ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 226

สรุปบท บทที่ 226 น่าตื่นเต้นมาก: ใต้ร่มยาใจ

อ่านสรุป บทที่ 226 น่าตื่นเต้นมาก จาก ใต้ร่มยาใจ โดย ลิ่วเยว่

บทที่ บทที่ 226 น่าตื่นเต้นมาก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ใต้ร่มยาใจ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

"มองแวบแรกก็รู้ว่าพวกเจ้าเพิ่งมาถึงเมืองลั่วหยาง เมืองลั่วหยางแห่งนี้ไม่เคยขาดคหบดีมีเงิน ซึ่งมันมีตลอด และข้าได้ยินมาว่าเมื่อคืนพวกเขาแอบรายงานผ่านนกพิราบสื่อสาร พวกคหบดีเมืองใกล้เคียงจึงรีบมาที่นี่ทันที นอกจากนี้ เจ้าคิดว่าเข้าไปตอนนี้แล้วจะเริ่มประมูลได้หรือ? มันไม่ใช่ การประมูลนั้นมันเป็นเวลาตอนกลางคืน และตอนนี้เป็นเพียงการประโคมข่าวเท่านั้น นอกจากนี้ คนที่เข้าไปตอนนี้สามารถชำระเงินมัดจำเพื่อสำรองที่นั่งก่อนได้"

โหลชีเดินออกจากฝูงชนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เฉิงสิบกระซิบว่า "คุณชาย จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงตัวนี้คงจะไม่ใช่ตัวนั้นมั้ง?"

โหลชีส่ายศีรษะ "ตอนกลางคืนค่อยมาดูอีกทีเถิด" ตอนนี้นางไม่กล้ามั่นใจ แต่ถ้า จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงถูกคนของโรงพรรณยาจับมา นั่นหมายความว่าเกิดเรื่องกับท่านจินแล้ว?

"โหลวซิ่น เจ้าไปจองที่นั่งพิเศษเถิด" ที่นั่งพิเศษนั้นเป็นที่นั่งสำหรับแขกพิเศษ ครานี้โรงพรรณยายุ่งแน่นอน และได้รับมอบหมายงานจากจวนตระกูลหานด้วยเงินจำนวนมาก และได้จิ้งจอกม่วงมาอีกด้วย ประจวบเหมาะที่เรื่องทั้งสองเรื่องเกิดพร้อมกัน ทำให้ชื่อเสียงของโรงพรรณยาโด่งดังอีกครั้ง

โหลชีเดินเข้าไปในโรงพรรณยาและยื่นป้ายไม้ซึ่งบ่งบอกว่าตนเองต้องการขายยา ดวงตาของผู้จัดการสาขาที่มาต้อนรับเป็นประกาย "คุณชาย สามารถหาตัวยาหนึ่งในห้าอย่างได้เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?"

"ถูกต้อง" เดิมทีโหลชีต้องการขายตัวยาทั้งสามชนิด แต่หลังจากเมื่อคืนนางรู้ว่าตัวยาทั้งสามชนิดนั้นเป็นยาหายาก นางจึงเปลี่ยนใจขายแค่หญ้าเทียนจีเท่านั้น

นางรู้ว่าสำหรับเห็ดหลินจือพันปีแล้ว ถ้าเข้าไปในป่าลึกที่มิมีใครเคยเหยียบเข้าไป อาจจะสามารถค้นหามันได้ แต่ถ้าเป็นหญ้าเทียนจี นอกจากถ้ำในหุบเทพมารที่ จิ้งจอกม่วงอาศัยอยู่แล้ว คาดว่าในโลกใบนี้จะไม่มีสถานที่ที่สองอีกแล้ว

นางยังเหลือไว้ที่นั่นบางส่วน และเมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะขึ้นใหม่อีก แล้วถ้านางต้องการมันอีก นางก็สามารถเข้าไปเก็บมันออกมาได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหุบเทพมารจะเป็นสถานที่อันตรายมาก แต่นางก็ไม่กลัวแต่อย่างใด

"ไม่รู้ว่าคุณชายมีตัวยาชนิดใด?"

"หญ้าเทียนจี"

"หญ้าเทียนจี! เป็นหญ้าเทียนจี!" ผู้จัดการสาขาคนนั้นอุทานด้วยความประหลาดใจ

โหลชีรู้สึกว่าค่อนข้างแปลก พวกเขาไม่คิดว่าจะมีคนสามารถหาตัวยาชนิดนี้ได้จริง ๆ หรือ? พวกเขาควรเตรียมใจที่จะรับซื้อตัวยาไว้ล่วงหน้าแล้วไม่ใช่หรือ?

ดูเหมือนว่าตัวยาพวกนี้จะหายากกว่าที่นางคิด! แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว นางตัดสินใจที่จะใช้หญ้าเทียนจีหาเงินก้อนใหญ่ ดังนั้นนางไม่กลับคำแน่นอน

"ถูกต้อง คือหญ้าเทียนจี"

น้ำเสียงของผู้จัดการสาขาสั่นเล็กน้อย "แล้วคุณชายนำหญ้าเทียนจีมาด้วยหรือไม่?"

"นำมาแน่นอน แต่ข้าไม่ได้บอกว่ามีเพียงต้นเดียว" โหลชีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"อะไร อะไรนะ?" ร่างกายของผู้จัดการสาขาสั่นสะท้าน ราวกับว่าเขากำลังจะล้ม "มี มีสองต้น?"

เฉิงสิบและโหลวซิ่นยืนอยู่ข้างหลังโหลชีนั้นแตะจมูกพร้อมกัน แค่สองต้นก็เกือบจะทำให้เขาหมดสติ แล้วถ้าบอกว่าโหลชีมีทั้งหมดสิบหกต้นล่ะ?

เพื่อเห็นแก่ชีวิตของผู้จัดการสาขาคนนี้ พวกเขาจึงไม่พูดความจริง

โหลชีรู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นของหายากที่ล้ำค่า นางจึงไม่คิดที่จะขายหญ้าเทียนจีทั้งสิบหกต้น แต่—"ความจริงแล้ว ข้ามีสามต้น"

"ตุ้บ!"

ผู้จัดการสาขาคนนั้นล้มลงบนพื้นจริง ๆ เขาเหยียดแขนออกและพยายามเรียกลูกศิษย์ของร้านขายยามาช่วย "เร็วเข้า รีบไปเชิญผู้จัดการสาขาใหญ่ออกมา"

ตื่นเต้นเกินไปแล้ว!

เถ้าแก่จูที่มีหนวดเครายาว รีบเดินออกมาจากห้องด้านใน เมื่อเห็นพวกโหลชีทั้งสามคน เขาตกตะลึงและถามด้วยความสงสัย "คุณชายน้อย ท่านบอกว่ามีหญ้าเทียนจีสามต้นหรือ?"

ถ้าอยู่กับสตรีแล้วโหลชีไม่ถือว่าเตี้ย นางเป็นคนที่สูงและเรียว แต่เมื่อนางแต่งตัวเป็นผู้ชาย ทำให้นางดูเตี้ยไปนิด ร่างผอม ดูแล้วเหมือนคนอายุแค่สิบแปด ดังนั้นผู้จัดการสาขาใหญ่คนนี้จึงเรียกนางคุณชายน้อย

"ถูกต้อง"

"ข้าเป็นผู้จัดการสาขาใหญ่ของโรงพรรณยาสาขาเมืองลั่วหยาง ข้าแซ่จู ไม่ทราบว่าต้องเรียกคุณชายน้อยว่าอย่างไร?"

เฉิงสิบกล่าวว่า "นี่คือคุณชายเจ็ด"

หลังจากได้ยินประโยคนี้ เถ้าแก่จูรู้ว่าโหลชีไม่ต้องการเปิดเผยชื่อจริงของตนเอง ดังนั้นเขาจึงไม่บังคับ และเชิญพวกเขาไปที่ด้านในห้อง และให้สาวใช้นำชาปี้หลัวชุนมาต้อนรับ

"ไม่ทราบว่าคุณชายเจ็ดสามารถนำหญ้าเทียนจีออกมาให้ข้าดูหน่อยหรือไม่?"

"ได้แน่นอน"

โหลชีพยักหน้า แล้วเฉิงสิบหยิบกล่องผ้าสี่เหลี่ยมออกมาจากถุงผ้า แล้วมอบให้เถ้าแก่จู เดิมเถ้าแก่จูมีท่าทีที่สงบ แต่หลังจากรับกล่องแล้วมือของเขาเริ่มสั่น และหลังจากที่เขาเปิดกล่อง ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมาทันใด รูม่านตาหดเล็กน้อย และริมฝีปากสั่นเล็กน้อย

หญ้าเทียนจีก้านเป็นสีม่วงมีใบสีเขียวเรียว ถึงแม้ว่ามันจะถูกถอนจากดินแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังดูชุ่มชื้นและมีชีวิตชีวา ถ้าหายใจเข้าลึก ๆ จะสามารถสูดอากาศสดชื่น ซึ่งสามารถทำให้คนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันใด

ถ้าเขารู้ว่าเมื่อคืนโหลชีเลือกหยิบตัวยาเหล่านี้ที่นางคิดว่าไม่มีค่าที่สุดมา คิดว่าเขาอาจจะกระอักเลือด

ต้องรู้ว่า มีคนแค่ไม่กี่คนกล้าไปเก็บตัวยารอบ ๆ บริเวณนอกหุบเทพมาร แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปข้างใน ดังนั้นข้างในจึงมีตัวยาอยู่มากมาย ซึ่งเป็นตัวยาที่อายุหลายร้อยปี และนับพันปีก็มีเช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะโหลชีและคนอื่น ๆ ใส่ตัวยาเต็มถุงผ้าแล้ว และบดเป็นผงจนเต็มขวดที่นำไปด้วยแล้ว นางยังสามารถเก็บตัวยาออกมาได้อีกมากมาย

การที่นางต้องการขายตัวยาพวกนี้ เป็นเพราะนางไม่สามารถแบกตัวยาจำนวนมากไว้กับตัวได้ตลอดเวลา ดังนั้นควรแลกเปลี่ยนเป็นเงินดีกว่า

"ทำไมเถ้าแก่จูถึงไม่พูดอะไร? โรงพรรณยาไม่สนใจตัวยาเหล่านี้หรือ?" โหลชีกะพริบตา

เลือดของเถ้าแก่จูสูบฉีดอย่างกะทันหัน ดังนั้นเขาจึงสำลักและไอ และไม่ง่ายที่จะทำให้สงบลง เขายิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า "คุณชายเจ็ดอย่าพูดล้อเล่นเลย ตัวยาพวกนี้ล้วนเป็นตัวยาชั้นดี ข้าจะไม่สนใจพวกมันได้อย่างไร ถ้าอิงตามมูลค่าเดิมของตัวยาเหล่านี้แล้ว ราคาของมันไม่ต่ำอยู่แล้ว ถ้าต้องซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาเดิมสามเท่า มันเป็นเงินจำนวนไม่น้อย ข้าต้องปรึกษาหารือกับผู้ที่ควบคุมดูแลคลังตัวยาของร้านก่อน"

นี่เป็นราคาโดยประมาณ จากนั้นค่อยเช็ดดูว่าพวกเขามีเงินเพียงพอที่จะสามารถซื้อตัวยาเหล่านี้ได้หรือไม่? ซึ่งโหลชีเข้าใจเช่นกัน ดังนั้นจึงพยักหน้าและบอกว่าตนเองสามารถรอได้

เถ้าแก่จูเรียกหมอยาหลายคนและผู้จัดการสาขาหลายคนมาปรึกษาหารือทันที พวกเขาไม่ได้ไปสถานที่อื่นใด แต่ปรึกษาหารืออยู่ที่อีกฝั่งของฉากกั้นเท่านั้น

โหลชีรู้สึกประทับใจโรงพรรณยาแห่งนี้ไม่น้อย แม้ว่าผู้จัดการสาขาก่อนหน้านั้นและ เถ้าแก่จูจะถูกตัวยานี้ทำให้ตกตะลึง แต่พวกเขาไม่แสดงความละโมบ ทำหน้าที่อย่างเอื้อเฟื้อ ไม่ใช่พ่อค้าเจ้าเล่ห์ขี้โกง

"คุณชายเจ็ดหญ้าเทียนจีนี้เป็นตัวยาที่จวนตระกูลหานต้องการ ตอนนี้ข้าส่งคนไปแจ้งเจ้าบ้านหานแล้ว คุณชายเจ็ดสามารถแจ้งราคากับเจ้าบ้านหานได้ด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ข้ามีเรื่องจะขอร้อง ไม่ทราบว่าคุณชายเจ็ดจะรับปากได้หรือไม่"

"เชิญเถ้าแก่จูพูดมาเถิด"

"ถ้าจวนตระกูลหานต้องการหญ้าเทียนจีหนึ่งหรือสองต้น ส่วนที่เหลือจะขายให้โรงพรรณยาได้หรือไม่?"

โหลชียิ้ม ที่แท้เรื่องนี้เอง "ได้แน่นอน"

เถ้าแก่จูรู้สึกดีใจและขอบคุณนางอย่างรวดเร็ว "คุณชายเจ็ด กล่าวตามตรง หากสามารถมีหญ้าเทียนจีหนึ่งต้น ร้านขายยาสาขาของข้าถือว่ามีผลงานใหญ่แล้ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเลื่อนตำแหน่งของข้าอย่างมาก"

เถ้าแก่จูเป็นคนที่จริงใจ เมื่อโหลชีเห็นว่าคนผู้นี้เป็นคนเด็ดเดี่ยว ใจกว้าง และยังเป็นคนที่มีความสามารถ อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว "อ้อ ถ้าเถ้าแก่จูได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปอีก แล้วมันเป็นตำแหน่งอะไร?"

"ถ้าผู้จัดการแต่ละสาขาได้เลื่อนตำแหน่ง จะเป็นตำแหน่งผู้จัดการหลัก และแต่ละผู้จัดการหลักจะความดูแลห้าสาขา ซึ่งด้านบนจะมีผู้จัดการใหญ่เป็นคนควบคุมดูแลอีกที ถ้าได้เป็นผู้จัดการหลัก จำเป็นต้องไปควบคุมดูแลห้าสาขาภายใต้ความรับผิดชอบของตนเองเป็นประจำ กล่าวตามตรง คุณชายเจ็ด ข้าอยากไปทั่วทุกหนแห่ง ข้าไม่ต้องการที่จะอยู่ในเมืองลั่วหยางไปตลอดชีวิต"

ไม่เพียงแต่สามารถไปทั่วทุกหนแห่งได้ แต่ยังมีพลังอำนาจและเบี้ยเลี้ยงที่สูงขึ้นอีกด้วย แล้วใครล่ะจะไม่ต้องการ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ