ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 259

โหลชีรู้สึกเหมือนโดนผีจับจ้อง

ยายแก่นั่นค่อยๆยกมือขึ้น ชี้นิ้วที่มีเล็บยาวแหลมมาทางนาง พูดเสียงแหบพร่าว่า "นางมาแล้ว ลงมือ"

นางมาแล้ว ลงมือ

โหลชีเดาได้เลยจากประโยคนี้ คนพวกนี้รู้จักนาง ไม่ อาจจะต้องพูดว่าเป้าหมายของพวกเขาก็คือนางแต่แรกแล้ว พวกเฉิงสิบเป็นแค่เหยื่อล่อ เพื่อล่อให้นางมา

แต่นางไม่รู้จักพวกเขานี่นา อีกอย่าง นางไม่เคยเป็นศัตรูกับคนพวกนี้นี่นา

หรือว่าบนตัวนางมีของที่พวกเขาต้องการ?

จะคิดยังไงก็ไม่ถูก ตาแก่พวกนั้นที่เมื่อกี้จับผู้หญิงคนนั้นพากันโผเข้าหานาง โหลชีเห็นเสี่ยวเป่าถอยเข้าฝูงชน คนอื่นยังคงท่องสวดอยู่ มีแต่ปากเสี่ยวเป่าที่ไม่ขยับ เขาเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมไว้

ตอนคนพวกนี้โผเข้ามา โหลชีได้กลิ่นเหม็นบางอย่าง แต่พวกเขาเป็นคน คนเป็นๆเลยนะ

ที่นี่น่ากลัวขนาดนี้ ก็ไม่ใช่ว่ามีผี เป็นบรรยากาศที่คนพวกนี้สร้างออกมา เรื่องที่พวกเขาทำนี่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว

"พวกเจ้าอยากจับข้าหรือฆ่าข้า?"

ร่างปราดขึ้น โหลชีเหยียบหัวพวกตาแก่นั่นถอยไปอีกข้าง อดร้องถามไม่ได้ นางจับแส้ปลิดวิญญาณไว้มั่น ไม่คิดว่าจะได้ให้มันแสดงอิทธิฤทธิ์เร็วขนาดนี้เลย

ยายแก่นั่นเห็นนาง ทั้งๆที่เป็นใบหน้าแข็งทื่อ กลับเผยรอยยิ้มออกมา น่าเกลียดมากจนรับไม่ไหว

"ฆ่าเจ้า"

เอ้า เป้าหมายชัดเจนขนาดนี้ น่าจะไม่ได้ต้องการของบนตัวนาง

"จะฆ่าข้า ก็ทำให้ข้าตายอย่างเข้าใจได้หรือไม่?" คนเขายอมพูดแล้ว นางก็จะถามให้มากหน่อย ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงพยายามคิดหาหนทางจับนางนัก โหลชีรู้สึกว่าตนควรจะถามให้รู้เรื่อง

"ตายอย่างเข้าใจ..." ยายแก่นั่นพูด "เจ้าคงยังตายไม่ได้สักพัก ต้องสืบทอดทายาทให้เผ่าเราก่อน จับนาง"

สืบทอดทายาท--

เรื่องแกสิ

โหลชีสะบัดแส้ยาว รัดตัวตาแก่ที่พุ่งเข้ามา และสลัดออกไปกระแทกคนอื่นอย่างแรง

ตวัดซ้ายตวัดขวา

แต่นางรู้สึกว่าตาแก่พวกนั้นไม่ควรจะเป็นแกนหลักของคนพวกนี้สิ คนหนุ่มสาวล่ะ? ชายหนุ่มไปไหนกันหมด?

อีกอย่าง พวกโหลวซิ่นล่ะ?

สายตานางแข็งเกร็ง ลงมือไม่รู้จักหนักเบา เห็นแค่มีประกายแสงสีดำพาดผ่านจุดที่นางผ่าน แส้ดำยาวนั่นราวกับมีชีวิต ยืดหยุ่นคล่องแคล่วและแข็งแรง

"อ๊า!"

ตาแก่คนหนึ่งร้องโหยหวนยามโดนสลัดออกไป หัวไปชนกับมุมเตียง เลือดสดไหลริน

"ที่แท้พวกเจ้าก็เจ็บและมีเลือดไหลด้วยรึ ยังนึกว่าพวกเจ้าปลอมตัวเป็นผีสางมานานจะกลายเป็นผีไปจริงๆเสียแล้ว" โหลชียิ้มเย็น จิ้งจอกม่วงวิ่งออกไปตะปบหน้าสตรีที่อยากจะลอบกัดจากด้านหลัง

อยากลอบกัด ไม่มีทาง ฝันไปเถอะ!

หนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอกร่วมแรงร่วมใจกันแข็งแกร่งจนทำให้คนพวกนั้นต่างมีสีหน้าตกตะลึงตามๆกัน

"วางค่ายกล ใช้ค่ายกู่" ยายแก่นั่นเหมือนไม่คิดว่าโหลชีจะเก่งกาจขนาดนี้ มือควักของจากในเสื้อคลุมออกมา มันควักหนอนตัวหนึ่งออกมา

หนอนตัวนั่นเป็นสีแดงสด ใหญ่มาก ทั้งตัวมีเกราะแข็ง บนหัวมีมีเขาแหลมยาวสูง บิดไปมาในมือนาง

โหลชีไม่รู้ว่านางซ่อนหนอนตัวนั้นไว้ในชายเสื้อได้ยังไง แต่นางแน่ใจได้เลยว่า ยายแก่นี่เป็นคนหนานเจียง หรือนางอาจจะคารวะคนหนานเจียงเป็นอาจารย์

คนหนานเจียงที่นางเกลียดที่สุด คนหนานเจียงที่เลี้ยงหนอน

ค่ายกู่นางรู้จักพอดี คือคนพวกนี้ล้วนมีกู่ประจำตัวตัวหนึ่ง ค่ายกลที่ตนและกู่ประจำตัววางออกมาจะมีอานุภาพแรงกล้ามาก หนอนกู่พวกนั้นจะถูกสั่งการ เติมเต็มช่องว่างเล็กน้อยที่คนสังเกตไม่เห็น และคนจะบีบคั้นให้คนที่อยู่ในค่ายกลลนลานจนเผยจุดอ่อน เปิดโอกาสให้หนอนกู่โจมตีได้

ความร้ายกาจของหนอนกู่นางเข้าใจ ดังนั้นนางจะไม่ตอแย นางแค่อยากรีบตามหาพวกโหลวซิ่นโดยเร็ว

ดังนั้นตอนที่ค่ายกลพวกเขายังไม่สำเร็จ โหลชีพลันสะบัดแส้ยาว ปลายมีดแหลมคมสะบัดออกไป แทงเข้าไปที่หน้าอกยายแก่นั่นอย่างแรง

ยายแก่จ้องมาเขม็ง แต่นางกลับรีบเก็บกลับและถอยเร็ว ผลุบหายเข้าไปในช่องทางเล็กที่นางเหล่เห็นเมื่อกี้อย่างรวดเร็ว

"น่าตายนัก ให้นางหนีไปซะได้!"

"ท่านยาย ตามรึไม่?" สตรีนางหนึ่งถามอย่างหวาดหวั่น

ยายแก่เหล่นางหนึ่งที "นางไปทางหัวหน้าเผ่าพวกนั้นแล้ว มันคือเนื้อเข้าปากเสือ ยังจะหนีได้อีกรึ? พวกเจ้าอยู่ที่นี่ทำพิธีบูชายัญต่อ"

"เจ้าค่ะ"

ยายแก่จับหนอนสีแดงนั่น และเผยให้เห็นรอยยิ้มที่แข็งเกร็งน่ากลัวนั่นอีกครั้ง นางบ่นพึมพำกับตนเองว่า "โหลชี ถนนด้านหน้ายังอีกยาวไกลนัก เข้ามาสู่เผ่ามนุษย์ผีของข้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะเล่นสนุกได้นานหน่อย" นางเดินเข้าไปในช่องทางเล็กที่โหลชีพึ่งเข้าไปอย่างเชื่องช้า เจียวเทียนเป่าก้มหน้าลงต่ำ เดินตามนางอย่างว่าง่าย

ช่างแปลกประหลาดและอันตรายรายล้อมยิ่ง ความดำมืดนั่นราวกับภูตผีปีศาจทั้งหลายกำลังแสยะยิ้ม

    ......

ในความมืดยังมีคนที่ฝ่าฝุ่นผงคละคลุ้ง มีน้ำติดเกาะเส้นผมสีดำจนชุ่ม รีบเร่งรุดมาถึงด้านนอกซากปรักหักพังของพระตำนักยี่อ๋องนี่

ท่ามกลางความเงียบ มีเสียงคนร้องโหยหวนขึ้น

สตรีนางหนึ่งมีวิทยายุทธ์เล็กน้อย และอยากจะออกมาดูว่าจะพอหาสมบัติใดได้หรือไม่ในตอนใกล้ค่ำนี้กลับถูกบุรุษร่างเต็มไปด้วยเลือดทำให้ตกใจเข้าให้

คบไฟถูกจุดขึ้นรอบด้าน คนที่เดิมหลับไม่สนิทนักพร้อมใจกันลุกขึ้นมา ออกมาจากในกระโจม กลัวจะพลาดเรื่องอะไรสำคัญไป

แสงไฟส่องสว่างไปที่คนผู้นั้น

คนนั้นเป็นคนแรกที่หนีออกมาจากในซากปรักหักพัง นี่เป็นคนแรกที่ออกมาจากข้างในภายในสี่วันนี้ แต่เขาน่ากลัวเกินไป ดวงตาปูดโปนมาข้างหนึ่ง ห้อยต่องแต่งจะตกมิตกแหล มือด้วนติดข้อมือข้างหนึ่ง เสื้อผ้าด้านบนขาดวิ่นจนไม่สามารถปกปิดรูปร่างได้ หน้าอกมีรอยแผลหนึ่งแผล ตรงมาก เหมือนมีคนตวัดปาดดาบลงกลางหน้าอกเขาหนึ่งแผลหนึ่งในนั้นมีรอยแผลหนึ่งลึกหน่อย เลือดสดไหลรินออกมา

ทุกคนพร้อมใจกันสะท้านเยือก

"ในนี้มันมีอะไรกันแน่น่ะ?"

"ทำไมเขากลายเป็นเยี่ยงนี้? ในนี้มีฆ่าคนรึ?" จำต้องพูดจริงๆว่า คนนี้รู้จริง

"พวกเจ้าอย่าลืม ที่นี่คือวังผี" มีคนพูดลอยๆขึ้นมาหนึ่งคำ ทำให้ทุกคนที่พากันวิพากษ์วิจารณ์อยู่พร้อมใจสงบนิ่ง

ใช่สิ ที่นี่คือวังผี! พวกเขาลืมไปแล้ว ต่างพากันคิดถึงแต่ลูกนิลดำคิดถึงแต่ทองคำนับพันนับหมื่น

คนผู้นั้นโผเข้ามา ทหารที่เฝ้าทางเข้าไว้ก็ไม่กล้าขัดขวาง พากันหลีกทางให้

เขาราวกับอาศัยเพียงความเชื่อหนึ่งมาถึงตรงนี้ พอขาก้าวออกมาจากประตูนั้น ก็ล้มลงพื้นทันที ชักกระตุกสองสามที จากนั้นไม่ขยับอีกเลย

"เร็ว ทหาร ดูว่าเขาตายหรือยัง" มีคนร้องขึ้นมา ที่นี่มีทหารคอยรักษาการณ์ พวกเขาถือว่าอยู่สุขสงบดี แต่ตอนนี้เรียกทหาร เพราะพวกเขารู้สึกตระหนกเท่านั้นเอง

ทหารคนหนึ่งขึ้นหน้าไป ยื่นนิ้วมือไปลองอังที่จมูกของคนนั้น นิ้วพึ่งจะยื่นออกไป คนผู้นั้นกลับจู่ๆเงยหน้าขึ้น ร้องอย่างหวาดกลัวว่า "อย่าต้มข้า" จากนั้นกัดนิ้วมือที่ยื่นมาเข้าอย่างจัง

"อ๊าอ๊าอ๊า!เจ็บ! เจ้าปล่อยสิ!" ทหารคนนั้นร้องจ๊าก พยายามดึงนิ้วมือออกอย่างแรง สะบัดยังไงก็ไม่ออก นิ้วนั่นโดนกัดขาดเอาดื้อๆเลย!

"เฮือก!" เหล่าทหารข้างๆพากันตกใจไปตามๆกัน ชักกระบี่ฟันคนผู้นั้นทันที ฟันไปสามดาบ เขาสิ้นใจคาที่

ส่วนทหารคนที่ถูกกัดนิ้วมือกุมบาดแผลตนเองไว้ด้วยสีหน้าตกใจ เงยหน้าถามทุกคนว่า "เขามีพิษหรือไม่? ข้าจะตายไหม?"

ทุกคน "...."

ตู้เหวินฮุ่ยพาลูกน้องมายืนอยู่รอบนอก พอเห็นอย่างนี้ สีหน้ายิ่งแย่หนัก ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เข้าไปสี่สิบห้าคนแล้ว ออกมาแค่คนเดียว! และคนที่ออกมาก็บาดเจ็บได้สาหัสขนาดนี้ และยังตกใจจนเสียสติ เขาไม่กล้าจะคิดเลยว่า สตรีหนึ่งคนอย่างพระสนมเข้าไปในนั้นจะเจอกับอะไร!

เขาไม่ได้พูดออกมา แต่ลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกายเขากลับทนไม่ไหวพูดออกมาเสียงต่ำว่า "หัวหน้า พระสนมคงจะมิปลอดภัยแล้วกระมัง?"

ตู้เหวินฮุ่ยในใจกระตุก เขาไม่กล้าจะคิดเลยว่าพระสนมจะกลายเป็นอย่างชายผู้นี้ ถ้านางออกมาในสภาพบาดเจ็บเยี่ยงนี้---

ยังไม่ทันจะหันไปตะคอกลูกน้อง เขาก็พูดมาอีกว่า "ถ้าเกิดพระสนมบาดเจ็บเยี่ยงนี้เช่นกันจะทำอย่างไรดี?"

หลายคนพลันรู้สึกบรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกลง บางคนถึงกับกอดอกตัวสั่นเทา กำลังจะพูดว่าอากาศหนาวแปลกพิกล น้ำเสียงเย็นเยียบดุจน้ำแข็งเสียงหนึ่งก็ดังเข้าหูพวกเขา

"เจ้าว่าใครมิปลอดภัย? ใครบาดเจ็บกัน?"

ตู้เหวินฮุ่ยเกือบจะกระโดดขึ้นมา!

เสียงของฝ่าบาท!

เขาหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว เห็นบุรุษใบหน้าเย็นชาหล่อเหลารูปร่างสูงใหญ่ผู้ทะบานมาในความมืดพร้อมทั้งไอเย็นรอบตัว

ตู้เหวินฮุ่ยอยากลงไปคุกเข่าคารวะตามความเคยชิน แต่สติบอกเขาที่นี่มิเหมาะสม ฝ่าบาทพาคนมาแค่สองคนเท่านั้น!

"ตอบข้า"

เฉินซ่าไม่แค่ให้ความรู้สึกแก่คนอื่นว่าเย็นเยียบเท่านั้น อันที่จริงแล้วแม้แต่หัวใจก็เย็นชาด้วยเช่นกัน เขาเร่งรีบเดินทางทั้งวันทั้งคืน พุ่งทะยานฝ่าความหนาวเหน็บเข้ามา กลับได้ยินแค่สองคำนี้

พระสนมมิปลอดภัย

พระสนมบาดเจ็บเช่นนี้

เขาอยากฆ่าคน เมื่อครู่หัวใจแทบหยุดเต้น เขายังคิดว่าเขามาไม่ทัน! คนผู้นี้สมควรตาย

"ตู้เหวินฮุ่ย ยังไม่รีบตอบเร็ว! ฝ่าบาทถามเจ้า พระสนมเป็นเยี่ยงไรบ้าง?" เยว่ที่ตามมาพอเห็นสภาพเฉินซ่าก็รู้ทันทีว่าคนนั้นล้ำเส้นตายเขา

ความสามารถของโหลชีเก่งมากพวกเขารู้ดี ฝ่าบาทมิอนุญาตให้มีผู้ใดกล้าพูดปดคำพูดประเภทว่านางเกิดเรื่อง ได้รับบาดเจ็บหรือมิปลอดภัย

แค่คาดเดาก็มิได้

ฝ่าบาทมิอนุญาตให้ผู้ใดแช่งนาง พูดได้อีกอย่างว่า เขาเองมิอาจทนฟังคำพูดว่านางไม่ดีใดๆทั้งนั้น

หากเขาไม่ออกเสียง ขุนสื่อที่บังอาจพูดสองประโยคนี้ออกมาต้องหัวหลุดจากบ่าแล้ว ขุนสื่อสามร้อยนี่ถึงวิทยายุทธ์อาจจะไม่สูงนัก แต่พวกเขาก็มีฝีมือของตนเอง ตายไปคนหนึ่งก็น่าเสียดายทั้งนั้น

ขุนสื่อรีบตอบคำ "เรียนฝ่าบาท เมื่อสี่วันก่อนพระสนมเข้าไปในซากปรักหักพัง บัดนี้ยังมิมีข่าวคราวใดๆเลย!"

เฉินซ่าเห็นซากศพที่ตายสนิทและกำลังถูกคนหามออกไป ใบหน้าพลันมีประกายน้ำแข็งฉาบไว้อีกชั้น หายตัววับ ในตอนที่ทุกคนยังไม่ทันรู้ตัว เขาปราดเข้าไปราวกับสายฟ้าแลบ พริบตาเดียวร่างก็หายไปด้านหลังซากปรักหักพัง

เยว่ "..."

ตู้เหวินฮุ่ย "..."

ฝ่าบาท ต้องร้อนใจเพียงนี้รึ? พวกเขาจะทำยังไงเล่า? ด้านในอันตรายนัก!

เยว่กัดฟันกรอด "ไป ตามไปทั้งหมด!"

เข้าไป ก็รีบตามเข้าไป อีกสองวันจะเดือนเพ็ญแล้ว ฝ่าบาทลืมเรื่องนี้ไปรึ! ถึงเวลานั้นรอบข้างเขามิมีใคร ต่อให้ดื่มเลือดโหลชีที่พกมาแล้วไม่เจ็บปวด แต่มิอาจขยับได้ เกิดเจออันตรายใดจะทำเยี่ยงไร?

"เร็ว!" เร็ว ต้องเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ