ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 207

นี่คือช่วงเวลาที่โหลชีจนหนทางที่สุด และเป็นช่วงเวลาที่โหลชีร้อนรนมากที่สุด

ครั้งสุดท้ายที่ติดอยู่ในค่ายกลสรรพสิ่งยิ้มฝันกับเฉินซ่า แม้จะอันตรายอย่างยิ่งยวด และนางก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่อย่างน้อยนั่นก็เป็นค่ายกลที่นางรู้จัก นางรู้วิธีการที่แก้ค่ายกล เพียงแต่ว่ากำลังภายในนางน้อยไปนิด จึงแก้ค่ายกลได้ทรมานและลำบากมากเท่านั้น

แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป นางไม่รู้วิธีการเอาไยของหนอนดอกเมฆออกจากร่างของเฉิงสิบเลย และนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นตรงน้ำประหลาดนี่! และสองเรื่องนี้ก็ยังดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกัน

นางมีความรู้สึกจนปัญญาอย่างหนัก กระทั่งใจก็ร้อนดังไฟ

และแล้วอารมณ์ทั้งหมดก็ระเบิดออกมาเมื่อเห็นว่าน่าหลานฮั่วซินและพรรคพวกของนางใช้โอกาสนี้แอบผ่านลำธารไปอย่างเงียบๆ

น่าหลานฮั่วซินที่ผ่านลำธารและวิ่งออกไปจนถึงบริเวณที่ปลอดภัยหันกลับมา แล้วพบกับสายตาของโหลชี นางยิ้มพราย ยกมือขึ้นมาทำท่าเชือดคอ แล้วหันหลังกลับไปอย่างอารมณ์ดี

โหลชีกัดฟันและมองดูแผ่นหลังนางเดินไกลออกไป เจ็บใจจนอยากจะกระอักเลือด นางเคยเสียเปรียบขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

หากแค้นนี้ไม่ได้ชำระ นางก็จะไม่ขอใช้แซ่โหล!

แต่ในขณะที่นางกำลังแค้นใจอยู่นั้น มังกรน้ำก็ได้พันรอบข้อมือขวาของนาง และลากนางลงลำธารด้วยพลังอันมหาศาล ถูกดึงด้วยพลังนี้ โหลชีล้มลงกับพื้นก่อนที่จะถูกลากลงไปในลำธาร

"แม่นาง" โหลวซิ่นตะโกน ปล่อยเฉิงสิบแล้วรีบวิ่งไปคว้าเท้าของโหลชี แรงฉุดนางชะงัก

"อ๊ากกก" เฉิงสิบกรีดร้องอีกครั้ง เขาจับดึงตัวหนอนพวกนั้นด้วยสองมืออย่างสุดชีวิต แต่การทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าไร้ประโยชน์ ในทางกลับกันหนอนดอกเมฆพวกนี้กลับฉวยโอกาสติดอยู่ที่มือเขา และตอนนี้มันก็กำลังจะห่อหุ้มร่างกายส่วนบนของเขาไว้หมด เฉิงสิบคุกเข่าลงพร้อมกับคำรามด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เขามี "อ๊ากกกกก"

เขาอยากจะอดทน แต่ความเจ็บปวดนั้นมากเกินกว่าขอบเขตที่จะทนได้ ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวด แต่ยังรวมถึงความกลัวและสิ้นหวังด้วย หากบอกว่าการตายในสนามรบ สิ่งที่แย่ที่สุดคือการที่ศีรษะถูกฟันด้วยมีดหรือดาบ หรือถูกแทงทะลุหัวใจในดาบเดียว แต่เขาล้วนไม่กลัวสิ่งเหล่านั้น

แต่ตอนนี้ความรู้สึกของเส้นใยหนอนนับพันเส้นหมื่นเส้นที่ชอนไชในร่างกายนั้นรู้สึกน่าขยะแขยงเกินไป และความเจ็บปวดนั้นอธิบายไม่ได้เลย เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นสัตว์ประหลาดสักอย่างหนึ่ง

"เฉิงสิบ" โหลชีตะโกนออกมา ตัวสั่นไปทั้งตัว นางเจ็บใจมากที่ต้องเห็นสหายของนางตายไปโดยที่นางเองก็ทำอะไรไม่ได้เลย

แรงที่ดึงโหลชีเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โหลวซิ่นเองก็ไม่สามารถดึงนางไว้ได้อีก ทั้งสองคนเกือบจะถูกดึงเข้าไปในกระแสน้ำ

โหลชีกัดฟันยื้อไว้จนสุดแรง หรือท้ายที่สุดนางก็มีเพียงแต่ต้องไปทางนั้นหรือ?

การตายของนาง แลกกับชีวิตของเฉิงสิบและโหลวซิ่น

หนึ่งชีวิต แลกสองชีวิต คุ้มค่าแล้ว!

โหลชีกัดปลายลิ้นของนาง รสปร่าของเลือดกระจายคลุ้งไปทั่วปาก

ทันใดนั้นโหลวซิ่นก็พบว่าลมหายใจของโหลชีเปลี่ยนไป ความโกรธ ความสิ้นหวัง ไร้เรี่ยวแรง ความเจ็บปวด ความวิตกกังวล ทั้งหมดหายไปตอนนี้นางสงบมาก ไม่ใช่สิ เย็นชา เย็นชาถึงขีดสุด ลมหายใจของนางอยู่ๆก็ดูมืดมนไร้ขอบเขต ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน

และพลังอันแรงกล้าที่ดึงพวกเขาดูเหมือนจะหยุดลงอย่างกะทันหัน ราวกับถูกกดทับด้วยความโหดเหี้ยมนี้

เขาช่วยพยุงนางลุกขึ้นยืนด้วยความมึนงง เห็นเพียงแค่มือซ้ายของนางทำมุทรา ดูเหมือนว่าเหมือนมีอากาศบางๆสายหนึ่งหมุนวนอยู่รอบๆนิ้วของนาง จากนั้นนางก็พ่นละอองเลือกออกมาทันที

"แม่นาง!"

"ด้วยคำสาปเลือดดวงชะตาของข้า ชำระล้าง!" โหลชีแสดงท่าทีเย็นชา ดวงตาของนางราวกับถูกแช่แข็งไปหลายพันลี้แผ่จิตสังหารไร้ขีดจำกัดออกมาจากตัว

น้ำประหลาดนั่นไหลกลับเข้าไปในลำธารราวกับว่าหวาดกลัว และลำธารก็สงบราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

มีลมกระโชกแรง และผมสีดำของนางก็พัดปลิวไปมาอย่างบ้าคลั่ง

โหลวซิ่นถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างรั้งไม่อยู่ โหลชีไม่สนใจเขา แต่กลับเดินไปที่เฉิงสิบทีละก้าว จากนั้นนางก็เอื้อมมือออกมากระชากใยหนอนที่พันกันแน่นดึงออกอย่างแรง

"ตายไปให้หมด!"

ฟู่วว ละอองเลือดพุ่งออกมาอีกระลอกหนึ่ง และเมื่อใยหนอนเหล่านั้นก็ละลายไปเมื่อถูกย้อมด้วยเลือด

โหลชีใช้สองมือทำมุทรา แล้วกดฝ่ามือลงบนศีรษะของเฉิงสิบ มีหมอกระเหยออกมาจากฝ่ามือของนางและค่อยๆ ห่อหุ้มร่างกายของเฉิงสิบอย่างช้าๆ

โหลวซิ่นมองดูใยหนอนสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนไหลลงมาจากร่างกายของเฉิงสิบราวกับน้ำตกที่ปกคลุมพื้นดิน ทันใดนั้นก็ถูกไฟไหม้และกลายเป็นควันไฟด้วยความสยดสยอง

เขาดีใจที่โหลชีสามารถกำจัดหนอนดอกเมฆได้ แต่เมื่อของเขามองไปยังที่โหลชี เขาตกใจมากและร้องออกมา: "หยุดมือ แม่นาง หยุดมือ!"

เขาไม่เคยพบเจอเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน โหลชีที่หน้าตาสวยงาม ผิวขาวใสราวกับแก้ว เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ซีดเผือดราวกับกระดาษ รอยยับย่นปรากฏขึ้นที่หางตา ปาก และแก้มของนาง และใบหน้าของนางก็หมองคล้ำ ราวกับว่าอยู่ๆนางก็เหมือนแก่ไป 30 ปี!

โหลวซิ่นจำได้ว่าคำสาปเลือดดวงชะตาที่นางพูด คงมิใช่ว่าทำให้เลือดและความเยาว์วัยของนางหายไปใช่ไหม?

ถ้าเป็นเช่นนั้น ช่วยเฉิงสิบไว้ได้ แต่กลับเป็นการเอาชีวิตนางไป เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไรกัน!

โหลวซิ่นรีบแล่นเข้าไปหาว่าดวงตาที่แดงก่ำคิดจะผลักนางออกไป แต่โหลชีเพียงแค่หันหน้าไปด้านข้างและเหลือบมองเขาจริงๆ เขารู้สึกหนาวสั่นตั้งแต่ก้นบึ้งของหัวใจจนถึงฝ่าเท้า แล้วเขาก็หยุดเท้าอย่างควบคุมไม่ได้

นัยน์ตาของแม่นางโหลช่างน่ากลัวยิ่งนัก

โหลชีรู้ว่าชีวิตของนางกำลังจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่หัวใจของนางกลับเยือกเย็นและสงบนิ่ง นางไม่ชอบนิสัยส่วนนี้ของตัวเอง แต่นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่แข็งแกร่งที่สุดของนางเช่นกัน

"แม่นาง แม่นางรีบหยุดมือเถิด" โหลวซิ่นกำลังจะหมดหวังลงทุกที ในเวลานั้นเองเสียงสวดมนต์ดังก้องจากบนท้องฟ้า

"อมิตาพุทธ"

ที่ปรากฏหาใช่ภิกษุที่ห่มจีวรและถือประคำ แต่กลับเป็นชายชราผมและเคราสีขาว สวมชุดสีขาว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ