพั่วอวี้ให้เป็นหนึ่ง ใครไม่ยอมตามคือศัตรู!"

ข้างเตียง มีหรือจะยอมให้ผู้อื่นมายึดนอน?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ