ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 264

เผ่ามนุษย์ผีมิได้อยู่อย่างยากลำบากรึ? มิใช่เครียดเรื่องการสืบพันธุ์จนผมหงอกรึ? ถ้าเช่นนั้นไปตายเสียเถิด!

"ไปตายกันซะเถอะ" โหลชีพูดคำนี้ออกมา ออร่าทั่วร่างนางก็เกิดการเปลี่ยนแปลง หลังจากรู้ว่าพวกเขาเป็นเผ่ามนุษย์ผี นางก็เข้าใจแล้วว่าคืนนั้นเสี่ยวเป่าทำอะไรกับทารกนั่น

นักพรตเลวบอก เผ่ามนุษย์ผีคิดค้นวิธีทำร้ายคนอย่างร้ายกาจออกมามากมาย ใช้กู่ผีควบคุมเด็ก จากนั้นใช้เด็กนี่ตามหาทารกธาตุหยิน ป้อนเลือดกู่ให้กับทารก ประทับตราไว้ในตัวทารกเพื่อควบคุมทารกน้อย รอจนเขาอายุราวสิบขวบ ก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดให้กับเผ่ามนุษย์ผี พอโตไปก็จะเป็นหุ่นเชิดให้พวกเขา เป็นเสมือนทาสที่จงรักภักดีที่สุด

เพราะความพิเศษของพวกเขา ทำให้มีหลายเรื่องที่ต้องการให้ทาสไปทำแทน แต่พวกเขาก็เชื่อใจได้แค่ทาสที่เลี้ยงตั้งแต่เด็กแบบนี้

และพอเด็กเหล่านี้เติบโตขึ้น พวกที่ไม่ได้โดนเรียกกลับเข้าเผ่ามนุษย์ผี ก็จะแต่งงานมีลูกได้ตามปกติ เพียงแต่ในตัวพวกเขามีเลือดกู่กับธาตุหยินที่เผ่ามนุษย์ผีจงใจหลงเหลือไว้ให้ ลูกของพวกเขาก็จะเป็น ร่างกายธาตุหยินเย็น ถึงเวลาก็ดำเนินรอยตามพวกเขาอยู่ดี

ดังนั้นวิธีนี้จะให้ร้ายคนไปหลายชั่วคน หรือจะพูดอีกทีคือ ทุกชั่วคน จะมีคนกลายเป็นทาสของเผ่ามนุษย์ผี

ร่างกายคนชนิดนี้โดนเลือดกู่ทำร้ายตั้งแต่เป็นทารก จะอายุสั้น ปกติไม่มีทางอยู่รอดเกินสี่สิบปี

เพียงแต่ปกติเผ่ามนุษย์ผีทำเรื่องพวกนี้อย่างหลบซ่อน บวกกับเด็กที่โดนใส่กู่ผีไว้จะมีความสามารถทำให้คนหลับใหลได้ ดังนั้นตอนทำเรื่องพวกนี้จึงมิมีผู้ใดพบเห็น

ดังนั้นจึงมีคนน้อยมากที่รู้เรื่องนี้

"อาศัยแค่พวกเจ้าสามคน? จะทำลายเผ่าเรา? ฮะฮะฮะ! น่าขำยิ่งนัก!" ยายเฒ่าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สะบัดผ้าคลุมใหญ่พลางว่า "พูดจาคุยโวก็ไม่กลัวลมตัดลิ้นเจ้าขาด! ฆ่าพวกมันซะ"

"ขอรับ! ฮูหยิน!"

ชายเผ่ามนุษย์ผีนับร้อยคนพร้อมใจกันพุ่งเข้าหาทั้งสามคน

หางตาโหลชีเห็นหน้าอกพวกเขามีความเคลื่อนไหวเป็นระยะ รีบบอกโหลวซิ่นทันทีว่า "ระวังหนอนกู่ในอ้อมอกพวกเขา!"

โหลวซิ่นรับคำเสียงดังว่า "ข้าน้อยเข้าใจขอรับ!" เขาจับพิชิตวันมั่น ส่งแรงที่ขา พุ่งเข้าไปในหมู่มนุษย์ผี "มาเลยเจ้าพวกคนมิใช่ผีมิเชิง ข้าจะส่งพวกเจ้าขึ้นสวรรค์เอง!"

โหลชีหัวเราะร่า "ดี เจ้าฆ่าสิบคน หลังจากออกไปข้าจะเลี้ยงเหล้าเจ้า!"

โหลวซิ่นที่เดิมมีความฮึกเหิมสะดุดเกือบล้ม สีหน้าเศร้าหมอง "ขอร้องแม่นางอย่าให้ร้ายข้าเลย!"

ฝ่าบาทยังอยู่เลยนะ ถ้าเขากล้าตามแม่นางไปดื่มเหล้าจริงๆ ฝ่าบาทจะไม่ถลกหนังเขารึ? เมื่อครู่ตอนพึ่งเจอกัน สายตาที่ฝ่าบาทมองเขามีแววอำมหิตแล้ว

บทสนทนาของนายบ่าวสองคนทำเอาหน้ายายเฒ่าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ "จะถึงที่ตายยังกล้าโอหังอีก!"

"ยายแม่มดเฒ่า ใครจะถึงที่ตาย เดี๋ยวก็จะรู้แล้ว!" โหลชีผลันตัวเข้าไปในหมู่มนุษย์ผี ข้อมือสะบัด แส้ปลิดวิญญาณกลายเป็นแส้แข็ง ปลายแหลมออก ตัวแส้มีเข็มแหลมนับพันออกมา นางสะบัดแส้ออกไป ประกายเงาดำแวบผ่าน ทำเอามนุษย์ผีหลายคนพากันมองตาค้าง ลืมป้องกันไปเลย

"รีบถอย!" ยายเฒ่าร้องเสียงดังอย่างร้อนใจ

โหลชีแค่นเสียงหึ "สายไปแล้ว"

แส้ที่ส่งออกไปฟาดผ่านสามคนพร้อมกัน คนแรกโดนปลายแหลมคมปาดคอหอยขาด คนที่สองคอโดนเข็มแหลมเหล่านั้นลากดึงจนคอเอียง ไปชนกับอีกคนข้างเขา ยังไม่รอพวกเขาได้สติกลับมา แส้แข็งนั่นก็แปรเป็นแส้อ่อน เสียงชิ้วดังขึ้น แส้ตวัดรัดคอคนสองคนพร้อมกันอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นพันแน่น ทั้งสองคนโดนรัดไว้ด้วยกัน คอโดนเข็มแหลมทิ่มแทงจนเป็นรูเลือดหลายสิบรู

แส้เดียวตายสาม

เฉินซ่าชมเชย "แส้ดี"

"ของของข้าย่อมดีที่สุดอยู่แล้ว" โหลชีภูมิใจ เย่อหยิ่งละ

พอเห็นท่าทีลำพองขนของนาง เฉินซ่าแถมอีกคำ "เบิกตาดูให้ดี สามีเจ้าก็ดีที่สุดเช่นกัน"

โหลชีตามรอยโหลวซิ่น เกือบล้มคะมำเหมือนกัน แส้ที่สองเลยไม่แม่น เดิมจะปาดคอของคนนั้น ดันไปปาดจมูกเขาแทน

เฉินซ่าพลันอารมณ์ดีขึ้น สองมือสะบัดออก ห้านิ้วของมือพร้อมใจกันคว้าหมับที่คอหอยของสองคน และเกิดเสียงพลั่กขึ้นสองเสียงพร้อมกัน พริบตาเดียวเขาหักคอคนสองคนไปพร้อมกัน จากนั้นสะบัดพวกเขาออกไป แยกกันไปกระแทกอีกสี่ห้าคนล้มลง คนที่ล้มทับก็ไปทับคนอื่นอีกสองคน เกิดช่องว่างข้างตัวเขาขึ้นมา

เจ้าอาวุธทำลายล้างเอ๊ยเจ้าอาวุธทำลายล้าง!

ใบหน้ายายเฒ่าเกิดแววหวาดกลัวขึ้นมา

โหลวซิ่นเห็นเจ้านายสองคนร้ายกาจเพียงนี้ ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ตะคอกเสียงดังพุ่งไปหามนุษย์ผี

"ค่ายกู่!" ยายเฒ่าร้องขึ้นมา

พวกเขาคงมีการเตรียมการมา ในจังหวะที่นางเรียกสองคำนี้ออกมา หนอนกู่หลายสิบตัวพร้อมใจกันบินออกจากอ้อมกอดพวกเขา เป็นหนอนกู่ที่หน้าตาเหมือนกันทั้งหมด บนตัวยังมีปีกเล็กสีดำ รีบบินรวมกันเป็นกลุ่ม ปกคลุมเหนือพวกเขาสามคน หนอนกู่มีปีกหลายสิบตัวพากันกระพือบิน ก่อให้เกิดเสียงฟิบฟับฟิบฟับ

ตอนแรกโหลวซิ่นแค่รู้สึกว่าเสียงแบบนี้ฟังแล้วน่ารำคาญ พอฟังไปได้พักหนึ่ง เขากลับปวดหัวแทบทนไม่ไหว จนแทบจะทิ้งพิชิตวันในมือแล้วกุมหัวแทน

สีหน้าโหลชีเคร่งเครียด หรี่ตาเงยหน้ามองหนอนกู่เหล่านั้น ในใจแอบตกใจไม่น้อย

หนอนกู่ชนิดนี้นางไม่รู้จัก พยายามครุ่นคิดในความทรงจำ ก็นึกไม่ออกว่านักพรตเลวเคยเล่าให้ฟังมาก่อน

เฉินซ่าเตะมนุษย์ผีคนหนึ่งกระเด็น ขยับร่างมายืนข้างโหลวซิ่น หิ้วเขาโยนออกไปรอบนอก เขามองออกว่าโหลวซิ่นรับไม่ไหวแล้ว

โหลวซิ่นไปอยู่อีกสิบเมตรจากนั้น และถอยห่างอีกหลายก้าวอย่างรู้ตัว หลังจากติดตามโหลชี พวกเขาได้เรียนรู้ว่าเมื่อไหร่ควรถอยห่าง เมื่อไหร่ควรพุ่งเข้าสู้

สถานการณ์เช่นนี้เขารับมือไม่ไหว ที่เขาทำได้คือไม่เป็นภาระพวกเขา

"อย่าได้คิดหนีแม้แต่คนเดียว เหอะๆ" ยายเฒ่าสะบัดชายเสื้อนาง หนอนแข็งสีแดงดำที่โหลชีเคยเห็นตัวนั้นกำลังพุ่งตรงไปทางโหลวซิ่น

นางตะคอกดังออกมาว่า "ยายแม่มดเฒ่า กล้าแตะต้องคนของข้า!" นางขยับปลายเท้าจะไปสกัดกั้น แต่กลับโดนบางคนรั้งมือกลับมา พอตั้งหลักยืนมั่น เขาก็พุ่งไปด้วยความเร็วสูงที่หนอนแข็งสีแดงดำตัวนั้น ไปขวางหน้ามันไว้

ยายเฒ่าหัวเราะมาดร้ายขึ้นมา "หัวหนอนของข้าแค่แทงเข้าตัวคนนิดเดียวก็จะมุดเข้าไปได้ทั้งตัวเลยนะ---"

นางยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นในวินาทีก่อนที่หนอนตัวนั้นกำลังจะมุดเข้าตัวเฉินซ่า มันเหมือนตกใจอย่างรุนแรงกับอะไรบางอย่าง และบิดตัวคิดหันหลังกลับฉับพลัน

"คิดหนี?" เฉินซ่าพูดเสียงเย็นเยือก ยื่นมือจะจับหนอนตัวนั้น

ยายเฒ่าที่กำลังตกตะลึงเห็นอย่างนั้น สีหน้าพลันผ่อนคลายลงพลางว่า "คิดจะจับหนอนของข้าด้วยมือเปล่า ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะตายอย่างไร---"

ยังพูดไม่ทันจบ เฉินซ่าก็คว้าหมับที่ตัวหนอน และออกแรงบดขยี้อย่างไม่ลังเลเลย

"คึก" โหลชีพากย์เสียงให้การกระทำของเขาอย่างน่าขัน เปลือกแข็งของหนอนตัวนั้นแตกหัก ตัวแหลกละเอียด

ยายเฒ่าตัวสั่นเทราวกับใบไม้ร่วงท่ามกลางพายุ ไม่รู้ว่าเพราะตกใจหรือโกรธกันแน่

"เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ จะมีคนสามารถบดขยี้พิษหนอนกู่ด้วยมือเปล่าได้อย่างไร?"

โหลชีหัวเราะฮี่ๆว่า "ยายแม่มด ได้ยินว่าเลี้ยงหนอนกู่ตัวหนึ่งไม่ง่ายนี่นา ถ้าทนไม่ไหวก็กระอักเลือดเถิด ข้าชอบเห็นคนโกรธจนกระอักเลือดที่สุดแล้ว!"

"พวกเจ้ามันน่าตายนัก!" ยายเฒ่าใบหน้าบิดเบี้ยว ร้องว่า "ฆ่า ฆ่า ฆ่าพวกมันซะ!"

เหล่าหนอนกู่ที่บินเหนือหัวเหล่านั้นพากันกระพือปีกเร็วขึ้น เสียงนั้นยิ่งดังมากขึ้น มนุษย์ผีที่เหลือที่ล้อมกรอบนางและเฉินซ่าที่ถอยกลับมายืนข้างนางพากันล้อมกรอบเข้ามาหนักขึ้น ปากบ่นพึมพำบทสวดรัวเร็ว คล้ายกำลังช่วยเหล่าหนอนกู่นั่น พริบตาเดียวเสียงท่องบทสวดเซ็งแซ่ เสียงนั้นมีผลช่วยกระตุ้นคน สามารถส่งผลกระทบต่อระบบประสาทของคน ทำให้คนปวดหัวแทบแตก ทนไม่ไหวจนสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไป

สีหน้ายายเฒ่าเชิดเล็กน้อย และมีแววยิ้มย่องเล็กน้อย เผยสีหน้าประมาณว่าจะรอดูว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้มาอยู่ในเงื้อมมือนางเยี่ยงไร แต่รอจนนางเพ่งมองให้ดี กลับเห็นเฉินซ่ากับโหลชีสองคนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เฉินซ่าสีหน้าเย็นชาเคร่งขรึม ที่น่าโมโหที่สุดคือโหลชี นางชี้ไปทางมนุษย์ผีที่เดินวนไปเวียนมารอบพวกเขาไม่หยุด วิจารณ์คนนั้นแล้วก็วิจารณ์คนนี้

"นี่ เจ้าปากเบี้ยวน่ะ เจ้าท่องไม่เข้าจังหวะกับพวกพ้องเจ้าอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ!"

"เจ้าเตี้ยน่ะ เจ้าเดินช้าไปแล้ว พวกพ้องด้านหลังเจ้าจะชนเจ้าอยู่แล้ว ยังรีบก้าวให้เร็วขึ้นอีก!"

เผ่ามนุษย์ผีแทบจะอยากตาย เดิมค่ายกู่ที่รังสีอาฆาตพุ่งพรวดดูทะมึน พอนางก่อกวนกลับดูน่าขันนัก!

เฉินซ่ามองดูนางก่อกวนเหล่ามนุษย์ผีพวกนั้นอย่างตามใจ หากใครทนไม่ไหวจะโจมตีนาง เขาก็แค่นเสียงเย็นและสะบัดฝ่ามือใส่มันผู้นั้นไป

รอจนโหลชีรู้จุดอ่อนของกู่ชนิดนี้แล้ว รอยยิ้มทะเล้นของนางพลันเก็บขึ้น แส้ปลิดวิญญาณในมือสะบัดออกไปอย่างแรง "ยายแม่มด เบิกตาของเจ้าให้กว้างซะ ใครจะฆ่าใคร!"

นางควงแส้ขึ้นเหนือหัว ลมพายุที่แส้สร้างขึ้นสะบัดหนอนกู่หลายสิบตัวนั้นจนบาดเจ็บล้มตายมากมาย พากันร่วงลงมาระนาว ราวกับเกิดฝนหนอนกู่ก็ไม่ปาน

เดิมหนอนกู่ชนิดนี้หากตกใส่ตัว อาจจะเกิดการมุดเข้าร่างได้ อันตรายมาก แต่ทั้งสองคนนี้กลับมีแต่สีหน้ารังเกียจ ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย! ไม่มี!

นางฆ่าหนอนกู่ เฉินซ่าฆ่าคน เขาไม่ได้ใช้อาวุธใด อาศัยแค่สองมือ แต่สองมือของเขากลับน่ากลัวยิ่งนัก หากโดนห้านิ้วของเขาจับได้ ไม่มีทางรอดแน่ ต่อให้โดนจับแค่ไหล่ เจ้าคิดว่าจะไม่เป็นไรรึ? ไม่ จับโดนไหล่ แขนข้างหนึ่งจะโดนกระชากขาดทันที กลายเป็นอาวุธให้เขาทำร้ายคนโชคร้ายอีกคน ขอเพียงเขาจับได้หนึ่งคน อย่างน้อยต้องมีสองคนล้มลง

การไล่ล่าแบบนี้ ทำให้มนุษย์ผีที่เดิมทีเคยชินกับการเล่นซากศพคนตายยังอดสะท้านเยือกในใจไม่ได้ เริ่มรู้สึกหนาวยะเยือก

โหลชีลูบมือไปที่เอว ควักผงหญ้าปีศาจออกมาสาดใส่หนอนกู่ที่แข็งแกร่งที่สุดยี่สิบกว่าตัวนั่น ในเวลาเดียวกัน นางกัดปลายนิ้วตน เค้นเลือดออกมาสองหยด ดีดนิ้วออกไป เลือดสองหยดนั่นกลายเป็นเลือดมากมายไล่ตามผงหญ้าปีศาจเหล่านั้นไปด้วยกัน สาดใส่หนอนกู่พวกนั้น

หนอนที่เดิมทีกระพือปีกอย่างแรงหยุดกระพือปีกกะทันหัน และพากันร่วงหล่นพื้นราวกับเครื่องบินที่ขัดข้องไปตามๆกัน

โหลชีสะบัดแส้ ตีลงบนพื้นถี่ๆ เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ เรียกว่าฆ่าอย่างเมามัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ