เสียงขรึมพร้อมด้วยกลิ่นอายอันคุ้นเคยดังขึ้น "แม่นาง ข้าน้อยเอง!"
ใจที่เป็นกังวลมาตลอดของโหลชีค่อยคลายลงไปกว่าครึ่ง
เฉิงสิบมุดออกมาจากรูหนึ่งด้านข้าง เห๊นได้ชัดว่า ตอนเขาเห็นโหลชีก็ค่อยโล่งอกหน่อยเหมือนกัน จิตใจที่หลายวันนี้ตึงเครียด ความสิ้นหวังในจิตใจที่ห้ามไม่อยู่กับความหวาดกลัวนั่นมลายหายไปสิ้นเมื่อเห็นโหลชี
เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่การพึ่งพาธรรมดา และโหลชีได้กลายเป็นตะเกียงคอยส่องใจให้เขาแล้ว มีนางอยู่ก็มีแสงสว่าง ในวินาทีนี้เฉิงสิบมั่นใจว่าเขาจะติดตามนางไปตลอดชีวิต
โหลชีจับมือดึงให้ถอยหลัง จนออกนอกเขตหนาวเหน็บเสียดกระดูกถึงหยุดลง ตอนนี้นางมองสำรวจเฉิงสิบ เห็นแค่เนื้อตัวสกปรก แต่ไม่มีบาดแผล ถึงได้วางใจลง แต่มีแค่เขาคนเดียว ตนก็รู้สึกวางใจหมดไม่ได้
"แม่นาง วันนั้นพวกเรา--"
โหลชีตัดบทเขา "บอกข้าก่อน คนอื่นเล่า?"
เฉิงสิบชี้ไปที่หุบเขาลึกเบื้องหน้านั่น พูดด้วยน้ำเสียงขื่นขมว่า "พวกเขาถูกจับตัวไปหมดแล้ว โหลวซิ่นก็ด้วย"
"ถูกใครจับตัวไป?"
แววตาเฉิงสิบดูหวาดกลัว เขาหวนคิดถึงภาพนั้น ตอนนี้เขายังรู้สึกหนาวยะเยือกในใจเลย "ไม่ใช่คน ไม่ใช่คน นั่นมันเหมือนกลุ่มหมอกหนาสีดำกลุ่มก้อนหนึ่ง สีดำเทา จากนั้นเปลี่ยนเป็นหัวคน ปากนั่นใหญ่นัก พวกเขาหล่นลงไปทั้งหมด และโดนเจ้านั่นอ้าปากฮุบไว้หมดในคำเดียว พอเจ้านั่นอ้าปากฮุบพวกเขาทั้งหมดก็สงบลง แต่ข้าน้อยยังได้ยินเสียงพวกเขา เลยรู้ได้ว่าพวกเขายังไม่ตาย เพียงแต่ข้าน้อยไม่รู้จะลงไปได้ยังไง แม่นาง หุบเขาลึกนั่นลึกมาก พอมองลงไปจากที่นี่ เหมือนแม่น้ำสีดำที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำเต็มผืนน้ำ มองไม่เห็นสภาพด้านล่างเลย!"
โหลชีพยักหน้า "เฉิงสิบ เจ้าไม่ได้ผลีผลามลงไป จุดนี้ดีมาก แสดงว่าเจ้าจดจำคำพูดของข้าที่พูดปกติไว้แล้ว เสียงท่องสวดนั่นพึ่งได้ยินหลังจากพวกเขาถูกจับไปใช่หรือไม่?"
พอนางถามเยี่ยงนี้ เฉิงสิบกลับอึ้ง "ท่องสวดอะไร?"
โหลชีก็อึ้ง "เจ้าไม่ได้ยินรึ?"
เฉิงสิบส่ายหัว
"อาจเป็นเพราะวิทยายุทธ์ของข้าน้อยไม่เท่าแม่นางก็ได้ เลยมิได้ยิน"
อาจเป็นเพราะเหตุนี้ แต่โหลชีรู้สึกว่าอาจจะไม่ใช่เพราะเหตุนี้ก็ได้ "เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าไปดูหน่อย"
ถึงจะได้ฟังคำบรรยายของเฉิงสิบ แต่ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง นางก็ยังไม่รู้ว่าจะเข้าใจได้ถูกต้องครบถ้วนไหม
"แม่นางโปรดระวังด้วย"
โหลชีเดินไปข้างหน้า และหมุนตัวกลับมาถามกะทันหันว่า "เสี่ยวเป่าล่ะ?"
เฉิงสิบกัดฟันบอก "เสี่ยวเป่าพอเข้ามาในพระราชวังใต้ดินก็ไม่เจอแล้ว ทำยังไงก็หาไม่เจอ"
เห็นได้ชัดว่า ถึงเขาจะสงสัยเสี่ยวเป่า แต่กลับไม่อยากตัดสินเขาในทันที ยังไม่มีหลักฐานอะไร ได้แต่เล่าเรื่องราวที่แท้จริงให้นางฟัง
โหลชีพยักหน้า "ถ้าเจอเสี่ยวเป่าอีก ระวังเขาไว้ก่อนไ
เฉิงสิบถอนหายใจโล่งอก รับคำโดยดี เขายังกังวลว่าโหลชีจะเหมือนเสี่ยวโฉวก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ รู้สึกว่าก่อนจะมีหลักฐานอะไรอย่าพึ่งทำร้ายจิตใจของเสี่ยวเป่า รู้สึกว่านั่นก็แค่เด็ก คงตกใจแทบบ้าในสถานการณ์อย่างนี้ไปแล้ว ถ้ายังมาโดนพวกเขาระแวงป้องกันอีก มันโหดร้ายกับเขามากเกินไป
โหลชีไม่คิดอย่างนั้น บางครั้งการระแวงป้องกันไว้ก่อนไม่ใช่การทำร้าย แต่เป็นการลดจำนวนการโดนทำร้าย
นางอุ้มวู๊วูเดินไปทางหุบเขาลึกนั่น ค่อยๆเข้าใกล้ทีละก้าว ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งหนาวขึ้น โหลชีคิดถึงเจ้าสำนักเดือนหยิน ตอนนางฝึกทหารกระดูกก็หนาวยะเยือกแบบนี้ ดังนั้นด้านล่างต้องมีคนตายหรือโคลงกระดูกนับไม่ถ้วนแน่ ไม่แน่กระดูกที่ออกมาจากซากศพน้ำมันศพก่อนหน้านี้นั่นคงทิ้งลงด้านล่างตรงนี้แหละ
นางย่อลงตรงริม เสียงท่องสวดนั่นยิ่งชัดเจนมากขึ้น แต่นางฟังไม่ออกว่าเป็นภาษาอะไร ดังนั้นเลยไม่รู้เนื้อหาที่ท่องสวด นางยื่นหัวออกไปอย่างระมัดระวัง ถึงจะเตรียมใจไว้แล้วเพราะเนื้อเรื่องที่เฉิงสิบเล่าให้ฟัง แต่พอเห็นภาพหมอกสีดำหนาลึกหมุนวนทั่วทั้งหุบเขาลึกแล้ว นางยังอดสะท้านเยือกไม่ได้
หมอกพวกนั้นไม่ใช่ลอยไปลอยมาแผ่วเบา แต่เหมือนน้ำสีดำหนาคละคลุ้ง แทบจะเป็นรูปร่าง หมุนตัวขยับไปมา ประหนึ่งสายน้ำเชี่ยวกราก เพียงแต่ว่าเป็นสีดำเท่านั้นเอง!
ไม่ว่าด้านล่างจะลักษณะยังไง คนธรรมดาปกติอยู่ด้านล่างนานต้องทำร้ายร่างกายไปไม่น้อย ถ้าคนตายมีมากเกินไป ของเหลวมีพิษที่แผ่ซ่านออกมาจากซากศพก็จะทำให้ร่างกายไม่สบาย ถ้าหนักหนาอาจถึงขั้นตายได้
ดังนั้นต้องรีบช่วยพวกโหลวซิ่นออกมา
นางถอยกลับไป บอกกับเฉิงสิบว่า "ต้องลงไปช่วยคน เจ้ารอที่นี่ ข้าลงไปเอง ถ้าเกิดมีอะไรจะได้ช่วยกันได้"
เฉิงสิบไม่เชื่อว่าจะมีอะไรช่วยได้ "แม่นาง ข้าน้อยไม่เห็นด้วยให้ท่านลงไปคนเดียว!"
"เจ้ากล้าขึ้นมากนะ การตัดสินใจของข้าต้องให้เจ้าเห็นด้วยงั้นรึ?"
โหลชีเหล่เขาหนึ่งที เฉิงสิบยังคงทำใจกล้าบอก "ไม่ว่าแม่นางจะว่ายังไง จะลงไปต้องลงไปด้วยกัน"
เขารู้ว่านางไม่อยากให้เขาลงไปเสี่ยงอันตราย สถานการณ์ด้านล่างมันยากจะคาดการณ์ได้ แต่ดูแล้วจะอันตรายกว่าที่พวกเขาเคยผ่านมามากนัก บางทีไม่อาจพูดว่าอันตราย น่าจะพูดว่าหวาดกลัว ถ้าอันตรายพวกเขาสามารถใช้แรงเข้าสู้ได้ แต่เรื่องหวาดกลัวบางครั้งไม่ใช่อะไรที่พวกเขาบอกจะพิชิตก็พิชิตได้
"งั้นเจ้าต้องการให้ข้าตบเจ้าสลบที่นี่ก่อนรึ?"
เฉิงสิบ "..."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ