จุดสีแดงปรากฏบนใบหน้าและลำคอของเฉิงสิบนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังดูเหมือนจะขยับได้อีกด้วย จุดสีแดงนั้นกำลังแพร่กระจายไปทั่ว
เขากัดฟันเกาทั้งใบหน้าและลำคออย่างทรมาน แต่ยิ่งเกาจุดสีแดงก็ยิ่งกระจายไปเร็วขึ้น บางส่วนก็กระจายเป็นวงใหญ่ประมาณ1เซนติเมตร
ใยหนอนดอกเมฆ!
หนอนดอกเมฆที่เติบโตเต็มที่นั้นต้องทำให้คนโดนรุมทึ้งเนื้อหนังทั้งตัวแน่ๆ
ถึงแม้ว่าโหลชีจะเคยได้ยินคำพูดของชายผู้นั้นในป่าดอกเมฆมาก่อน แต่มันก็เป็นเพียงคำบอกเล่าที่ไม่สามารถจินตนาการได้ แต่ตอนนี้ นางได้เห็นหนอนดอกเมฆมากมายขนาดนี้ด้วยตาของตัวเอง ก็พลันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวขึ้นมา
ยังดีที่นางไม่ได้กลัวพวกมันขนาดนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้น ป่านนี้คงจะระงับเสียงหวีดร้องของตนเองไม่อยู่แล้ว!
แต่ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้หวาดกลัวพวกมันนัก แต่การเห็นพวกมันอย่างใกล้ชิด ก็เพียงพอที่จะทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนจนแทบจะอาเจียนออกมา
แต่สาเหตุที่ยังไม่อาเจียนออกมานั้น ก็เป็นเพราะคนผู้นั้นคือเฉิงสิบ
ใช่แล้ว เฉิงสิบ!
นางต้องสงบสติอารมณ์ตัวเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วใครจะช่วยเฉิงสิบ
ชายในป่าดอกเมฆผู้นั้นบอกว่าในการผลิตใยหนอนดอกเมฆต้องใช้เวลาถึงสามวัน แต่นี่เพิ่งจะผ่านไปเพียงหนึ่งวันครึ่งเท่านั้น
แท้จริงแล้วอะไรกันแน่ที่เป็นสาเหตุให้หนอนดอกเมฆเหล่านี้ผลิตใยหนอนออกมาล่วงหน้า?หรือชายผู้นั้นโกหกนาง?ไม่ ในสถานการณ์แบบนั้นเขาไม่น่าจะโกหกนาง เช่นนั้นแล้วสาเหตุคืออะไรกันแน่
"เฉิงสิบเมื่อสักครู่เจ้าได้แตะหรือกินอะไรเข้าไปหรือไม่"โหลชีจับมือของเขาไว้และเปิดเสื้อของเฉิงสิบดู บนตัวมี บนตัวมี!
"สวรรค์---"โหลวซิ่นใกล้จะบ้าเต็มที
ในเวลานี้ เฉิงสิบยังค้นพบว่าตอนนี้ร่างกายของตนเองนั้นสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ แต่เขาก็พยายามอย่างยิ่งที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเอง แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเกินไป
"เมื่อครู่ ข้าน้อยกระหายน้ำมากๆจึงดึงหญ้าขึ้นมากำหนึ่งแล้วดูดน้ำจากหญ้า"
"เป็นหญ้าชนิดไหนรีบบอกมาเร็วๆ"
"เป็น เป็นหญ้านั่น"
เฉิงสิบชี้ไปที่เส้นทางที่เพิ่งเดินผ่านมา ด้านข้างถนนมีหญ้าสีเขียวอ่อนชนิดหนึ่ง มีลักษณะค่อนข้างพิเศษก้านของหญ้าเหมือนท่อกลมๆ โหลชีหักออกมาก้านหนึ่ง น้ำมันสีเขียวๆก็หยดออกมาทันที
นางไม่รู้ว่ามันคือหญ้าชนิดใด แต่เมื่อลองดมกลิ่น กลิ่นออกจะหวานๆเลี่ยนๆ รู้สึกว่าคล้ายกับยาที่พวกเวิ่นเจี้ยนให้นางและเฉิงสิบกินก่อนหน้านี้
นางเดาว่าหนอนดอกเมฆในร่างกายของเฉิงสิบ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับหญ้านี้
แต่ตอนนี้ต้องทำยังไง?
นางกลับไปหาเฉิงสิบ และหยิบหญ้าปีศาจออกมาจากเอวของนาง แล้วโรยลงบนคอของเฉิงสิบเล็กน้อย หนอนดอกเมฆที่โผล่ออกมาก็หดตัวกลับไปทันที
หญ้าปีศาจเป็นศัตรูตัวฉกาจของพืชหลายชนิด แม้ว่าหนอนดอกเมฆจะมาจากต้นดอกเมฆ แต่ก็เป็นสิ่งมีชีวิต ดูท่าว่ามันก็คงจะกลัวหญ้าปีศาจอยู่เหมือนกัน
นี่เป็นเพียงการรักษาตามอาการไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุ
หากหนอนดอกเมฆยังไม่ถูกกำจัดออกไป พวกมันก็อาจจะสร้างใยต่อไป จากนั้นก็มุดออกมาแล้วห่อหุ้มตัวเฉิงสิบ แล้วในที่สุดก็ลอกเนื้อหนังของเขาออก
โหลชีจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น และนางจะไม่มีวันปล่อยให้เฉิงสิบจบชีวิตเช่นนั้นแน่นอน
แต่ว่าตอนนี้นางต้องทำอย่างไร?
"แม่นาง ทำอย่างไรดี" โหลวซิ่นร้อนใจจนตาแดงก่ำน้ำตาคลอ
โหลชีหยิบขวดหนอนดอกไม้ออกมาจากเอวแล้วหันไปมองน่าหลานฮั่วซิน
ตอนนี้มีเพียงวิธีนี้ที่จะทำให้นางติดหนอนดอกเมฆด้วย แล้วดูซิว่านางจะอยากเอาชีวิตรอดไหม!
"ท่านทำอะไร?!"
นางกำลังจะกระโดดออกไป แต่เวิ่นเจี้ยนและเวิ่นโม่รั้งนางไว้ได้ทัน!
ดี ดีมาก กล้าขวางนางในเวลาเช่นนี้!
"ข้าจะทำอะไรต้องให้พวกเจ้ายินยอมด้วยหรือ"
โหลชีถือพิชิตวันไว้ในมือข้างหนึ่ง แล้วโบกไปยังคอของทั้งคู่
เวิ่นเจี้ยนและเวิ่นโม่รู้ว่าพิชิตวันนี้ทรงพลังเพียงใด พวกเขาเปลี่ยนสีหน้าโดยพลัน แล้วกระโดดหลบทันที
แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ทำให้พวกน่าหลานฮั่วซินตกใจไปด้วย
น่าหลานฮั่วซินลุกขึ้นยืน และมองไปที่โหลชีอย่างไม่เชื่อสายตา "โหลชีเจ้าตามข้ามาจริงๆ!"
"แปลกด้วยหรือ?"
โหลชีสูดหายใจอย่างเยือกเย็น แล้วเตะเท้าไปที่พุ่มไม้ คนต่างวิ่งกรูเข้ามาหานาง "มานี่สิ!"
เมื่อเห็นรัศมีสังหารของนาง เวิ่นเจี้ยนกับเวิ่นโม่ไหนเลยจะสนใจการเล่นละครได้อีก ทันใดนั้นทั้งสองก็หยุดอยู่ตรงหน้านางอีกครั้ง
"เหอะ เหอะเหอะ" โหลชีมองที่พวกเขาแล้วหัวเราะ แต่ก่อนที่นางจะทันพูดอะไร น่าหลานฮั่วซินก็ตะโกนออกไปอย่างร้อนใจ "เวิ่นเจี้ยน เวิ่นโม่ ทำไมพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ ทำไมพวกเจ้าถึงอยู่กับโหลชี"
โหลชีเข้าใจความหมายของนาง และเตือนให้ทั้งสองคนแสดงละครต่อไป นางเข้าใจว่า เวิ่นเจี้ยนและเวินโม่ ที่แทบจะเติบโตมาพร้อมกับน่าหลานฮั่วซินเข้าใจดี ทั้งสอบคนตอบสนองอย่างรวดเร็ว ในเวลานั้นเองพวกเขาก็เก็บกระบี่และคุกเข่าลงต่อหน้าโหลชี
"แม่นาง ที่นี่อันตรายมาก อย่าไปยุ่งกับน่าหลานฮั่วซินเลย"
"ใช่แล้ว แม่นาง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ