ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 260

คนด้านนอกซากปรักหักพังพากันสับสนวุ่นวายไปหมด

มีคนบอก "บ้าแล้ว คนพวกนี้บ้าไปแล้ว"

ไม่ใช่บ้าหรือไร? ทั้งๆที่เมื่อครู่พึ่งมีคนหนีออกมาได้อย่างน่ากลัวปานนี้ ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดคืออะไร?

อย่าต้มข้า

ในนั้นเป็นนรกรึ? มีกระทะทองแดงรอต้มคนรึ?

ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม จากสามคำนี้ก็ฟังออกได้ว่า ในนั้นต้องมีบางสิ่งน่ากลัวมาก และแน่นอนว่า ต้องอันตรายเป็นพิเศษ

พวกเขาคิดจะปรึกษากันให้ดี หรือลองดูว่าจะสามารถนำอาวุธใดเข้าไปได้หรือไม่ บางคนคิดจะรวมตัวกันเข้าไป คนมากพลังก็มาก อย่างมากถึงเวลานั้นก็แบ่งรางวัลกันตามผลงาน!

ในสถานการณ์เช่นนี้ กลับมีคนคิดจะพุ่งเข้าไป

ทหารขวางไว้ "ฟ้าสว่างถึงจะเข้าไปได้!"

"ไสหัวไป!"

องครักษ์เยว่สะบัดมือพัดคนนั้นกระเด็น เขาจะช้าไม่ได้ หากช้าอีกเพียงนิดจะตามฝ่าบาทไม่ทัน จะเกิดเรื่องใหญ่

"พวกเจ้าเป็นใครกัน? คิดจะบุกรุกใช่หรือไม่?" ทหารที่เหลือเห็นว่าสกัดเยว่ไม่อยู่ พวกเขาเองก็ไม่กล้าเข้าไปตาม เลยได้แต่สกัดพวกตู้เหวินฮุ่ยเอาไว้แทน

ตู้เหวินฮุ่ยถีบคนกระเด็น ตะคอกดังว่า "รีบไป!"

รีบไป ไป พระสนมไม่ให้พวกเขาตาม แต่ตอนนี้นางไม่รู้เป็นยังไงบ้างด้านในนั่น หากเกิดอะไรขึ้นเขายากที่จะหนีความผิดได้พ้น ยิ่งไปกว่านั้นฝ่าบาทและใต้เท้าองครักษ์เยว่ต่างก็เข้าไปแล้ว พวกเขายังจะมีเหตุผลอะไรเหลืออยู่ด้านนอกอีก?

สิบคนตามเขาเข้าไปกันหมด

ไป ใครขวางฆ่ามัน

ทหารเหล่านั้นเห็นท่าทีพวกเขาดุร้ายมุ่งมั่นเกินใครเทียม สุดท้ายได้แต่พากันหลีกทางให้

"ให้พวกเขาเข้าไป ให้พวกเขาเข้าไป! หลังจากผ่านประตูนี้ไป เป็นตายแล้วแต่เวรกรรม! เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาโทษพวกเราไม่ได้!" หัวหน้าคนหนึ่งตะโกนบอกออกไป

ตู้เหวินฮุ่ยทำเหมือนไม่ได้ยิน นำลูกน้องสิบคนพุ่งตามองครักษ์เยว่เข้าไปด้วยความเร็วอย่างที่สุด

....

ฟ้าใกล้สว่างแล้ว เฉิงสิบไม่รู้ว่าคืนนี้ตนผ่านมาได้ยังไง เขายืนอยู่ตรงนั้นทั้งคืน มองไปยังหุบเขาลึกนั่น ไม่ขยับตัวเลยสักนิด แทบจะแข็งเกร็งเป็นท่อนน้ำแข็งทั้งร่างแล้ว

แต่เขากลัวว่าพอตัวเองจากไป หรือหมุนตัว ก็จะพลาดเงาร่างของโหลชีที่เหาะขึ้นมา เขาจะดู จะดูอยู่ตลอด!

"เฉิงสิบ"

ร่างเฉิงสิบสั่นกึก ไม่อยากจะเชื่อ เขาได้ยินเสียงใครกัน?

ร่างแข็งเกร็งของเขาคิดจะหมุนตัว แต่กลับเกือบล้มลงพื้น ไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว เมื่อวานยังเผชิญเหตุการณ์ผันแปรสุดขั้วอย่างนั้นอีก บวกกับยืนอยู่อย่างนี้ทั้งคืน เฉิงสิบแทบจะถึงขีดจำกัดสุดของร่างกายแล้ว เขาเพียงอาศัยจิตใจอันแรงกล้าพยุงไว้เท่านั้น

มือมีพลังมือหนึ่งรับเขาไว้ และพยุงเขาขึ้นมา

"ฝ่าบาท!"

ตอนเฉิงสิบเห็นคนที่เดิมเป็นไปไม่ได้ที่จะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เกือบจะร้องไห้โฮ อย่างอื่นยังไม่ทันพูด พูดไม่ทัน เขารีบชี้ไปทางหุบเขาลึกนั่น ละล่ำละลักบอก "แม่นางลงไปแล้ว!"

วินาทีนี้สิ่งที่เฉิงสิบคิดมิใช่ความปลอดภัยของเฉินซ่า เขาคิดแต่ความปลอดภัยของโหลชี ฝ่าบาทมาแล้ว งั้นรีบหาวิธีเลย รีบหาวิธีช่วยนาง!

แต่เขามีหรือจะรู้ว่า พอตนพึ่งพูดจบ เฉินซ่าก็ปล่อยมือทันที และก้าวเท้ายาวไปทางหุบเขาลึกนั่น หมอกดำหมุนตลบ ประหนึ่งจะบอกทุกคนที่เห็นมันว่า ที่นี่คือนรก มาแล้วกลับไม่ได้!

หนาวยะเยือกเสียดกระดูก กลิ่นอายความตาย

เฉินซ่ามองเพียงแวบเดียว จากนั้นกระโดดลงไป

"ฝ่าบาท!"

เฉิงสิบแทบจะโผเข้าไป แต่ก็ไม่เห็นเงาของเฉินซ่าแล้ว

เขาไม่คิดถึงความปลอดภัยของเฉินซ่าก็จริง แต่ก็ไม่คิดว่าเฉินซ่าจะไม่เสียเวลาคิดสักนิดก็กระโดดลงไปเลยแบบนี้!

ได้ยินเสียงของเยว่ดังมาจากด้านหลัง ไม่นานก็มาใกล้ เยว่ตกใจกับภาพที่เห็น พอเห็นเฉิงสิบที่คลานอยู่กับพื้น เขาถามอย่างร้อนใจว่า "เฉิงสิบ เห็นฝ่าบาทหรือไม่?"

เฉิงสิบอยู่ที่นี่ โหลชีก็ต้องอยู่ที่นี่แน่ แต่ตอนนี้ไม่เห็นคน หรือว่า---

เยว่มองหมอกสีดำที่หมุนวนราวกับคลื่นอย่างตกใจ สีหน้าเปลี่ยนทันที

ฝ่าบาทคงจะไม่!

เฉิงสิบคล้ายกับถอนหายใจโล่งอก ชี้ไปด้านหน้า "แม่นางอยู่ด้านล่าง ฝ่าบาทตามลงไปช่วยแม่นางแล้ว" ใช่ มีฝ่าบาทลงไป ความเป็นไปได้ที่แม่นางจะปลอดภัยก็มากขึ้นกว่าเดิมกระมัง?

ตอนนี้เขาไม่ได้คิดถึงคนนี้ ถึงแม้ว่าการที่โหลวซิ่นอาจจะตายไปแล้วก็ได้ก็ทำให้เขาปวดใจนัก แต่เขาเชื่อว่า ถ้าโหลวซิ่นได้รับรู้ ก็ต้องภาวนาให้แม่นางอยู่ดีปลอดภัยเป็นแน่

เยว่สะท้านเยือกในอก "ทำไมเจ้าจึงไม่ห้ามปรามฝ่าบาท?"

เฉิงสิบเงยหน้าขึ้นย้อนถาม "เหตุใดข้าต้องห้ามฝ่าบาทด้วย?" เมื่อก่อนเขาอยู่ที่พั่วอวี้ ยังแทนตนเองว่าข้าน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าองครักษ์เยว่ แต่บัดนี้เขามิได้เป็นองครักษ์ของพั่วอวี้อีกต่อไป เขาไม่ใช่ลูกน้องขององครักษ์เยว่ เจ้านายของเขาคือโหลชี ดังนั้นเขาจึงมิได้แทนตนเองว่าข้าน้อยต่อหน้าเยว่อีก

เยว่ตะคอกใส่อย่างโมโหว่า "เจ้ามิรู้ว่าด้านในอันตรายมากรึ?"

"ข้ารู้!" เฉิงสิบขึ้นเสียงกลับเหมือนกัน "ข้ารู้! แต่ฝ่าบาทลงไปช่วยแม่นาง!"

ขอเพีวยงลงไปช่วยแม่นาง ใครลงไปเขาก็ไม่มีทางขัดขวางหรอก!

เยว่มองเฉิงสิบอย่างไม่เชื่อสายตา ตอนนี้ถึงสังเกตเห็นว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว "หากฝ่าบาทพบอันตรายจะทำเยี่ยงใด?"

เฉิงสิบบอก "ด้านล่างอันตรายเพียงใด ก็ต้องลงไปช่วยแม่นาง! แม่นางทำเพื่อฝ่าบาทมามาก ฝ่าบาทเสี่ยงอันตรายไปช่วยนางจะเป็นไรไป?"

"เฉิงสิบ เจ้าคิดว่าตนเป็นคนของโหลชีจริงๆรึ? เจ้าลืมความจงรักภักดีที่ควรมีให้ฝ่าบาทแล้วรึ?"

"ข้าไม่ได้ลืม! แต่บัดนี้ข้าเป็นเพียงองครักษ์ของแม่นาง! ในใจข้า แม่นางสำคัญที่สุด!" ต่อให้เป็นฝ่าบาท ก็ต้องต่อคิวก่อน!

เฉิงสิบตอบอย่างไม่ลังเล

เยว่สั่นสะท้านในใจ ไม่คิดเลยว่าเฉิงสิบจะเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ ตอนแรก เฉิงสิบ โหลวซิ่น คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่ติดตามฝ่าบาทออกรบ เข้าสู่ทุ่งป่าเถื่อนของพั่วอวี้ รบชนะเมืองพั่วอวี้ ได้แผ่นดินมา พวกเขาล้วนเป็นองครักษ์ข้างกายฝ่าบาทที่กล้าหาญและจงรักภักดีที่สุด ทั้งหมดของหัวใจเพียงเพื่อฝ่าบาท!

แต่ระยะเวลาสั้นๆแค่ไม่กี่เดือน หัวใจของเขากลับเอนเอียงไปให้โหลชี ในสายตาเฉิงสิบ เยว่เห็นประกายไฟอันรุ่งโรจน์โชติช่วงอยู่ในนั้น! นั่นเป็นการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่มีต่อโหลชี! โหลชีเป็นประกายไฟสุมนั้นในดวงตาเขา!

โหลชีทำอะไรกันแน่ ถึงได้เอาชนะใจเฉิงสิบได้? โหลชีทำอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้เฉิงสิบที่เมื่อก่อนเงียบสงบเก็บตัว ตอนนี้กลับราวกับย้อมฉาบไปด้วยความเร่าร้อนได้?

"ฝ่าบาท พระสนม พวกเราต้องช่วยทั้งหมด เจ้ารีบบอกสิ่งที่เจ้ารู้ให้ข้าฟังเร็ว" เยว่ยอมลงให้ อันที่จริงเขาเองก็อยากช่วยโหลชี เพียงแต่เขาไม่เหมือนกับเฉิงสิบ ในใจเขา ฝ่าบาทสำคัญที่สุด

....

โหลชีถอนหายใจแผ่วเบา ในใจรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

คืนหนึ่งผ่านไปแล้ว นางยังหาพวกโหลวซิ่นไม่พบเลย แต่กลับเห็นซากศพจำนวนมาก คนพวกนั้นดูจะมาจากข้างนอก นางไม่รู้ว่าคนพวกนี้ทำไมถึงตายอยู่ที่นี่ แต่ดูแล้วคือตกลงมาตายเละจนสภาพดูไม่ได้

ที่นางไม่รู้คือ ประตูนั้นที่นางเข้ามาตอนแรกเป็นยายแก่นั่นจงใจเปิดให้นางจริงๆ เศษเสื้อผ้าขาดพวกนั้นก็เป็นนางจงใจแขวนขึ้นไป เป้าหมายเพื่อล่อนางเข้าไปในน้ำมันศพนั่น นางคิดว่าโหลชีคงจะออกมาไม่ได้ นางอยากให้โหลชีโดนขังอยู่ในนั้นสักหลายวัน หิวจนใกล้จะตายแล้ว นางค่อยไปเอาคนออกมาก็ได้แล้ว ยังไงซะในมือนางยังมีเรื่องที่จัดการไม่เสร็จอยู่

หลังจากนางเข้ามาแล้ว ประตูบานนั้นก็โดนปิดลง พวกเขาเปิดบานอื่นออก สามารถล่อใหคนนอกเข้าไป พวกเขามีคนคอยเฝ้าอยู่ทุกที่ ไว้ไล่ล่าคนนอกที่จะบุกเข้ามา หลังจากฆ่าเสร็จก็จะมีคนย้ายไปอีกด้านหนึ่งของหุบเขาลึก โยกซากศพพวกเขาลงไป

ที่นี่ใหญ่กว่าที่โหลชีคิด แต่ถนนส่วนมากคดเคี้ยวไปมา นางอ้อมไปมาอยู่นานถึงเจอถ้ำหินที่ปลอดภัยพอจะพักผ่อนสักหน่อยได้ นางขดตัวพักผ่อนในนั้นหนึ่งชั่วยาม มีอย่างหนึ่งที่โชคดีคือ เพราะที่นี่กว้างใหญ่ กลิ่นอายความตายค่อนข้างน้อย ถ้าพวกโหลวซิ่นโดนพาตัวมาด้านหลัง น่าจะไม่เป็นไร เพียงแต่หวังว่าพวกเขาจะไม่เจอกับดัก

โหลชีรู้สึกว่าตนหิวจนใกล้เป็นลมแล้ว เอายาให้จิ้งจอกม่วงกินไปกว่าครึ่ง นางเองก็กินไปหน่อย ถ้ายังหาของกินไม่ได้อีก คงต้องอดตายอยู่ที่นี่ด้วยกันแน่

เพียงแค่ฝึกวิทยายุทธ์มีกำลังภายใน ก็ยังไม่สามารถบำเพ็ญเพียรไม่กินอาหารห้าอย่างเหมือนคนบำเพ็ญเซียนตามในนิทานได้นะ

นางกำลังจะออกจากถ้ำหินนี้ แต่กลับได้ยินเสียงพูดคุยจากกำแพงหินข้างๆลอดเข้ามา นางชะงักเท้ากลับทันที แนบหูเข้ากับกำแพงหินตั้งใจฟัง

"ท่านพ่อ ไม่รู้ว่าใครแพร่ข่าวลือว่าที่นี่มีลูกนิลดำออกไป ตอนนี้ด้านนอกมีคนรุมล้อมเต็มไปหมด ทุกวันมีคนเข้ามา พวกเราจะมัวฆ่าทิ้งหมดก็มิใช่ทางแก้ ครั้งหนึ่งมาสิบห้าคนยังฆ่าหมดได้ หากเขาก็มาด้วยจะทำอย่างใดเล่า?"

โหลชีรู้สึกแปลกใจที่ได้ฟังอย่างนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเรื่องราวด้านนอก

หรือว่าตอนนี้ด้านนอกซากปรักหักพังมีคนมากมายมาตามหาลูกนิลดำหรอ? ลูกนิลดำลูกนิลดำทำไมนางรู้สึกชื่อนี้มันคุ้นหูจังนะ?

ทันใดนั้นโหลชีพลันสมองปิ๊ง ดีใจมาก

ลูกนิลดำหนึ่งในกระสายยาของเฉินซ่า!!!

พระเจ้า ชาติที่แล้วนางติดค้างเฉินซ่าแน่ใช่ไหม? พอได้ยินที่นี่มีลูกนิลดำนางไม่ตามมาจะทนไหวหรอ?

โหลชีข่มความตื่นเต้นในใจ เก็บลมหายใจฟังต่อไป

เหมือนคำถามนี้จะลำบากใจในการตอบ พอเงียบไปสักพัก ก็มีเสียงคนแก่พูดต่อว่า "ถ้าถึงสุดท้ายแล้วหมดหนทาง พวกเราคงต้องละทิ้งสถานที่นี้ หาที่อยู่ใหม่"

"ข้าไม่อยากไป!" เสียงคนหนุ่มขึ้นสูง พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจและโกรธ "พวกเราเป็นแบบนี้มิใช่ต้องการเองนะ ใครจะรู้ว่าทำไมพวกเราต้องอยู่ในสภาพคนมิใช่ผีมิเชิงเยี่ยงนี้? ตอนนั้นพวกเราโดนคนพบเข้า โดนบังคับให้ไปจากหมู่บ้านที่อยู่มาตั้งแต่บรรพบุรุษ กว่าจะหาที่ที่เหมาะสมกับพวกเราอย่างที่นี่ได้ ตอนนี้กลับต้องมาย้ายอีก จะย้ายไปที่ใดเล่า?"

"มิใช่หมดหนทางหรือไร? สถานการณ์ของพวกเราเขาเวิ่นเทียนยังช่วยไม่ได้ ตอนนั้นเพื่อช่วยชีวิตเจ้า ยังติดค้างบุญคุณเขาเวิ่นเทียนหนึ่งครั้ง บัดนี้เทพธิดาให้สัญญา หากช่วยนางสมปรารถนาครั้งนี้ได้ ต่อไปจะพยายามสุดความสามารถช่วยรักษาเผ่ามนุษย์ผีเรา ดังนั้นลูกพ่อ ต้องรีบตามหาโหลชีนั่น ยกนางให้เป็นรางวัลกับคนหนุ่มในเผ่า จัดการนางให้เรียบร้อยซะ จากนั้นพวกเจ้ารีบพาคนออกไปทางออกของทางลับ ถ้าคนนอกเข้ามา พวกเจ้าก็ไป"

โหลชีฟังแล้วตะลึงอึ้ง

เผ่ามนุษย์ผี!

นางลืมคำนี้ไปได้ยังไง! ตอนเด็กนักพรตเลวเคยเล่าให้นางฟัง!

พอคิดถึงเรื่องเผ่ามนุษย์ผีนี่ ยังไม่ทำให้นางตกใจเท่ากับการที่ได้ยินว่าเป็นน่าหลานฮั่วซินไหว้วานให้คนเผ่ามนุษย์ผีให้ร้ายนาง

นอกจากตกใจแล้วคือความโกรธพุ่งปรี๊ด

น่าหลานฮั่วซิน!

ที่แท้ทั้งหมดนี่เป็นความคิดของน่าหลานฮั่วซิน! น่าหลานฮั่วซินอยากให้นางกลายเป็นเครื่องมือออกลูกให้กับเผ่ามนุษย์ผี!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ