วู๊วูที่ได้รับจุมพิตชื่นชมท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง ความได้ใจนี้สามาราถดูได้จากขนมันที่เปล่งประกายเพิ่มขึ้นหลายส่วนและหางที่กระดิกเป็นพักๆ
"วู๊วู--"
ใช่ไหมใช่ไหม มันไร้เทียมทานนะ!
โหลชีอุ้มจิ้งจอกม่วงวู๊วูที่ทำหน้าที่เป็นตะเกียงเดินเข้าไปในทางเดิน
ปกติฝีเท้านางก็เบาอยู่แล้ว แต่ยังคงได้ยินชัดเจนในทางเดินที่เงียบสงัดนี้ ทีละก้าวทีละก้าว พอส่งออกไปก็ถูกสะท้อนกลับมา เหมือนเสียงสะท้อน
ทางเดินนี้ยาวมาก และลดเลี้ยวเคี้ยวคดไม่ใช่ทางตรง
และไม่รู้ว่าเดินไปนานแค่ไหนแล้ว โหลชีรู้สึกแค่ว่าตนใกล้จะหิวจนเป็นลมแล้ว นางหยุดฝีเท้าลง เบื้องหน้าพลันมืดลง
"วู๊วู?"
โหลชีก้มหัวลง เห็นวู๊วูสีหน้าอ่อนระโหยโรยแรง นอนขดตัวในอ้อมแขนนางหายใจรวยริน เหมือนสูญเสียพลังงานชีวิตไปมากมาย
"วู๊....."
วู๊วูร้องออกมาเสียงแผ่วเบา ไม่เงยหัวขึ้นมา
โหลชีครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และคาดเดาว่าเพราะมันใช้พลังงานมากเกินไป เลยทั้งโกรธทั้งปวดใจ "เจ้าจิ้งจอกตัวนี้นี่ ทำให้ขนตัวเองเปล่งแสงต้องสูญเสียพลังงานมากขนาดนี้ เจ้ายังกล้าใช้อีก?" เจ้าจิ้งจอกโง่นี่ช่างโง่จริงเพื่อจะส่องแสงสว่างให้นางเนี่ย
"วู๊วู...." เสียงร้องอ่อนระโหยนี่เหมือนลูกแมวพึ่งเกิดเลย
ในใจโหลชีอ่อนยวบ คราวนี้จึงหยิบเม็ดยาออกมาป้อนให้มันอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็ไม่ให้มันทำเรื่องโง่ๆอีก อุ้มมันแน่นขึ้น ตัวเองคลำหาทางเดินต่อไป
ไม่รู้ว่าเดินไปนานแค่ไหนแล้ว นางได้ยินเสียงหนูจิ๊กจั๊กๆไปมาก็หยุดชะงัก นางยังทนไม่กินไม่ดื่มได้ เพราะยังไงตอนนี้กำลังภายในนางลึกล้ำ แต่เมื่อกี้จิ้งจอกม่วงเสียพลังงานเกินไป จะอาศัยเม็ดยาคอยฟื้นฟูดูจะไม่มีประโยชน์เท่าไหร่
นางหยิบเข็มเงินหลายเข็มออกมาจากสายรัดเอว ยืนอยู่ในที่มืดไม่ขยับเลยสักนิด ผสานตัวเองเข้าไปในความมืด ดวงตาเริ่มใช้ได้นิดหน่อย พอเห็นเค้าโครงของทางเดินลางๆ
จิ๊กจิ๊ก
เข็มในมือโหลชีพุ่งออกไป ปักเข้ากับหนูป่าตัวใหญ่ตัวหนึ่งเข้าอย่างจัง
นางเดินเข้าไป หยิบหนูป่าตัวนั้นขึ้นมา พิชิตวันปาดลงไป เลือดหนูไหลริน "วู๊วู"
วู๊วูอาศัยกินสัตว์เล็กดำรงชีวิตตอนอยู่ในหุบเทพมาร สัตว์ประเภทหนูป่านี่เป็นสิ่งที่มันรักที่สุด พอมาติดตามนางถึงเริ่มกินเนื้อสุก แต่ตอนนี้ไม่สามารถย่างได้ และไม่มีอย่างอื่นที่อร่อยให้กิน การกินเลือดหนูดีกว่าหิวตายคอแห้งตาย
วู๊วูเหมือนรู้ว่านางไม่กินเลือดหนู เลยไม่ได้แบ่งให้นาง ดูดกินเลือดหนูเข้าไปอย่างตะกลุมตะกลาม ดื่มสิ ทำไมจะไม่ดื่ม ไม่ดื่มก็ตายแล้ว
เลือดหนูป่าตัวหนึ่งไม่ได้มีมากมายนัก แต่มันก็เพียงพอให้วู๊วูพอคลายหิวไปได้บ้าง
โหลชีรู้ว่า มีหนูป่าอยู่ ใกล้ๆนี้ต้องมีทางออกอื่นหรือห้องอื่นแน่ นางเลยยิ่งระแวดระวังมากขึ้น
เวลานี้มือของนางลูบไปเจอจุดนูนขึ้นบางจุด ตอนจะเริ่มสำรวจสักหน่อย จุดที่นูนขึ้นมานั่นกลับเซ็นซิทีฟอย่างน่าตกใจ มือนางขยับไปโดนแค่นิดเดียวก็ทำมันกดลงไป
ครึก---
เสียงประตูหินเปิดออก จากนั้นแสงสว่างสาดเข้ามา เหมือนกับมีช่องทางเปิดไปสู่โลกใหม่ ด้านนอกประตูเป็นป่าลึก มีระเบียงหินที่มีตะไคร่ขึ้นเขียวครึ้มไปหมด ด้านบนมีต้นไม้ที่ลำต้นแห้งและมีเถาวัลย์เกี่ยวพันไปมา ใยแมงมุมที่ตกลงมาจากด้านบน มีแมงมุมตัวใหญ่สีน้ำตาลแดงปีนอยู่ด้านบนเป็นหินรูปร่างแปลกๆมากมาย ดอกไม้ที่ดูสีสดสวยงาม ทางที่ดูไม่เหมือนทาง--
มีรอยฝ่าเท้าเล็กใหญ่แทรกกันไปมา
โหลชีรีบควบคุมหัวใจที่เต้นแรก รีบเข้าไปสำรวจดูอย่างแน่วนิ่ง นางสามารถแยกรอยฝ่าเท้าเฉิงสิบกับโหลวซิ่นได้ เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนที่ร่วมเดินทางผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน นี่เป็นความเคยชินของนาง เพื่อนพ้องทุกคน นางมักจะแอบสังเกตลักษณะพิเศษและความเคยชินบางอย่างของพวกเขาเสมอ เพราะบางครั้งเวลาเจออันตราย ลักษณะพิเศษพวกนี้จะสามารถทำให้นางมีโอกาสหาพวกเขาเจอ บางทีเวลาตนเจออันตรายก็จะคิดว่าใครกันที่จะสามารถมาช่วยนางได้ เรื่องนี้แทบจะกลายเป็นความเคยชินของนาง
บวกกับเฉิงสิบกับโหลวซิ่นหลายเดือนมานี้อยู่กับนางตลอด ต่อให้นางไม่จงใจสังเกตพวกเขา ความเคยชินนี้ก็จะทำให้นางจดจำพวกเขาได้
โหลชีลิงโลดในใจ หวังว่านางจะเจอรอยเท้าของเฉิงสิบกับโหลวซิ่นที่นี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ