ฟ้าสางแล้ว ในเมืองนั่วราก็เริ่มคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนก็ยังดำรงชีวิตกันต่อไป แผงที่ขายอาหารเช้าตั้งร้านเร็วมาก ร้านซาลาเปาที่มนตรีอุดหนุนไปหลายครั้งขายดีมากตั้งแต่เช้า เจ้าของร้านยิ้มจนตาหยีทั้งคู่อย่างมีความสุข ไม่ง่ายเลยกว่าลูกค้าจะซาลงไปบ้างเล็กน้อย เขาเอนอยู่ตรงนอกประตูอย่างสุขกายสบายใจ สายตาเหลือบมองไปทางป้ายที่ประกาศนั่นพอดี กลับมองเห็นหญิงสาวนางหนึ่งสวมหมวกยอมยุทธสีควันฟ้ายาวถึงหน้าอกและแผ่นหลังยืนอยู่ตรงหน้าป้ายที่ติดสัญญาที่จักรพรรดิแห่งพั่วอวี้ส่งออกมาฉบับนั้น ดูเหมือนจะมองจนตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย
"จึ๊จึ๊ ผู้หญิงทุกคนต้องมองสัญญานั่นด้วยความอิจฉา น่าเสียดาย ที่จักรพรรดิแห่งพั่วอวี้มีแค่คนเดียวเท่านั้น" เขากำลังส่ายหัวทอดถอนใจอยู่ ก็เห็นหญิงสาวคนนั้นยื่นมือออกไป ดึงสัญญาใบนั้นลงมา ฉีกมันออกเป็นชิ้นๆอย่างแรง ยกมือขึ้นมา โปรยชิ้นส่วนพวกนั้นออกไป
เจ้าของร้านเบิกตากว้าง ในใจแอบตะโกนว่าโอ้แม่เจ้า ท่านผู้นี้คงไม่ใช่จะอิจฉามากเกินไปใช่ไหม?
ผู้หญิงคนนั้นหันหลังเดินออกมา ขึ้นไปบนรถม้าที่จอดอยู่ด้านข้าง คนขับส่งเสียงดังออกมา บังคับรถม้าไปทางถนนใหญ่ในเมือง
จวนเซียวเล็ก เซียววั่งรีบเร่งออกมาต้อนรับ หญิงสาวลงมาจากรถม้า เซียววั่งก้าวไปข้างหน้าต้องการจะไปประคองนาง นางกลับทำเหมือนมองไม่เห็นมือที่ยื่นมาของเขา เดินเข้าไปในประตูใหญ่เอง
เซียววั่งเก็บมือกลับมา เดินเข้าไปนำทาง "เชิญทางนี้"
พานางไปที่ห้องของตนเอง หลังจากที่นางเข้าไปในห้องหนังสือแล้ว เซียววั่งก็ตามเข้าไปด้วย จากนั้นก็มองซ้ายมองขวา แล้วปิดประตูลงอย่างแน่นหนา
เขารีบเดินเข้าไป คุกเข่าลงไปต่อหน้าหญิงสาว: "คำนับองค์หญิง"
หญิงสาวถอดหมวกจอมยุทธสีควันฟ้าออก ใบหน้างดงามสดใสที่เหนือคนธรรมดา ก็คือองค์หญิงใหญ่แห่งเป่ยชางเป่ยฝูหรง
เป่ยฝูหรงมองดูเขาครู่หนึ่ง นั่งลงไปหลังโต๊ะทำงานของเขา ถึงกล่าวขึ้นมาว่า: "ลุกขึ้นมาเถอะ"
"ขอบพระทัยองค์หญิง" เซียววั่งรีบลุกขึ้นมา แอบมองเป่ยฝูหรงครู่หนึ่ง รู้สึกชื่นชมในใจเล็กน้อย องค์หญิงใหญ่ฝูหรงของพวกเขางดงามที่สุดในแผ่นดิน สง่างามด้วยอิริยาบถและดูดี
หากสามารถแต่งงานกับนางได้มันจะดีมากเลย เช่นนั้นอำนาจสถานะความมั่งคั่งและความงาม มีครบหมดทุกอย่างแล้ว
แต่เซียววั่งรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กลัวจะถูกเป่ยฝูหรงมองความละโมบของตนเองออก เขารีบปั้นสีหน้าให้กลับมาเหมือนเดิม มองต่ำลงไปเล็กน้อยไม่กล้ามองนางอีก
"ข้าน้อยคิดไม่ถึงเลยว่าองค์หญิงจะเสด็จมาที่กระท่อมซอมซ่อของข้าน้อยจริงๆ ช่างเป็นเกียรติยิ่งนัก"
เป่ยฝูหรงมองพิจารณาห้องหนังสือห้องนี้ครู่หนึ่ง ถึงแม้จะไม่หรูหรา แต่ว่าผ้าไหมที่อยู่ด้านข้างก็ปักด้วยไหมทอง นอกจากนี้บนผนังยังมีภาพวาดของศิลปินเลื่องชื่อของเป่ยชางแขวนอยู่ภาพหนึ่ง มีเครื่องประดับหินหยกวางอยู่บนโต๊ะไม้ชิงชันตรงมุมห้อง ไม่มีอะไรที่ไม่แสดงถึงความคิดและทรัพยากรทางการเงินที่เจ้าของห้องหนังสือห้องนี้ทุ่มเทลงไป
"เซียววั่ง เหมือนเจ้าจะลืมไปแล้ว กระท่อมซอมซ่อนี่ของเจ้า ข้าก็เป็นคนออกเงินซื้อเช่นกัน" ในดวงตาของเป่ยฝูหรงเผยเจตนาเย้ยหยันออกมา หากคนนางต้องการคนคนนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะใช้ประโยชน์ ผู้ชายคนนี้นางไม่เห็นอยู่ในสายตาจริงๆ
บนใบหน้าของเซียววั่งมีความกระอักกระอักกระอ่วนแวบผ่านเล็กน้อย รีบตอบรับว่าขอรับทันที
สองเดือนก่อนเป่ยฝูหรงก็ส่งคนมาหาเขาแล้ว อยากให้เขาตัดขาดจากตระกูลเซียว ออกมาสร้างชื่อเสียงด้วยตัวเอง ให้เงินเขาก้อนใหญ่ มีเงินก้อนนี้แล้ว เขาถึงสามารถซื้อบ้านที่นี่ได้ และต่อกรกับตระกูลเซียว
"เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปทำตอนนี้ทำไปถึงไหนแล้ว?"
ในใจเซียววั่งรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย "องค์หญิง ตาแก่เซียวหั่วนั่นซ่อนเหล็กดำน้ำแข็งพันปีได้อย่างมิดชิดมาก ข้าน้อยหาไม่เจอจริงๆ เขามักจะพูดตลอดว่าเห็นข้าเป็นลูกชายแท้ๆ แต่ห้องลับที่สำคัญที่สุดกลับไม่เคยบอกกับข้าเลย และไม่เคยพาข้าเข้าไปเลย......"
"ไม่ต้องหาข้ออ้างมากมายกับข้า" เป่ยฝูหรงขัดจังหวะการพูดของเขาอย่างไม่สบอารมณ์ "เหล็กดำน้ำแข็งพันปีเอามาไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ เซียวหั่วสร้างอาวุธวิเศษขึ้นมา ข้าก็จะไปเอาด้วยตัวเองอยู่แล้ว แล้วอีกเรื่องหนึ่งล่ะ?"
"องค์หญิงโปรดอภัยด้วย!" เซียววั่งกล่าว: "เป็นเพราะลูกน้องโง่เง่าของข้าน้อย ตอนที่ข้าน้อยยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ไปล่วงเกินคุณชายเจ็ดแล้ว คุณชายเจ็ดเข้าไปอยู่ในจวนของเซียวหั่วแล้ว----"
"เจ้าต่างหากที่โง่!" เป่ยฝูหรงตบไปที่โต๊ะ จ้องมองเขาด้วยความโกรธ "ข้าให้คนมาส่งข่าวตั้งแต่แรกแล้ว ให้เจ้าดึงคุณชายเจ็ดมาเป็นพวก สมองของเจ้าถูกสุนัขกินไปแล้วใช่ไหม?"
เซียววั่งถูกตำหนิจนไม่กล้าเงยหน้า สีหน้ากลายเป็นสีเขียว
"คุณชายเจ็ดเหมือนคนที่อยู่ดีๆก็โผล่ออกมา ชื่อเสียงขจรขจายจากตงชิงมายังเป่ยชางภายในคืนเดียว เขามีจิ้งจอกแสงจันทร์ม่วง บนตัวบางทีอาจจะยังมีหญ้าเทียนจีอยู่อีก วรยุทธล้ำลึกคาดเดาไม่ได้ บุคคลเช่นนี้หากจะบอกว่าเบื้องหลังไม่มีตระกูลใหญ่ที่ตัดขาดจากโลกอยู่ ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด แต่เพราะเขาอาจจะเป็นคนตงชิง ข้าไม่สะดวกออกหน้าด้วยตัวเอง ราชวงศ์ก็ไม่สะดวกออกหน้าด้วยตัวเองเช่นกัน ดังนั้นข้าถึงได้ให้เจ้าเป็นคนไปทำเรื่องนี้ หากว่าทำสำเร็จ เจ้าก็ถือได้ทำความชอบใหญ่หลวง! ใครจะรู้ว่าเจ้าจะโง่จนถึงขั้นไปล่วงเกินเขาทันทีที่เขามาถึง! เซียววั่งเอ๋ยเซียววั่ง ตอนนี้ข้ารู้สึกว่า การสนับสนุนช่วยเหลือเจ้าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด! ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไร้สมองขนาดนี้!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ