ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 255

คนพวกนั้นไม่เพียงแต่ไม่ออกมาเท่านั้น ยังไม่มีแม้แต่การเคลื่อนไหวอะไรออกมาเลย ซากปรักหักพังของวังแห่งนี้ใหญ่เกินไป และยังเคยประสบกับแผ่นดินไหวครั้งหนึ่ง ภูมิประเทศบางส่วนมีการเปลี่ยนแปลง เกิดเป็นหลุมเป็นบ่อออกมามากมาย บางที่พังทลายลงมาจนกลายเป็นหลุมใต้ดิน ไม่มีใครบอกได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ความจริงถึงแม้จะมีคนตกลงไปตายอยู่ข้างใน หรือบางทีมีคนติดอยู่ในหลุมไม่สามารถออกมาได้ก็ล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น

กลางคืนมีคนเห็นลูกไฟจริงๆ แต่คนมากมายทำให้ใจกล้าขึ้นมา บวกกับรางวัลล่อใจมากจริงๆ พวกเขาก็เลยอยู่ต่อ

ตู้เหวินฮุ่ยก็พาคนของเขากางเต็นท์สองสามหลังเช่นกัน จับหัวตัวเองคิดหนักอย่างว้าวุ่นใจ จะทำอย่างไรดี? หากเข้าไปแล้วยังไม่สามารถหาพระสนมเจอแล้วจะทำเช่นไร?

เวลานี้ ลูกน้องคนหนึ่งก้าวเท้าพุ่งเข้ามา ในมือถือจดหมายไว้ฉบับหนึ่ง กล่าวอย่างรีบเร่ง: "ใต้เท้า จดหมายจากฝ่าบาท!"

ตู้เหวินฮุ่ยกระโดดลุกขึ้นมา "รีบเอามาเลย!"

ห้าวันก่อนเขาก็เขียนจดหมายแจ้งสถานการณ์ของที่นี่กลับไปแล้ว เพราะตอนนี้ขุนสื่อสามร้อยนายจัดวางระบบเรียบร้อยแล้ว แต่ละช่วงเวลาสามารถใช้นกพิราบสื่อสารในการส่งสาร ดังนั้นจดหมายจึงสามารถจัดส่งได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาคิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะตอบกลับมาเร็วขนาดนี้!

อ่านจดหมายเขาถึงเพิ่งรู้ ที่แท้ฝ่าบาทก็ออกจากพั่วอวี้ทางเดินมายังเป่ยชางตั้งนานแล้ว! จดหมายถูกส่งระหว่างทางเมื่อสามวันก่อน คาดว่าเขาใกล้จะมาถึงที่นี่แล้ว!

เฉินซ่าเป็นคนเขียนจดหมายเอง ลายมือมีพลังมาก ปลายพู่กันเฉียบคมไม่ถูกจำกัด

"ฝ่าบาทมาแล้ว!" มือที่ถือจดหมายของตู้เหวินฮุ่ยสั่นเทาเล็กน้อย ลูกน้องทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก ความจริงนี่เป็นภารกิจแรกของพวกเขา หากเป็นเรื่องอื่นยังดีหน่อย เกี่ยวกับเรื่องพระสนม ฝ่าบาทตรัสแล้วว่า หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางต่อหน้าพวกเขา จะฝังพวกเขาทั้งหมดเป็นเครื่องสังเวย

ตอนนี้ฝ่าบาทมาด้วยตัวเองแล้ว ก็ถือว่าพวกเขามีแกนหลักที่สามารถพึ่งพาได้แล้ว

......

บนพื้นเปียกลื่นเหนียวเหนอะหนะจนทำให้คนหงุดหงิดรำคาญ ใต้พื้นรองเท้ามีของพวกนี้ติดอยู่ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็เอาไม่ออก สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่านั้นก็คือ นางวนเวียนอยู่ในสถานที่แห่งนี้มาสามวันแล้ว

โหลชีไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ขนาดนี้มาก่อนเลย

แน่นอนว่า หากมีคนรู้ว่าสิ่งที่นางกำลังเหยียบอยู่ตลอดพวกนี้คืออะไรแต่นางยังไม่เปลี่ยนสีหน้าเลย ก็จะรู้สึกว่าความจริงนางขัดต่อวิถีแห่งสวรรค์แล้ว

นี่คือน้ำมันจากศพ น้ำมันศพจำนวนมาก

ใต้น้ำมันศพมีตะไคร่น้ำที่ไม่รู้จักชนิดหนึ่งเติบโตอยู่ ตะไคร่น้ำแบบนั้นปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นดิน ทันทีที่เหยียบไปโดนก็จะมีของเหลวหนืดๆชนิดหนึ่งไหลออกมา ไปผสมรวมกับน้ำมันศพที่อยู่ชั้นบน ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกสติแตกแบบนี้ และสามารถจินตนาการถึงกลิ่นแบบนั้นดู

นางไม่รู้ว่าทำไมที่นี่ถึงมีน้ำมันศพเยอะแยะมากมายขนาดนี้ได้ เพราะนางไม่รู้ที่มาของพระราชวังแห่งนี้ ข้างนอกตู้เหวินฮุ่ยและคนอื่นๆสอบถามจนรู้เรื่องพวกนี้แล้ว นางไม่รู้อะไรเลย แต่ตอนนี้อย่างน้อยนางก็รู้แล้วว่า ใต้ซากปรักหักพังแห่งนี้มีความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่

รู้ก็คือรู้ วนเวียนอยู่ในสถานที่แห่งนี้อยู่ตลอดออกไปไม่ได้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

และสถานที่แห่งนี้บนพื้นดินถูกน้ำมันศพกับตะไคร่น้ำแปลกประประหลาดปกคลุมอยู่ ไม่มีอะไรที่จะสามารถเติบโตขึ้นมาเลย ดังนั้นก็ไม่มีอะไรให้นางกิน ดีที่นางยังมีเม็ดยาที่ให้วู๊วูกินเป็นของว่างแบบนั้นขวดใหญ่อยู่ขวดหนึ่ง สามวันมานี้นางกับวู๊วูกินสองเม็ดทุกวัน ก็ยังสามารถรักษาพลังงานที่ร่างกายต้องการได้อยู่ แต่ว่ามันกินไม่อิ่มนี่นา ของสิ่งนี้บำรุงชี่บำรุงเลือดบำรุงความกระปรี้กระเปร่า แต่ไม่สามารถทำให้อิ่มท้องได้

บนกำแพงสูงเหนือศีรษะมีต้นไม้แคะเล็กๆเติบโตอยู่สองสามต้น เติมปริมาณน้ำให้ร่างกายก็ต้องอาศัยเคี้ยวใบไม้ มันฝาดมาก แต่อย่างน้อยก็มีของเหลวอยู่เล็กน้อย

ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ อะไรนางก็กินลงทั้งนั้น ก็เหมือนเมื่อก่อนตอนที่อยู่ในป่าฝนไม่มีอะไรให้กิน นางยังเคยกัดจระเข้และดื่มเลือดเลย

"วู๊วู ทำไมแม้แต่เจ้าก็โง่ไปด้วย เร็ว ไปค้นหาทางออกกันอีก เราแยกย้ายกันค้นหา!" โหลชีเคี้ยวใบไม้ไปอีกสองใบ ตบไปที่หัวของวู๊วูเบาๆ

"วูวู----"

หลายวันมานี้จิ้งจอกม่วงเพื่อนร่วมชั้นวู๊วูก็หิวจนใกล้จะคำรามออกมาแล้ว มันกระโดดออกจากอ้อมแขนของโหลชี กระโดดไปทางกำแพงหิน ไม่อยากลงไปสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นเลย โหลชีสวมรองเท้าอยู่ ถึงเวลาอย่างมากก็แค่ถอดรองเท้าทิ้งไป แต่มันทำไม่ได้

โหลชีก็หันหลังไปหาอีกทางหนึ่ง

นางไม่เชื่อว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่มีทางออก ไม่ น่าจะพูดว่าสามวันมานี้แม้แต่ทางเข้านางก็ไม่ได้เห็นมันใหม่อีกครั้งเลย ไม่เช่นนั้นนางก็ออกไปตั้งนานแล้ว

เฉินสิบและคนอื่นๆย่อมไม่ได้มายังสถานที่แห่งนี้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็เจอกันนานแล้ว ตอนนี้นางรู้สึกว่า ก่อนหน้านั้นที่ข้างบนประตูบานนั้นเปิดอยู่ จะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังในการควบคุมเสี่ยวเป่าจงใจเปิดมันไว้หรือไม่ เพื่อล่อให้คนมายังสถานที่แห่งนี้ ขังคนให้ตายอยู่ที่นี่ ไม่สามารถไปทำลายแผนการของเขาได้

หากเขาวางแผนจะทำเช่นนี้จริงๆ อยากทำอะไรกับคนพวกนั้นจริงๆ เช่นนั้นหลายวันที่นางถูกขังอยู่ในนี้ คาดว่าเฉิงสิบและคนอื่นๆคงตายไปนานแล้ว

เมื่อคิดถึงข้อนี้ โหลชีก็แทบอยากจะให้คนมาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านางตอนนี้ ให้นางใช้พิชิตวันแล่เนื้อมันออกเป็นพันๆชิ้น

ขณะที่นางกำลังคิด ก็ลูบคลำและทุบไปที่ผนังที่อยู่ด้านข้างไปด้วย ดูว่ามีพวกกลไกอะไรแบบนั้นหรือไม่ ถึงแม้สามวันที่ผ่านมานี้นางจะเคยทุบกำแพงหินสูงระดับหัวทั้งซ้ายและขวาไปเกือบจะหมดแล้วก็ตาม เวลานี้ นางก็เดินมาถึงแท่นที่ค่อนข้างสูงตรงนั้นอีกครั้งหนึ่ง และสามารถกล่าวได้ว่าเป็นบริเวณที่สูงที่สุดในพื้นที่นี้ ตรงนั้นมีเตาขนาดใหญ่หนึ่งเตา ข้างในมีหม้อขนาดใหญ่วางอยู่หนึ่งหม้อ ด้านล่างของเตาคาดว่าน่าจะสามารถยัดฟืนได้เป็นร้อยท่อนในครั้งเดียว ตอนนี้ข้างในเตามีแต่ฝุ่นทั้งนั้น

ถึงแม้จะมีอาหารอยู่ในหม้อนี้ นางก็ไม่กล้ากิน เพราะนี่คือหม้อที่ใช้มาต้มศพเพื่อกลั่นน้ำมัน ในหม้อมีน้ำมันศพหนาๆชั้นหนึ่ง เอียงไปครึ่งหนึ่ง น้ำมันศพหม้อใหญ่ถึงได้ไหลลงไปทั่วพื้น และตรงด้านข้างของเตายังมีหม้อดินขนาดใหญ่วางอยู่หลายใบ บางอันก็ล้มอยู่กับพื้น บางอันแตกไปหมดทั้งใบ คาดว่าเดิมทีข้างในก็น่าจะเต็มไปด้วยน้ำมันศพ ตอนนี้ไหลออกไปหมดแล้ว บริเวณใกล้เคียงยังมีกองกระดูกมากมาย มีหัวกะโหลกสองสามอันกลิ้งไปทั่วบริเวณ ถูกน้ำมันศพยึดติดอยู่พบพื้น

คนทั่วไปเห็นภาพเช่นนี้คาดว่าคงตกใจกลัวแทบแย่แน่ รู้สึกเหมือนตกอยู่ในขุมอเวจีมหานรกของนรกสิบแปดขุม แน่นอนว่าโหลชีก็ไม่ได้มองอย่างสบายอารมณ์นัก นางไม่ได้หวาดกลัว แต่ในใจก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เช่นกัน ตอนอยู่ในยุคปัจจุบันนางเคยไปโรงงานที่ชั่วร้ายมากแห่งหนึ่ง ข้างในมีการใช้ไฟอ่อนตุ๋นศพเพื่อกลั่นน้ำมันศพ น้ำมันศพเหล่านี้ถูกใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและความงาม แน่นอนว่า ข้างในมีน้ำมันศพเป็นส่วนผสมด้วยต้องเป็นความลับขั้นสุดยอดอยู่แล้ว ผู้บริโภคที่ซื้อของพวกนี้ไปก็ไม่รู้ว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ตัวเองใช้กับหน้าและร่างกายทุกวันมีของพวกนี้อยู่ สิ่งที่พวกเขาเขียนไว้บนกล่องคือศัพท์เฉพาะทางหลากหลายที่คนทั่วไปไม่รู้

ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มองแค่ผลลัพธ์เท่านั้น ไม่ไปสนใจส่วนผสม ของพวกนี้สนใจไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ที่นี่กลั่นน้ำมันศพได้มากมายขนาดนี้ ไม่รู้ใช้ศพไปกี่ศพ และน้ำมันเหล่านี้ใช้สำหรับทำอะไร คงไม่ใช่ว่าพวกเขาก็อยากจะทำครีมน้ำมันศพไปขายเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรอกนะ?

สามวันมานี้โหลชีผ่านสถานที่แห่งนี้มาแล้วมากมายหลายครั้ง หลังจากที่ได้ตรวจสอบดูทุกวันแล้ว ช่วงเวลาต่อจากนั้นนางก็แค่มองครู่หนึ่งก็เดินจากไป แต่ว่าครั้งนี้นางหยุดยืนนิ่ง

ในสามวันนี้หากมีสถานที่ใดที่ยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด เช่นนั้นก็คงมีแต่ที่แห่งนี้เท่านั้น

โหลชีเดินเข้าไปใกล้หม้อนั่นอีกครั้ง ตรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน นางถึงขั้นมุดเข้าไปในเตา ดึงขี้เถ้าหญ้าหนาที่อยู่ข้างในออก จนตัวเองเลอะเทอะมอมแมม

ไม่มี ไม่มี

หลังจากที่ยืนนิ่งแล้ว สายตาของนางไปหยุดอยู่ที่ถังขนาดใหญ่ที่วางอยู่ตรงมุมกำแพง ถังใหญ่นั่นสูงขนาดสองเมตร ท้องใหญ่ แต่ว่ามันแตกไปกว่าครึ่งแล้ว ข้างในว่างเปล่า ก็เพราะว่ามันแตกไปแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้สังเกตมันเลย ตอนนี้ดูแล้ว ตัวถังด้านที่พิงข้างกำแพงนั่นยังดีๆอยู่ อย่างน้อยก็ต้องไปดูหน่อย

นางเดินเข้าไป รวบรวมกำลังภายใน ใช้มือเปิดถังที่แตกไปกว่าครึ่งใบนั้นออกไป ด้านหลังของถังนั่น เผยประตูออกมาบานหนึ่ง

โหลชีตบไปที่หน้าผาก ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

ยิ่งอยู่ยิ่งโง่จริงๆ ทางออกที่หาง่ายขนาดนี้ นางกลับละเลยเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจ ทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในนี้อยู่ตั้งสามวัน!

คนไม่โง่ไม่ตาย นางนี่โง่จะตายจริงๆเลย

"วู๊วู วู๊วูมานี่มา!" นางรีบเรียกวู๊วู ต้องรีบออกไปแล้ว อย่าให้ต้องกระหายและหิวตายที่นี่จริงๆ เช่นนั้นนักพรตเลวต้องตัดความสัมพันธ์กับนางอย่างแน่นอน จะได้ไม่ถูกความโง่เง่าของนางทำให้เสียหน้า

วู๊วูกระโจนเข้ามา เห็นประตูบานนั้นเช่นกัน กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนนางและร้องวูวูวูออกมาสองสามเสียงอย่างน้อยใจไม่สิ้นสุด เหมือนกับกำลังร้องไห้

"เอาล่ะเอาล่ะ ข้าโง่เอง หลายวันนี้ลำบากเจ้าแล้ว ออกไปแล้วข้าจะย่างเนื้อให้เจ้ากิน" โหลชีตบหัวของมันเบาๆ เพียงแต่ว่านางก็ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ ประตูบานนี้ก็คือทางออก บางทีอาจเป็นเส้นทางไปสู่สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายยิ่งกว่าล่ะ?

วู๊วูกลับเชื่อใจนางมาก หลังจากที่ร้องออกมาสองเสียงก็นอนพักผ่อนอยู่ในอ้อมแขนนาง สามวันที่ผ่านมานี้มันก็ช่วยค้นหาทางออกอยู่ตลอด กระโดดขึ้นลงไปมา แล้วก็ไม่ได้กินอะไร มันเองก็คงจะเหนื่อยมาก และที่สำคัญที่สุดคือโชคดีที่มีเจ้าตัวเล็กนี้อยู่ด้วย เธอยังสามารถพูดคุยและมีปฏิสนธิกับสิ่งชีวิตอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นถูกขังอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยน้ำมันศพเต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึมหม่นหมองเช่นนี้ นางคงต้องเป็นบ้าแน่

นางอุ้มวู๊วูเดินออกไปทางประตูบานนั้นอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

ไม่มีสภาพแวดล้อมอื่นที่นางจินตนาการเอาไว้ เป็นแค่ช่องทางเดินสายหนึ่ง ทุกด้านทำด้วยกระดานแผ่นหิน หนาวเย็นแต่สะอาด ไม่มีสิ่งอื่นเลยสักนิด ช่องทางเดินสูงประมาณเมตรแปดสิบเซ็น ไม่ถึงสองเมตร พอให้สองคนเดินเคียงข้างกันได้ พื้นที่ก็ไม่กว้างมาก ซ้ายขวายังพอมีโคมไฟอยู่บ้าง แต่ไม่มีไฟนานแล้ว ยืนอยู่ตรงทางออกตรงนี้ยังดีหน่อย ยังพอมีแสงสว่าง มองไปข้างหน้ากลับมีแต่ความมืดมิด ยื่นมือออกไปไม่เห็นห้านิ้ว

รู้อย่างนี้นางน่าจะนำไข่มุกเรืองแสงหลานไห่เม็ดนั้นติดตัวเอาไว้ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ยังสามารถใช้ส่องสว่างได้ ดูท่าตอนนี้คงต้องเดินไปในความมืดแล้ว ในความมืดมิดหากจะบอกว่าไม่มีอันตรายอะไรเลย โหลชีไม่เชื่อเลย

นางยิ้มเจื่อนๆออกมา ความจริงก็รู้มาตั้งนานแล้วว่าด้วยนิสัยแกว่งเท้าหาเสี้ยนของตนเองหลังจากที่ล้างมือในอ่างทองคำแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะแค่เพลิดเพลินกับการชมทิวทัศน์ชมความงามตามธรรมชาติอย่างสบายอารมณ์ ชาติที่แล้วเพื่อนที่ต่อมาไปทำติ่มซำขายก็เคยพูดว่า นางคือนักผจญภัยโดยกำเนิด สถานที่ท่องเที่ยวธรรมดาที่มีคนมากมายที่อ่อนโยนไร้พิษภัยราวกับสาวเจ้าเสน่ห์ นางไม่เคยสนใจมันเลย ดังนั้นถึงได้เลือกขับเฮลิคอปเตอร์ออกผจญภัยเบอร์มิวดา

ภูเขานางชอบแค่เขาสูงชัน น้ำ นางชอบคลื่นใหญ่ตระการตามากกว่า นี่ไม่ใช่นิสัยแกว่งเท้าหาเสี้ยนแล้วคืออะไร

 "วู วูวู" วู๊วูกระโดดออกจากอ้อมแขนนาง กระโดดลงไปบนพื้นอย่างแผ่วเบา เงยหน้าขึ้นแล้วหอนสองครั้ง สะบัดตัวไปทั่วร่าง โหลชีก็เห็นขนทั่วทั้งตัวของมันสว่างขึ้นมากในทันใด ขนสีม่วงไม่สว่าง แต่ขนสีเงินที่ปนระหว่างขนสีม่วงนั้นกลับส่องสว่างทีละเส้น เพราะมันมีจำนวนมาก จึงสามารถส่องสว่างโดยมีมันเป็นจุดศูนย์กลาง และส่องสว่างในขอบเขตประมาณหนึ่งเมตร

แสงสว่างเช่นนี้สำหรับนางเพียงพอแล้ว! โหลชีอุ้มมันขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ยกมาตรงหน้า อดไม่ได้ก็จูบไปที่หัวของมันทีหนึ่ง "วู๊วู เจ้านี่มันช่างเป็นของล้ำค่าจริงๆ!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ