คนด้านนอกซากปรักหักพังพากันสับสนวุ่นวายไปหมด
มีคนบอก "บ้าแล้ว คนพวกนี้บ้าไปแล้ว"
ไม่ใช่บ้าหรือไร? ทั้งๆที่เมื่อครู่พึ่งมีคนหนีออกมาได้อย่างน่ากลัวปานนี้ ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดคืออะไร?
อย่าต้มข้า
ในนั้นเป็นนรกรึ? มีกระทะทองแดงรอต้มคนรึ?
ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม จากสามคำนี้ก็ฟังออกได้ว่า ในนั้นต้องมีบางสิ่งน่ากลัวมาก และแน่นอนว่า ต้องอันตรายเป็นพิเศษ
พวกเขาคิดจะปรึกษากันให้ดี หรือลองดูว่าจะสามารถนำอาวุธใดเข้าไปได้หรือไม่ บางคนคิดจะรวมตัวกันเข้าไป คนมากพลังก็มาก อย่างมากถึงเวลานั้นก็แบ่งรางวัลกันตามผลงาน!
ในสถานการณ์เช่นนี้ กลับมีคนคิดจะพุ่งเข้าไป
ทหารขวางไว้ "ฟ้าสว่างถึงจะเข้าไปได้!"
"ไสหัวไป!"
องครักษ์เยว่สะบัดมือพัดคนนั้นกระเด็น เขาจะช้าไม่ได้ หากช้าอีกเพียงนิดจะตามฝ่าบาทไม่ทัน จะเกิดเรื่องใหญ่
"พวกเจ้าเป็นใครกัน? คิดจะบุกรุกใช่หรือไม่?" ทหารที่เหลือเห็นว่าสกัดเยว่ไม่อยู่ พวกเขาเองก็ไม่กล้าเข้าไปตาม เลยได้แต่สกัดพวกตู้เหวินฮุ่ยเอาไว้แทน
ตู้เหวินฮุ่ยถีบคนกระเด็น ตะคอกดังว่า "รีบไป!"
รีบไป ไป พระสนมไม่ให้พวกเขาตาม แต่ตอนนี้นางไม่รู้เป็นยังไงบ้างด้านในนั่น หากเกิดอะไรขึ้นเขายากที่จะหนีความผิดได้พ้น ยิ่งไปกว่านั้นฝ่าบาทและใต้เท้าองครักษ์เยว่ต่างก็เข้าไปแล้ว พวกเขายังจะมีเหตุผลอะไรเหลืออยู่ด้านนอกอีก?
สิบคนตามเขาเข้าไปกันหมด
ไป ใครขวางฆ่ามัน
ทหารเหล่านั้นเห็นท่าทีพวกเขาดุร้ายมุ่งมั่นเกินใครเทียม สุดท้ายได้แต่พากันหลีกทางให้
"ให้พวกเขาเข้าไป ให้พวกเขาเข้าไป! หลังจากผ่านประตูนี้ไป เป็นตายแล้วแต่เวรกรรม! เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาโทษพวกเราไม่ได้!" หัวหน้าคนหนึ่งตะโกนบอกออกไป
ตู้เหวินฮุ่ยทำเหมือนไม่ได้ยิน นำลูกน้องสิบคนพุ่งตามองครักษ์เยว่เข้าไปด้วยความเร็วอย่างที่สุด
....
ฟ้าใกล้สว่างแล้ว เฉิงสิบไม่รู้ว่าคืนนี้ตนผ่านมาได้ยังไง เขายืนอยู่ตรงนั้นทั้งคืน มองไปยังหุบเขาลึกนั่น ไม่ขยับตัวเลยสักนิด แทบจะแข็งเกร็งเป็นท่อนน้ำแข็งทั้งร่างแล้ว
แต่เขากลัวว่าพอตัวเองจากไป หรือหมุนตัว ก็จะพลาดเงาร่างของโหลชีที่เหาะขึ้นมา เขาจะดู จะดูอยู่ตลอด!
"เฉิงสิบ"
ร่างเฉิงสิบสั่นกึก ไม่อยากจะเชื่อ เขาได้ยินเสียงใครกัน?
ร่างแข็งเกร็งของเขาคิดจะหมุนตัว แต่กลับเกือบล้มลงพื้น ไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว เมื่อวานยังเผชิญเหตุการณ์ผันแปรสุดขั้วอย่างนั้นอีก บวกกับยืนอยู่อย่างนี้ทั้งคืน เฉิงสิบแทบจะถึงขีดจำกัดสุดของร่างกายแล้ว เขาเพียงอาศัยจิตใจอันแรงกล้าพยุงไว้เท่านั้น
มือมีพลังมือหนึ่งรับเขาไว้ และพยุงเขาขึ้นมา
"ฝ่าบาท!"
ตอนเฉิงสิบเห็นคนที่เดิมเป็นไปไม่ได้ที่จะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เกือบจะร้องไห้โฮ อย่างอื่นยังไม่ทันพูด พูดไม่ทัน เขารีบชี้ไปทางหุบเขาลึกนั่น ละล่ำละลักบอก "แม่นางลงไปแล้ว!"
วินาทีนี้สิ่งที่เฉิงสิบคิดมิใช่ความปลอดภัยของเฉินซ่า เขาคิดแต่ความปลอดภัยของโหลชี ฝ่าบาทมาแล้ว งั้นรีบหาวิธีเลย รีบหาวิธีช่วยนาง!
แต่เขามีหรือจะรู้ว่า พอตนพึ่งพูดจบ เฉินซ่าก็ปล่อยมือทันที และก้าวเท้ายาวไปทางหุบเขาลึกนั่น หมอกดำหมุนตลบ ประหนึ่งจะบอกทุกคนที่เห็นมันว่า ที่นี่คือนรก มาแล้วกลับไม่ได้!
หนาวยะเยือกเสียดกระดูก กลิ่นอายความตาย
เฉินซ่ามองเพียงแวบเดียว จากนั้นกระโดดลงไป
"ฝ่าบาท!"
เฉิงสิบแทบจะโผเข้าไป แต่ก็ไม่เห็นเงาของเฉินซ่าแล้ว
เขาไม่คิดถึงความปลอดภัยของเฉินซ่าก็จริง แต่ก็ไม่คิดว่าเฉินซ่าจะไม่เสียเวลาคิดสักนิดก็กระโดดลงไปเลยแบบนี้!
ได้ยินเสียงของเยว่ดังมาจากด้านหลัง ไม่นานก็มาใกล้ เยว่ตกใจกับภาพที่เห็น พอเห็นเฉิงสิบที่คลานอยู่กับพื้น เขาถามอย่างร้อนใจว่า "เฉิงสิบ เห็นฝ่าบาทหรือไม่?"
เฉิงสิบอยู่ที่นี่ โหลชีก็ต้องอยู่ที่นี่แน่ แต่ตอนนี้ไม่เห็นคน หรือว่า---
เยว่มองหมอกสีดำที่หมุนวนราวกับคลื่นอย่างตกใจ สีหน้าเปลี่ยนทันที
ฝ่าบาทคงจะไม่!
เฉิงสิบคล้ายกับถอนหายใจโล่งอก ชี้ไปด้านหน้า "แม่นางอยู่ด้านล่าง ฝ่าบาทตามลงไปช่วยแม่นางแล้ว" ใช่ มีฝ่าบาทลงไป ความเป็นไปได้ที่แม่นางจะปลอดภัยก็มากขึ้นกว่าเดิมกระมัง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ