โหลชีอดถลึงตาใส่ไม่ได้ พวกเจ้าจะไม่ช่วยกันอีกสักหน่อยไหมล่ะ? หา?
ไหนบอกรักกันฉันท์นายบ่าวน่ะ?
วู๊วูเจ้าจิ้งจอกทรยศ! ไหนว่าจะไม่จากไม่ทอดทิ้งน่ะ?!
เฉินซ่าเดินเข้ามาทีละก้าวอย่างช้าๆ แต่เดิมก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมาก แค่เจ็ดก้าว เขาก็มายืนต่อหน้านางแล้ว โหลชีไม่ถือว่าเตี้ยแล้วสำหรับผู้หญิง แต่เฉินซ่ากลับเป็นพวกสูงในบรรดาผู้ชายด้วยกัน ดังนั้นพอเขาเข้าใกล้ โหลชีรู้สึกกดดันจากคนตัวสูง
นางเบ้ปาก ก็ได้ จะหาข้ออ้างอะไรล่ะ? แรงกดดันของคนร่างสูงอะไร ก็แค่นางหวาดหวั่นเท่านั้นเอง
จะว่าไปก็แปลก จุดนี้โหลชีก็รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลย ถือสิทธิ์อะไรล่ะ? นาง โหลชี ขยับเครื่องบินยิงปืนในยุคปัจจุบันได้ ในยุคโบราณก็แก้พิษกู่แก้คำสาปได้ มีเรื่องอะไรบ้างไม่เคยเจอ ถือสิทธิ์อะไรมาหวาดหวั่นกับผู้ชายคนเดียว?
ก็แค่รังแกที่นางไม่เคยมีความรักมาก่อน ดังนั้นเลยรู้สึกเหมือนแมวเกาใจเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ชอบงั้นสิ?
เฉินซ่ามองนาง มองอยู่อย่างนั้น ริมฝีปากเม้มแน่น ริมฝีปากราบเป็นเส้นตรงอย่างเย็นชา ประกายตาวาบขึ้น และไม่พูดอะไร
ไม่พูดอะไร นี่มันเรื่องอะไรกัน? ยังไงซะไม่พูดอะไรนางอึดอัดจะตาย โหลชีรู้สึกทั้งตัวอ่อนปวกเปียกไม่มีเรี่ยวแรง สมองยิ่งสับสนปนเปไปหมด
"เฉินซ่า เอ่อ ไม่เจอกันนานนะ--"
คำพูดของนางพึ่งจบ บางคนก็ยิ้มเย็นชา มีแววเยาะหยันที่มุมปาก ดูแล้วโหลชีอยาก--
กัดลงไป
"เจ้าคิดจะไม่พบกันตลอดชีวิตแล้วกระมัง?"
คำพูดเขาดูราบเรียบมาก ราบเรียบมากจริงๆ ฟังไม่ออกเลยว่าโกรธ แต่โหลชีพอเข้าใจผู้ชายคนนี้อยู่ นิสัยเจ้าอาวุธทำลายล้างเฉิน นางเคยพูดไว้แล้วเมื่อก่อนสี่ตัวเท่านั้น
เดี๋ยว!ดี!เดี๋ยว!ร้าย!
คำพูดนี้ของเขามีแววคุกคามปนติดตามอยู่ในที โหลชีถอยไปหนึ่งก้าว หัวเราะแหะๆว่า "จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง?"
"หือ? ยังมีคุยธุรกิจการค้ากันใช่หรือไม่?" เฉินซ่าขยับเข้าใกล้อีกก้าว
"เอ่อ ท่านไม่รู้สึกว่าข้าเห็นแก่ความสัมพันธ์มากรึไง?" โหลชีถอยไปอีกก้าว "คนอื่นอยากซื้อข้ายังไม่ขายให้เลยนะ"
เฉินซ่าขยับเข้าใกล้อีกก้าว "อืม งั้นตอนนี้ข้าจ่ายเป็นตัวเองให้เจ้า เจ้าคิดจะรับ" เขาชะงักไปครู่ ก่อนหรี่ตามอง พูดต่ออย่างเน้นทีละคำ "หรือว่าไม่รับ?"
โหลชีเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ของเขา อดไม่อยู่กะพริบตาปริบๆ นางอยากบอกว่า นี่บังคับขายหรอ? ที่ไหนได้เขาดันแทรกมาว่า "ตอนนี้หยอกล้อข้าก็ไม่มีประโยชน์"
พรืด
นางแค่กะพริบตาเท่านั้นเอง หยอกล้อที่ไหนกัน? ไหนมีหยอกล้อ!
เสี่ยวโฉวยืนมือปิดตาอยู่ไม่ไกล ขอโทษนะเจ้าค่ะขอโทษ ยืนกะพริบตากลมโตปริบๆต่อหน้าบุรุษผู้รักใคร่นางแทบจะกลืนกินนั่น มิใช่หยอกล้อรึ?!
อย่าทำร้ายสตรีแก่ไร้คู่วัยสามสิบห้าได้หรือไม่?
"เรื่องพวกเราช้าหน่อยค่อยพูดกันได้ไหม?" โหลชีสะบัดหัว ไม่ได้ นางจะเห็นผู้ชายดีกว่าพวกพ้องไม่ได้ โหลวซิ่น พวกโหลวซิ่นยังรอนางไปช่วยอยู่เลย
เฉินซ่ารู้สถานการณ์คร่าวๆจากในจดหมายแล้ว เดิมคือเฉิงสิบและโหลวซิ่นต่างเกิดเรื่อง ตอนนี้เห็นเฉิงสิบที่ด้านบน งั้นก็ต้องไปช่วยโหลวซิ่น
เขาไม่รู้จักพวกถูเปิน ถึงก่อนหน้านี้ในจดหมายของตู้เหวินฮุ่ยมีพูดถึงพวกเขาไว้บ้าง แต่คนที่ไม่รู้จักเขาย่อมไม่ใส่ใจอยู่แล้ว
"ไป"
เขาจับมือนางแน่นมากจนนางสะบัดไม่หลุด ในตอนที่โหลชีคิดว่าเขาจะลากนางเดิน เขากลับจับนางโยนขึ้นหลัง ทำเอานางตกใจเกือบร้องอุทาน
หมอบคลานอยู่บนแผ่นหลังกว้างใหญ่ของเขา โหลชีรู้สึกเลื่อนลอยไปชั่วขณะ
ไม่อยากจะเชื่อเลย เขามาแล้ว และนางโดนเขาแบกขึ้นหลังอีกแล้ว
หลังจากได้สตินางก็บิดตัวไปมา "มาแบกข้าทำไม ข้ามีขาเดินเองได้---" เสี่ยวโฉวก็อยู่ นางยังเป็นคุณหนูของนางเลย มาโดนแบกอยู่แบบนี้เรื่องอะไรล่ะ
เพี๊ยะ
เสียงดังสนั่น โหลชีชะงักค้าง สีหน้าเหลือเชื่อ แม่ง! เขากล้าตีก้นนาง!
"อย่าขยับ!"
เฉินซ่ายังไฟลุกในใจอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีเวลาระบาย นางยังมาทำตัวเยี่ยงนี้กับเขาอีก! จากไปหลายเดือน ไม่ยอมให้เขาแบกแล้ว?
คิดว่าเขาดูไม่ออกว่านางหิวใกล้เป็นลมแล้วรึ? แบกนางครั้งนี้เขารู้สึกได้เลยว่า นางเบากว่าเมื่อก่อนมาก!
โหลชีสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือก ทน นางทน ตอนนี้ไม่มีเวลามาถือสาเขา นางหันกลับไปมองเสี่ยวโฉวที่อุ้มจิ้งจอกม่วงอยู่ และปรายตามองชุดคลุมสีดำที่ตัวนางเหมือนกับของคนเผ่ามนุษย์ผี เมื่อกี้ไม่ทันได้ถามว่า ทำไมนางมิเป็นอะไร ทำไมนางยกถาดผลไม้มาให้พ่อลูกหัวหน้าเผ่า
"เสี่ยวโฉว เจ้ารู้ว่าพวกโหลวซิ่นอยู่ที่ใดใช่หรือไม่?"
เสี่ยวโฉวพยักหน้าทันที "คุณหนู ข้ารู้เจ้าค่ะ"
"รีบนำทาง"
เสี่ยวโฉวเดินนำทางเฉินซ่าด้วยหัวใจหวั่นๆ เมื่อครู่เขาหักคอหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่ามนุษย์ผีนั่นในมือเดียว ใช้ร่างไปกระแทกตัวหัวหน้าเผ่าจนสลบลงไป ยังปักลงไปตรงๆที่หัวหน้าเผ่าราวกับเจาะฝาโลงรอไว้แล้วเลยเนี่ย
คุณหนูของนางเหตุใดนิยมชมชอบบุรุษเช่นนี้เล่า? ถึงเขาจะหน้าตาหล่อเหลามากก็เถอะ--
ช่างดุร้ายเกินไปแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ