ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 217

เฉินซ่าเหลือบตามองนาง "หื้ม?"

ได้พูดกับเขาต่อหน้า นัยน์ตาอิ้นเหยาเฟิงเป็นประกาย "เหยาเฟิงยอมพาคนหนึ่งพันหกร้อยสามสิบคนเอ็ดทั้งหมดของค่ายเหยาเหิง ศิโรราบให้กับเมืองพั่วอวี้----"

นางยังพูดไม่ทันจบ เฉินซ่าก็พูดแทรกนาง

"เจ้าไม่ยอมก็ได้"

ในตอนที่อิ้นเหยาเฟิงตะลึงนั้น เขาก็พูดต่อไปอย่างเชื่องช้าว่า: "ข้าสยบค่ายของเจ้าให้ราบเป็นหน้ากลองได้"

พี่น้องสามคนของตระกูลอิ้นสูดหายใจเข้าลึกๆ

อิงหัวเราะเยาะเย้ย แพ้แล้วยังจะมาบอกว่ายอมแพ้อีก นี่บอกได้แค่ว่าเป็นการกระทำที่รู้เวลาเท่านั้น แค่อยากทำเพื่อปกป้องชีวิตตัวเอง ไม่ถือว่าเป็นคุณงามความดีเลยด้วยซ้ำ?

ผู้หญิงคนนี้โง่หรือเปล่านะ

อิ้นเหยาเฟิงกัดริมฝีปากบาง "ฝ่าบาท เหยาเฟิงยังมีอีกข้อมูลหนึ่ง ภูเขาด้านข้างค่ายเหยาเฟิงมีเหมืองทองคำ!"

ครั้งนี้ ทำเอาเฉินซ่าเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ

"ที่ไหน?"

"เรื่องนี้ ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ฝ่าบาทสามารถสั่งให้คนไปสืบดูก่อนได้----" พูดถึงตรงนี้ เหยาเฟิงก็มองเขาด้วยสีหน้าคาดหวัง ข้อมูลนี้ถือเป็นคุณงามความดีไหม? ได้ไหม?

คุณงามความดีสิบข้อ นางจะต้องทำให้ได้ และเป็นผู้หญิงของเขาให้ได้! เป็นพระสนมของพั่วอวี้ให้ได้!

"ในพั่วอวี้ไม่มียอดฝีมือในด้านนี้"

เฉินซ่าขมวดคิ้ว

ตอนนี้เอง ทันใดนั้นอิงก็ตบหน้าผากตัวเอง: "ไม่สิ ฝ่าบาท มีขอรับ มีอยู่คนหนึ่ง!"

ตอนนี้อิงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า สองวันก่อนมีครอบครัวหนึ่งเข้ามาในเมืองพั่วอวี้ เอาจดหมายให้เขาผ่านทางองครักษ์เฝ้ายาม จดหมายนั่นเป็นของโหลชี ในนั้นเขียนไว้ว่าให้เขาช่วยดูแลครอบครัวนี้หน่อย ยังบอกว่า ตาเฒ่าเหอกุ้ยเป็นช่างแกะสลักหยก ลูกชายเหอชิ่งเหนียนสามารถหาเหมืองได้ ส่วนลูกสะใภ้นางชุนทำอาหารอร่อย

ตอนนี้พั่วอวี้ขาดกำลังคนพอดี และขาดช่างในหลายๆด้าน ดังนั้นพวกเขาจึงต้อนรับคนพวกนี้เข้าเมืองมาก ตอนนั้นองครักษ์อิงก็ดีใจมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนที่โหลชีแนะนำมาอีก แต่เพราะต้องบุกโจมตีค่ายเหยาเฟิง ดังนั้นเขาไม่มีเวลาไปเจอครอบครัวนี้ แค่สั่งให้ลูกน้องหาที่พักให้พวกเขา ไม่คิดว่า ตอนนี้จะได้ใช้ประโยชน์จากฝีมือของพวกเขาจริงๆ?

คิดได้เช่นนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่า ถ้าหาเหมืองได้จริงๆ คุณงามความดีนี้ก็ต้องเพิ่มให้โหลชีสิ! เพราะยังไง ถ้าเหอชิ่งเหนียนมีความสามารถนี้จริงๆ ไม่ต้องให้อิ้นเหยาเฟิงบอกข้อมูลนี้ เขาก็จะไปหาเหมืองทองเอง!

เฉินซ่าสีหน้ามืดมนเมื่อได้ยินคำพูดของเขา

มีจดหมายของผู้หญิงคนนั้นกลับไม่มารายงานเขาก่อน

"จดหมายล่ะ?"

ได้ยินน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของเขา องครักษ์อิงก็ถึงรู้ตัวทีหลัง "ฮะ? อ้อๆ จดหมายอยู่นี่ขอรับ" เขาเอาจดหมายออกมาจากเสื้อ ไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่มืดมนของเฉินซ่า

จดหมายฉบับนั้นถูกยืดไป จนสุดท้ายอิงก็ยังไม่กล้าขอกลับมา

"เรียกให้ครอบครัวนั้นเข้าเฝ้าในตำหนักจิ่วเซียว"

อิ้นเหยาเฟิงมองดูเฉินซ่าเดินออกไปด้วยสีหน้าตะลึง อ้าปากกำลังจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก ฝ่าบาท แล้วนางล่ะ? คุณงามความดีของนางล่ะ? ยังไม่ทันได้จดไว้เลยนะ?

......

หิมะตกลงมาลอยไปทั่วทุกที่ ยากที่จะเห็นผืนหญ้าสีเขียวตรงหน้า ผืนดินขาวโพลนไปหมด พื้นที่ป่าดงดิบและอากาศแบบนี้ไม่เหมาะสำหรับการพักอาศัย เมื่อคืนหาที่หลบจำพวกถ้ำไม่ได้ โหลชีสามคนเกือบถูกแช่แข็งเป็นตุ๊กตาหิมะแล้ว

"อากาศบ้าอะไรเนี่ย ไม่รู้ว่าจะตกถึงเมื่อไหร่" โหลชีจูงม้าเดินสักพักถือว่าเป็นการพักผ่อน พวกเขาขี่ม้ามาทั้งวัน ก็ต้องให้ม้าได้พักผ่อนบ้าง

หิมะตกแบบนี้ขนาดม้ายังหาหญ้ากินไม่ได้เลย พวกเขาก็ไม่ได้ล่าสัตว์มาสองวันแล้วด้วย จึงต้องกินผลไม้ป่าประทังชีวิต สำหรับโหลชีที่ชอบกินเนื้อแล้ว มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก

"แม่นางดูภูเขาตรงหน้าสิ" เฉิงสิบชี้ออกไปอย่างดีใจ

โหลชีเงยหน้าขึ้นมอง เห็นภูเขาตรงหน้ามีรูปร่างแปลกๆ รูปร่างเหมือนนกอินทรี จมูกของนกอินทรีเป็นเส้นทางนี้พอดี ทำให้กลายเป็นหลังคาขนาดใหญ่โดยธรรมชาติ มองไปแบบนี้แล้ว ถนนด้านล่างจมูกนกอินทรีเหมือนจะมืดมนเล็กน้อย นั่นก็คือตรงที่ไม่ถูกหิมะปกคลุม

เป็นเช่นนี้แล้วอย่างน้อยด้านบนถนนเส้นนี้ก็มีภูเขาปกคลุมไว้ จะได้หลบหิมะและพักผ่อนสักหน่อย พวกเขาจะหนาวตายอยู่แล้ว และด้านล่างก็ไม่มีหิมะ ไม่แน่อาจจะมีหญ้าให้ม้าได้กิน

"ดีจังเลย ขึ้นม้าแล้วรีบไปกัน"

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นโล่งใจ รีบขึ้นม้าพร้อมกันแล้ววิ่งไปด้านล่างภูเขา

เข้าไปดูใกล้ๆ พวกเขาก็ถึงเห็นว่า ‘จมูกนกอินทรี’ ที่ยื่นออกมายาวกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้มาก มองเข้าไปแล้ว ด้านล่างถนนสองข้างทางมีหญ้าจริงด้วย เพราะยังไม่ถูกหิมะปกคลุม ยังมีความเขียวชอุ่มอยู่บ้าง

ขนาดพวกท่าเสวี่ยยังตื่นเต้นเลย

ทั้งสามกำลังจะขี่ม้าเข้าไป ทันใดนั้นโหลชีก็เห็นถนนตรงหน้ามีเส้นสีขาวยาวๆ นางรีบพูดว่า: "หยุดก่อน!"

ยังดีที่เฉิงสิบกับโหลวซิ่นเชื่อฟังคำสั่งของนาง ได้ยินนางบอกให้หยุด พวกเขาก็รีบหยุดม้าทันที

ม้าที่ถูกบังคับให้หยุดก็ร้องขึ้นพร้อมกัน

ทันใดนั้น ชายห้าหกคนสวมเสื้อคลุมขนสัตว์เสือและถือดาบใหญ่ออกมาจากทางเดินมืดที่ปกคลุมไปด้วยเงาของภูเขา หัวหน้าสวมหมวกขนสีเทา ดวงตาเรียวเล็กและมีรอยแผลเป็นเล็กๆใต้ตา จ้องมองพวกเขาด้วยแววตาที่ดุร้าย

"ตาแหลมจริงๆนะ! เหอะ ยังเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลาสามคนอีก"

พวกผู้ชายด้านหลังของพวกเขาแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์

"ลงมาเล่นกับพวกพี่หน่อยสิ!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ