ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 247

สรุปบท บทที่ 247 จดหมายรักฉบับเฉิน: ใต้ร่มยาใจ

บทที่ 247 จดหมายรักฉบับเฉิน – ตอนที่ต้องอ่านของ ใต้ร่มยาใจ

ตอนนี้ของ ใต้ร่มยาใจ โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 247 จดหมายรักฉบับเฉิน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อวานซืนคุณหนูห้าทำนางไม่พอใจ โหลชีเลยไม่สนใจตระกูลเซียวไปสองวัน สองวันนี้ตระกูลเซียวนำเสนออาหารเลิศรส เหล้าชั้นดีต่างๆให้กับนางไม่หยุดหย่อน ทำราวกับนางเป็นแขกชั้นเลิศคอยให้บริการ เซียวหยงเซียวเฉี่ยวรวมถึงสาวใช้งดงามที่เซียวหยงจัดหามาถูกเปลี่ยนไปหมด โหลชีก็ไม่รีบร้อน ยังไงซะไม่ใช่นางที่รีบอยู่แล้ว

ทุกวันคือกินเล่น เดินเล่นในสวน ไม่มีใครกล้าตามนาง

แต่ยังไงที่นี่ก็คือจวนตระกูลเซียว นางยังให้เฉิงสิบโหลวซิ่นคอยจับสังเกตรอบด้านอยู่

มุมหนึ่งในสวน ดอกเฟื่องฟ้าบานสะพรั่งเต็มพื้นที่ บดบังเงาร่างคนนั้นไว้

โหลชีเดินเข้าใกล้ เขารีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ยกมือคารวะพลางก้มหน้าพูดว่า "ข้าน้อยตู้เหวินฮุ่ย ถวายบังคมพระสนม!"

โหลชี "..."

ใครจะบอกนางได้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?

"พระสนม นี่เป็นจดหมายที่ฝ่าบาทให้ข้าน้อยนำมาให้ท่าน" ตู้เหวินฮุ่ยควักห่อผ้าหนาออกมาจากในอกเสื้อ หนามากจริงๆ! นี่คือจดหมาย?

โหลชียื่นมือไปรับมา "เจ้าลุกขึ้นมาก่อน"

"ขอบพระทัยพระสนม" ตู้เหวินฮุ่ยยืนขึ้นมา ยืนตรงเก็บมือเรียบร้อย

คำก็พระสนมสองคำก็พระสนม โหลชีไม่คุ้นชินเลยจริงๆ แต่จะมาถือสาเรื่องสรรพนามที่ใช้เรียกของเขาก็ดูเป็นไปไม่ค่อยได้

"เจ้ามาจากพั่วอวี้?"

"ขอรับ"

"กองทัพเร่งทางพิเศษชนิดหนึ่งกระมัง?" นางมองสำรวจตู้เหวินฮุ่ยคนนี้ รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหยาบกระด้างเพราะโดนคมน้ำแข็งบาด ดูจากเสื้อผ้าที่เขาใส่ แขนเสื้อติดกระดุมที่เชื่อมไปถึงนิ้วบนฝ่ามือ แต่ดูออกว่าที่เกลาจนเป็นขนนั่น เป็นร่องรอยที่เกิดจากการกุมบังเหียนเร่งรีบเดินทางทั้งวันทั้งคืนมานาน

"พ่ะย่ะค่ะพระสนม ฝ่าบาทจัดตั้งขุนสื่อสามร้อย เชื่อมเส้นสายจากพั่วอวี้กระจายไปทุกแคว้น หนึ่งทีมีสิบคน เมืองใหญ่อย่างเป่ยชางจะมีทีมเล็กเข้าไปแทรกแซง ข้าน้อยเป็นหัวหน้าทีมของสี่ทีมเล็กของเป่ยชาง เป่ยชางเส้นทางไกลยิ่งนัก ดังนั้นจึงเข้าสู่เมืองนั่วราช้ากว่าพระสนมสามวัน มิทันจัดหาที่พักให้พระสนมได้ทันเวลา ขอพระสนมโปรดอภัย"

โหลชีเริ่มปวดหัว "เดี๋ยวเดี๋ยว เจ้ารอก่อน! ขุนสื่อนี่มันเรื่องอะไรกัน?"

ตู้เหวินฮุ่ยตอบ "ฝ่าบาทได้จัดตั้งขุนสื่อ เพื่อให้สามารถได้รับข่าวสารจากทุกแคว้นโดยเร็วที่สุด ต่อไปหากส่งทูตไปยังนานาแคว้น ระหว่างทางก็จะมีคนคอยดูแลได้"

โหลชีกำลังจะพยักหน้าเชิงเข้าใจ ตู้เหวินฮุ่ยก็บอกอีกว่า "ภารกิจแรกที่ข้าน้อยได้รับคือ หาร่องรอยของพระสนมในเวลารวดเร็วที่สุด!"

"..." นี่หมายความว่า เฉินซ่าส่งคนสามร้อยคนออกมาตามหานาง? นางแอบมองบน พลางถามว่า "แล้วถ้าหาเจอแล้วอย่างในตอนนี้ล่ะ?"

"ให้ส่งข่าวกลับเมืองพั่วอวี้โดยเร็วที่สุด จากนั้นพวกข้าน้อยพร้อมรับคำสั่งพระสนม"

โหลชีตาเป็นประกาย"หมายความว่าฟังข้า? ไม่ว่าเรื่องอะไรรึ?"

ตู้เหวินฮุ่ยส่ายหัวบอก "ยกเว้นเรื่องต้องรายงานร่องรอยของพระสนมกลับไปตามจริงทุกวัน"

แล้วจะสนุกอะไรล่ะ นางยังนึกว่าจะสั่งให้พวกเขาปกปิดร่องรอยนางได้ซะอีก

"งั้นตอนนี้ในเมืองนั่วรามีทั้งหมดกี่คน?"

"รวมข้าน้อยแล้ว ทั้งหมดสิบเอ็ดคนขอรับ"

ตู้เหวินฮุ่ยหยิบพลุสัญญาณใหญ่พอๆกับนิ้วมือสามอันยื่นให้นาง "ขอพระสนมเก็บไว้ให้ดี นี่เป็นพลุสัญญาณติดต่อกัน แต่ต่อมาข้าน้อยจะคอยติดตามพระสนมลับๆ หากพระสนมมีการอันใดขอเพียงเรียกข้าน้อยก็พอแล้ว"

โหลชีเห็นเขาหายวับไป ก็รู้ว่าตู้เหวินฮุ่ยคงมีวิชาตัวเบาและซ่อนตัวเก่งกาจมาก

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นเห็นนางอุ้มห่อผ้าหนาๆกลับมาอันหนึ่ง ทั้งคู่พากันอึ้ง "แม่นาง นี่คือ?"

"กลับไปค่อยว่ากัน"

พอกลับถึงเรือนพัก รู้ว่านี่เป็นจดหมายที่ฝ่าบาทเขียนให้โหลชี และยังได้ยินเรื่องขุนสื่อสามร้อยคนนั่นอีก โหลวซิ่นก็หัวเราะร่วนออกมาเลย ส่วนเฉิงสิบถอนหายใจโล่งอก

ฝ่าบาทมีการเคลื่อนไหวก็ดี ดีแล้ว

"แม่นาง งั้นข้าน้อยจะไม่รบกวนแม่นางอ่านจดหมายนะขอรับ" เฉิงสิบลากโหลวซิ่นออกไป และปิดประตูให้นาง

โหลชีนั่งอยู่บนตั่ง เปิดห่อผ้าออก พอแกะห่อผ้าออก ในนั้นมีกระดาษน้ำมันกันน้ำไว้อีกชั้นหนึ่ง ห่อมาอย่างมิดชิด ใช้น้ำตาเทียนปิดไว้

นางมองน้ำตาเทียนนั่นอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าตอนเฉินซ่าหยดน้ำตาเทียนจะเป็นความรู้สึกยังไง? แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ไม่ต้องดูจดหมายนางก็รู้ว่า เขาไม่ยอมปล่อยนางไปแน่ อันที่จริงผู้ชายคนนั้นเป็นประเภทดื้อรั้น เขาคิดว่าควรจะเป็นยังไง ก็ต้องเป็นอย่างนั้น

พอแกะน้ำตาเทียนอันนั้น เปิดห่อกระดาษน้ำมัน สิ่งแรกที่เข้าสู่สายตาคือป้ายหยกขาวชิ้นหนึ่ง ด้านหน้าเป็นตัวสื่อ ด้านหลังเป็นตัวชี

ตัวสื่อนางรู้แล้วว่าคืออะไร เดาได้ว่าน่าจะเป็นป้ายสำหรับสั่งการขุนสื่อสามร้อยคนนั่น แต่ด้านหลังสลักชื่อนางไว้ทำอะไร?

วางป้ายลงก่อน นางหยิบจดหมายขึ้นมา แม่เจ้า เป็นจดหมายพับหนาละเอียดมากจริงๆ! โหลชีรู้สึกเหมือนจะเป็นลม นี่มันจดหมายสิบหน้าเต็มๆเลยนะ เขามีอะไรให้เขียนขนาดนี้เนี่ย?

พอดูไป สามหน้าแรกเป็นการตัดสินโทษควรตายที่นางกล้าหนีไปจากเขา อืม ควรตายสองคำนี้เป็นความหมายที่เขาสื่อออกมา

ต่อมาอีกสามหน้า คือกำลังสอบถามว่านางมีความเห็นอะไรเกี่ยวกับยศพระสนมไหม "ข้าคิดว่า ในเมื่อมีพระสนมคนเดียว ก็ไม่ต้องใช้ยศพระสนมชั่วคราว หามาสองร้อยตัว ดูยังไงก็ไม่ชอบ หรือบางทีเจ้าลองคิดดูเอง ไว้เจอหน้ากันค่อยบอกข้า"

โหลชีอยากกระอักเลือด ตั้งยศพระสนม? เต๋อเฟย?เสียนเฟย?ซูเฟย?ตวนเฟย?ทำไมนางรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ใกล้เคียงกับการมีศีลธรรมจริยาหรือมีคูณธรรมปัญญาบริสุทธิ์ดีงามอะไรเลย?

นางรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรแล้วล่ะ

อันที่จริงนางก็ไม่มีทางจะรั้งอยู่ตระกูลเซียวตลอดไป เพราะตัวนางเองอยากให้แส้เสร็จยิ่งเร็วยิ่งดี นางแทบทนรอจะใช้มันไม่ไหวแล้ว หลังจากแส้นั้นสร้างเสร็จแล้วจะมีอานุภาพยังไง ดังนั้นวันนี้ตอนสายนางจึงไปหาเซียวฉิง

พอรู้ว่าในที่สุดนางก็ยอมยกแส้ให้พวกเขาสร้าง และยังยินยอมแลกเปลี่ยนเลือดจิ้งจอกม่วงสามหยด ทั่วทั้งตระกูลเซียวยินดีปรีดายิ่ง ขนาดเซียวหยงยังอดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้

"ถ้าอย่างนั้น อย่ารอช้าเลย พวกเรารีบเริ่มกันเลยเถิด แส้กับกระบี่ล้ำค่าสามารถแบ่งเป็นสองเตาทำพร้อมกันได้ ฉิงเอ๋อร์ ชงเอ๋อร์ พวกเจ้าเข้ามาช่วยด้วย" เซียวหั่วตื่นเต้นยิ่งนัก ไม่กลัวเหนื่อยไม่กลัวยุ่งเลยสักนิด

"ขอรับ ท่านพ่อ งั้นพวกเราเริ่มจุดเตากันเถิด!" เซียวฉิงกับเซียวชงเองก็ตื่นเต้นมาก

โหลชีทนไม่ไหวถามออกมาว่า "ได้ยินว่าฝีมือคุณชายทั้งสองมิดี เมื่อก่อนได้เซียววั่งเป็นผู้สอนมิใช่รึ?"

เซียวฉิงยิ้มเศร้าบอก "คุณชายเจ็ด นั่นเป็นข่าวลือที่เซียววั่งจงใจให้ร้ายพวกเรา ข้ากับน้องชงชอบการสร้างอาวุธยิ่งนัก ตั้งใจศึกษาเรียนกับท่านพ่อมาตั้งแต่เด็ก ฝีมือมิได้ด้อยไปกว่าเซียววั่งเลย"

โหลชีพยักหน้า

สามพ่อลูกตระกูลเซียวจุดเตา และต่างมุ่งมั่นในการสร้างอาวุธ โหลชีให้เลือดจิ้งจอกม่วงสามหยดกับพวกเขา แต่เซียวหั่วกลับบอกว่า แส้นั้นของนางแข็งแกร่งนัก ถ้าใส่เลือดจิ้งจอกม่วงเหมือนกัน จะยิ่งทำให้แส้นั้นออกมาได้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

เพื่อให้ได้เลือดอีกสามหยด นางย่างเนื้อให้วู๊วูสามวันติด ให้วู๊วูกินจนพอใจ ถึงได้ยอมให้นางกรีดนิ้วเอาเลือดมาอีก

แต่ความสามารถในการฟื้นฟูของจิ้งจอกม่วงดีมาก บาดแผลหายเร็วมาก

กระบี่ล้ำค่าและแส้ไม่ได้สร้างออกมาง่ายขนาดนั้น โหลชีก็ไม่มีทางรออยู่ข้างเตาตลอด นางอยู่ กลับจะทำให้สามพ่อลูกตระกูลเซียวเครียดเปล่าๆ

ดังนั้นโหลชีเลยหาเวลาออกจากตระกูลเซียวไปเจอตู้เหวินฮุ่ยและลูกน้องอีกเก้าคนที่เหลือ พวกเขาพอเจอนางก็รีบคุกเข่าเรียกพระสนม ทำเอาโหลชีเหงื่อแตกซิกเป็นพักๆ

"ต่อไปถ้าพวกเจ้าจะติดตามข้าจริงๆ อย่างนั้นทุกอย่างต้องทำตามที่ข้าพูด ถ้าสิ่งที่ข้าพูดกับเฉินซ่าพูดไม่เหมือนกัน หวังว่าพวกเจ้าจะบอกความรู้สึกที่แท้จริงกับข้า ฟังเข้าใจหรือไม่?"

"เรียนพระสนม ข้าน้อยฟังเข้าใจแล้วขอรับ"

"ดี ตอนนี้ข้าจะให้ภารกิจแรกกับพวกเจ้า หาคนให้ข้า คนที่พวกเจ้ารู้สึกว่าเฉลียวฉลาด หลังจากหาได้แล้วอย่าพึ่งนำคนมา กลับมาบอกข้าว่าเจอคนแบบไหนก็พอ" ตู้เหวินฮุ่ยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหาคนเฉลียวฉลาด แต่โหลชีไม่พูด เขาก็ไม่ถาม

หลังจากจัดสรรภารกิจให้พวกเขาแล้ว โหลชีพาเฉิงสิบกับโหลวซิ่นเตรียมกลับตระกูลเซียว ก็มีสตรีผู้หนึ่งออกมาขวางนางไว้

"คุณชาย พบกันอีกแล้ว" สตรีผู้นั้นยิ้มน้อยๆให้โหลชี

โหลชีมองสำรวจนาง ทนไม่ไหวถามว่า "เจ้าเองรึ? เจ้ามาทำอะไรที่เป่ยชาง?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ