ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 261

เผ่ามนุษย์ผี เรื่องว่าเกิดเผ่ามนุษย์ผีได้ยังไง อันที่จริงนางจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เพราะตอนนักพรตเลวเล่าให้นางฟังนางยังเด็ก นางจำได้แค่ส่วนที่ฟังแล้วรู้สึกเหลือเชื่อเท่านั้น

อย่างเช่นนักพรตเลวเล่าว่า ถึงเผ่ามนุษย์ผีจะเป็นเผ่าที่เหมือนโดนสวรรค์สาป อันที่จริงแล้วคือพวกเขาเลือดน้อยตั้งแต่เกิด เลือดไหลแปลกมาก ดังนั้นเลยทำให้ผิวพวกเขาดูแล้วสีเทาปนขาวเหมือนผี แถมยังไม่สามารถโดนแสงแดดได้โดยตรง

ไม่สามารถโดนแสงแดดได้โดยตรง งั้นจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในที่ที่มืดทะมึนที่สุด นางได้ยินว่า เผ่ามนุษย์ผีอาศัยอยู่ในหุบเขาที่มีสุสานหมู่โดยราชันย์เผด็จการกระหายเลือดจัดทำขึ้นมา สุสานหมู่นี้ไม่กลบฝังให้มิดชิด เดินไปไม่กี่ก้าว อาจจะสะดุดล้มเพราะมือของศพที่โผล่ออกมาก็ได้ เดินไปไม่กี่ก้าว เท้าของเจ้าก็อาจจะเหยียบโดนหัวคนตายได้

อยู่ในที่แบบนี้นานแล้ว ยังไงจิตใจคนก็ต้องมีการบิดเบือนอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่เผ่ามนุษย์ผีไม่กลัวที่สุดก็คือคนตาย ซากศพที่สีหน้าบิดเบี้ยว ผิดรูปดูน่ากลัวหลากหลายรูปแบบ สำหรับเผ่าพวกเขาแล้ว แม้แต่เด็กสามขวบก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวหรอก

อย่างเช่นพูดว่าพวกเขาไม่มีอะไรอย่างอื่นเล่นสนุก คนปกติต่างพากันหวาดกลัวพวกเขารังเกียจพวกเขา ดังนั้นพวกเขาแทบจะไม่เคยคบค้ากับคนภายนอกเลย ดังนั้นพวกเขาเลยไม่มีอะไรเล่น ได้แต่เล่นคนตาย เล่นซากศพ

ดังนั้นโหลชีคิดขึ้นมาตอนนี้ว่า การทำพิธีบูชายัญเมื่อคืนก็เป็นวิธีการละเล่นซากศพอย่างหนึ่งที่พวกเขาหามา

ส่วนเรื่องการทำน้ำมันศพ บางทีอาจจะไม่ได้เป็นพวกเขาทำมันออกมาแต่แรก เพียงแต่เห็นแล้วมีคนเอาซากศพออกมากลั่นเป็นน้ำมัน พวกเขาเลยทำวิธีนี้มาเรื่อยๆ หรือบางทีพวกเขาเจอวิธีใช้ของน้ำมันศพ ไม่แน่ว่าอาจจะเอามาเป็นครีมบำรุงผิวก็ได้นะ?

เพียงแต่ว่าเผ่ามนุษย์ผีเดิมจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับนาง แต่พวกเขาไม่ควรจะฟังคำของน่าหลานฮั่วซิน มาลงมือกับนางเลย! ลงมือกับนางก็พอว่า นี่กล้ามาลงมือกับคนของนาง!

ดังนั้นไม่ใช่พวกเฉิงสิบหาเรื่องให้นาง แต่เป็นนางพาอันตรายมาให้พวกเขา แน่นอนว่าโหลชีไม่มีทางดื้อรั้นไร้เหตุผลในด้านนี้ ในเมื่อพวกเขาเป็นพวกพ้อง ต่อให้เพราะนางหรือเพราะพวกเขานำอันตรายมาให้นาง ใครก็ไม่ต้องโทษใคร ใครก็ไม่ต้องรู้สึกผิด ร่วมมือกันฝ่าฟันไปก็ได้แล้ว!

สำหรับน่าหลานฮั่วซิน โหลชีจดบันทึกให้นางในใจอีกหนึ่งเรื่อง! นางไม่คิดว่ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีความแค้นกันมาก่อน กลับโหดร้ายกับคนอื่นได้ถึงเพียงนี้

ผู้หญิงในเผ่ามนุษย์ผีน้อยมาก บวกกับร่างกายธาตุหยินเย็นของพวกเขา ดังนั้นเลยมีลูกยาก จะชายหรือหญิงก็ยากหมด ดังนั้นผู้หญิงในเผ่ามักจะต้องมีผู้ชายหลายคนใช้ร่วมกัน พวกเขามักทำเรื่องอย่างนั้นเป็นประจำ เพราะหวังว่าทำหลายๆครั้ง โอกาสในการมีลูกก็จะมากขึ้น

แต่ผู้หญิงที่ร่างกายธาตุหยินเย็นส่วนมากรับความทรมานแบบนี้ไม่ไหว ดังนั้นพวกนางจึงมักเจ็บป่วย บางคนท้องไม่หยุด และแท้งไม่หยุด วนเวียนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้ามีคนที่สามารถคลอดลูกได้ เช่นนั้นนางต้องนอนกับผู้ชายทั้งเผ่า เพราะผู้ชายทุกคนล้วนหวังให้นางคลอดลูกของตน

จากบางด้านบอกว่า เผ่ามนุษย์ผีน่าสงสารมากนะ แต่เขามีคำพูดว่าอะไรนะ คนน่าสงสารมักจะมีจุดที่สมควรโดน พวกเขาไม่คิดหาวิธีจากทางอื่น แต่กลับทำกับผู้หญิงแบบนี้ ทำร้ายคนบริสุทธิ์แบบนี้ ต่อให้น่าสงสารแค่ไหนก็สมควรตาย

ที่หุบเทพมาร น่าหลานฮั่วซินอยากให้นางกลายเป็นทหารโคลงกระดูกของเจ้าสำนักเดือนหยิน

ตอนนี้ก็อยากให้นางกลายเป็นเครื่องมือทำลูกที่ต้องนอนกับผู้ชายทั้งหมดของเผ่ามนุษย์ผี นับวันยิ่งเลวร้ายมากขึ้น

งั้นนางต้องคิดสักหน่อยไหมว่า รอน่าหลานฮั่วซินตกอยู่ในกำมือตนแล้ว จะทรมานอีกฝ่ายยังไง?

"ท่านพ่อ จะไปต้องไปด้วยกัน พาโหลชีนั่นไปด้วย ได้ยินเทพธิดาแห่งเขาเวิ่นเทียนบอกว่า สตรีผู้นั้นเป็นหมอ และร่างกายยังดีมาก คงคลอดลูกได้"

หัวหน้าเผ่าบอก "อืม คลอดลูกได้ดีที่สุด"

โหลชีโกรธจัด คลอด คลอดคลอดคลอด! คลอดบ้านแกสิ!

แม่งเอ๊ย! นางฆ่าหัวหน้าเผ่ากับหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่ามนุษย์ผีนี่ก่อน แล้วค่อยว่ากันละกัน!

ความโกรธพุ่งสูงในใจ โหลชีมีหรือจะทนไหว บวกกับนางไม่ได้ยินลมหายใจของคนอื่น ถ้ามีแต่สองพ่อลูกนี่ งั้นดีเลย นางจัดการฆ่าสองคนนี้ทิ้งก่อนเลย!

โหลชีควักแส้ปลิดวิญญาณออกมา กำลังเตรียมหมุนตัวไปด้านหลัง แต่กลับเจอเข้ากับสตรีถือผลไม้มา พอนางเห็นสตรีนางนั้นพลันชะงักฝีเท้า

"เสี่ยวโฉว?"

เสี่ยวโฉวที่ก้มหน้าเล็กน้อยพอได้ยินเสียงโหลชี ก็เงยหัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาบวมแดงแต่เดิมแดงเพิ่มขึ้นอีก

"คุณหนู!"

พอได้ยินเสียงนางเรียก โหลชีอดมองบนไม่ได้ ไหนบอกอายุสามสิบห้าปีไง? เจ้าอยู่มายังไงหลายปีนี้น่ะ? สถานการณ์อย่างนี้เรียกซะดัง อยากดึงคนมาที่นี่กันหมดหรือไง?

กำแพงอีกด้านเงียบลงทันที

โหลชีปราดร่างเข้าไปคว้าผลไม้ในถาดนั้นของนางมาทันที

หิว หิวจะตายแล้ว จะต่อสู้ก็ขอเติมเต็มท้องก่อนค่อยว่ากัน! "วู๊วู กินเร็ว!" นางคว้าผลไม้เข้าปาก ยังไม่ลืมเรียกวู๊วู

อันที่จริงวู๊วูไม่รอให้นางเรียก ก็วิ่งไปกัดกินผลไม้แล้ว

เสี่ยวโฉวอ้าปากค้าง มองนางอย่างไม่เชื่อสายตา

ไม่ ไม่ใช่หนะ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ควรจะนายบ่าวสวมกอดกันด้วยความดีใจหรือไง? อย่างน้อยควรจะจูงกันวิ่งหนีสิ?

"คุณหนู..."

โหลชีกินกร้วมๆ โยนเมล็ดทิ้งไป ก่อนหยิบอีกอันมากัดต่อ

"คุณหนู..." เสียงเสี่ยวโฉวขึ้นสูงเล็กน้อย

"ให้ข้ากินเสร็จก่อนค่อยว่ากัน..." โหลชีกัดกินต่อ วู๊วูกัดกินต่อ ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายฮ่องเต้จะมา ในตอนนี้ไม่มีอะไรใหญ่กว่ากิน ถึงจะเป็นแค่ผลไม้ แต่ก็มีเนื้อมีน้ำนี่ หิวจะตายแล้ว คอแห้งผากเลย

ในที่สุดเสี่ยวโฉวทนไม่ไหวร้องออกมา "คุณหนู! พวกมันมาแล้ว!"

เสียงหัวหน้าเผ่าน้อยเมื่อกี้ดังขึ้นด้านหน้า "ไม่คิดว่าจะเป็นสตรีงดงามเพียงนี้--"

"ข้างามหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับเจ้า?" โหลชีกลืนเนื้อผลไม้ในปาก เหลือบตาขึ้นมองชายสองคนที่โผล่มาด้านหน้า

คนแก่เหมือนพวกตาแก่ที่นางเจอก่อนหน้านี้ ผอมหนังหุ้มกระดูก สีหน้าเขียวเทา ดูท่าเผ่ามนุษย์ผียิ่งแก่ ยิ่งผอม ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น

คนหนุ่มนั่นที่จริงก็ไม่ได้หนุ่มมาก ดูแล้วน่าจะเกือบสี่สิบปีแล้ว แต่เพราะท่าทางเขายังถือเป็นปกติอยู่ เพียงแต่สีหน้าขาวกว่าคนปกติเล็กน้อย ดังนั้นในเผ่ามนุษย์ผีนี่คงถือว่าหน้าตาดีแล้วล่ะมั้ง?

เมื่อกี้โหลชีเอาแต่กินผลไม้กร้วมกร้วม แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะนางอยากตาย แต่นางไม่อยากไปอยู่แล้ว ก่อนจะเจอเสี่ยวโฉว เป้าหมายของนางคือฆ่าสองคนนี้อยู่แล้ว

คำพูดนี้ของนางทำเอาใบหน้าซีดเผือดของหัวหน้าเผ่าน้อยสะอึกจนมีแววโกรธ แดงขึ้นเล็กน้อย

เขายังไม่เคยเจอใครกล้าพูดแบบนี้กับเขามาก่อน ตอนพวกเขาไปเขาเวิ่นเทียน ขนาดผู้อาวุโสของเขาเวิ่นเทียนยังหวาดกลัวพวกเขา แน่นอนว่าหวาดกลัวนี่หวาดกลัวตรงไหนเขารู้ดี แต่สตรีไม่มีอำนาจไม่มีเบื้องหลังอะไรอย่างโหลชีกลับกล้าพูดแบบนี้กับเขา เรียกได้ว่าหาเรื่องตาย

"ทำไมจะไม่เกี่ยวกับข้า เจ้าจะกลายเป็นเมียทาสของข้าแล้ว หน้าตางดงามหน่อย ข้ายังจะรักใคร่เจ้าหลายส่วน รอเจ้ามีลูกให้ข้าค่อยยกเจ้าให้คนอื่นในเผ่า" หัวหน้าเผ่าน้อยมนุษย์ผีพูดอย่างเจ้าเล่ห์ "ถ้าเจ้าหน้าตาน่าเกลียด และยังไม่เชื่อฟัง ข้าจะยกเจ้าให้คนอื่นในเผ่าเล่นกันหลังจากจัดการเจ้าเสร็จแล้ว--"

"สตรีของข้า เจ้ากล้าแตะต้อง"

เสียงเย็นชาจนทำให้คนสะท้านเยือกตัดบทคำพูดเขา พริบตานั้นความกดอากาศในห้องนี้พลันลดลงไปเยอะมาก ทำให้คนแทบหายใจไม่ออก เสี่ยวโฉวถึงกับขาอ่อนยวบ ทรุดลงไปนั่งกับพื้น และเงยหน้ามองคนที่มาด้วยความตกใจ

โหลชีได้ยินเสียงนั้นก็ตะลึงอึ้ง นางมองคนที่เหาะลงมาอย่างเหม่อลอย แต่เขาไม่มองนาง เพียงยื่นมือออกไปคว้าหมับเข้าที่คอหอยหัวหน้าเผ่าน้อยมนุษย์ผีเร็วปานสายฟ้าแลบ แรงที่นิ้วทั้งห้าใช้ออกมาทำให้คนรู้สึกว่า เขาใช้แค่มือนี้ก็สามารถบดขยี้ทุกสิ่งอย่างได้

ใบหน้าหัวหน้าเผ่าน้อยมนุษย์ผีอาจจะมีสีเลือดมากที่สุดในชีวิตก็ตอนนี้ ดวงตาเขาแทบจะปูดโปนออกมา แต่กลับพบว่าตนไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย

หัวหน้าเผ่ามนุษย์ผีควักกระบี่ยาวออกมา "หากเจ้ากล้าฆ่าลูกชายข้า เจ้า----"

มีเสียง"พลั่ก"ตัดบทคำพูดเขา

คอหอยของหัวหน้าเผ่าน้อยมนุษย์ผีถูกบีบแหลกละเอียด หัวเขาเอนพับไปอีกข้างอย่างอ่อนยวบ จนซบลงบนไหล่ตัวเอง

โหลชี "..."

เสี่ยวโฉว "..."

หัวหน้าเผ่ามนุษย์ผีดวงตาเบิกโพลง

แต่เฉินซ่าไม่ได้ปล่อยมือ เขาหิ้วซากศพของหัวหน้าเผ่าน้อยขึ้น ซึ่งโดนยกขึ้นทั้งตัว กระบี่ยาวของหัวหน้าเผ่ามนุษย์ผีรีบถอยร่นอย่างรวดเร็ว ด้วยไม่อยากแทงเข้าร่างลูกชายตนเอง แต่ในตอนที่ดึงกลับนี่เอง เฉินซ่าได้โยนศพลูกชายเขามาทางเขาเรียบร้อยแล้ว

"ปึ้ก"

หัวหน้าเผ่ามนุษย์ผีโดนกระแทกจนล้มนอนแบบกับพื้น

โหลชีสำลักพรืด นี่จะสมองกระทบกระเทือนหรือเปล่าเนี่ย?

เฉินซ่าโยนเศษซากในมือทิ้ง ใช้ขาเตะกระบี่ยาวของหัวหน้าเผ่ามนุษย์ผี ขึ้นมา กระบี่ยาวร่วงหล่น เขายกมือสะบัดด้ามกระบี่ กระบี่นั่นก็ปักเข้ากลางใจของหัวหน้าเผ่ามนุษย์ผีทันที

การต่อสู้สิ้นสุด

ไม่ จะเรียกการต่อสู้ไม่ได้ นี่คือทารุณอยู่ฝ่ายเดียว

เวลาผ่านไปไม่ถึงสามสิบวินาที แทบจะยังไม่ได้สติเลย นี่มันไม่ให้โหลชีมีโอกาสได้ลงมือเลย

โหลชีไม่รู้ทำไม รู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ อืม อยากหนี นางอยากหนีไปจะทำยังไงดี? ใครจะเคยคิดว่า เจ้าอาวุธทำลายล้างเฉินจะตามมาถึงเป่ยชาง? มาถึงเมืองนั่วรา และมาปรากฏตัวที่นี่ด้วย

แต่พอคิดดูอีกที นางก็ยืดตัวตรง หนีอะไรล่ะ? นางมีอะไรให้หนีกัน? นางไม่ได้ติดค้างเขาสักหน่อย นางให้เขาไปไม่น้อยแล้วด้วย

เฉินซ่าหมุนตัวกลับมา สองตาดำขลับทะมึนนั่นจับจ้องมาที่นาง และค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหานางช้าๆ

หนึ่งก้าว สองก้าว

ตึก ตึก ตึก

รอจนโหลชีพบว่าจังหวะหัวใจตนเองดันเต้นเป็นจังหวะเดียวกับย่างก้าวของเขา ในใจนางพลันรู้สึกปวดใจ นางไม่เคยคิดเลยว่า ไม่เจอกันหลายเดือน เขาจะมีผลกระทบกับนางมากขนาดนี้ นี่มันแย่แล้วไหม?

นางรู้สึกได้ถึงความโกรธจัดของเขา แต่ก็ไม่รู้ว่ามันยังไงกันแน่ ความโกรธนี่มีต่อนาง หรือว่าต่อพ่อลูกหัวหน้าเผ่า鬼族กันล่ะ?

โหลชีอยากเข้าไปกอดจิ้งจอกม่วง ถ้ามีอะไรมาขวางหน้าตนสักหน่อยแล้วจะรู้สึกอิสระหน่อย แต่ตอนนี้กลับพบว่า จิ้งจอกม่วงกลับหนีไปอยู่อ้อมกอดเสี่ยวโฉว และเสี่ยวโฉวก็ถอยไปจนติดมุมแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ