เซียวหยงไม่รู้ว่าเวลาผู้หญิงเจอกับผู้ชายสามารถใช้คำว่าตกตะลึงไปจนถึงเทพสวรรค์ได้เช่นกันหรือไม่ แต่สิ่งที่แวบเข้ามาในหัวตอนนี้คือคำนี้จริงๆ
ตกตะลึงจนถึงเทพสวรรค์
ผู้ชายที่นางเคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก เซียววั่งถือว่าสามารถพูดได้ว่าดูดีมีราศีตามกฎเกณฑ์แล้ว น้องชายของนางคนหนึ่งหล่อเหลาคนหนึ่งอบอุ่นมองโลกในแง่ดี ที่ดูดีอีกก็คือยู่ไท่จื่อ นั่นคืองดงามราวกับต้นหยกเล่นลม สง่างามราวกับหยก แล้วยังมีที่เห็นช่วงล่าสุดที่ผ่านมา คุณชายเจ็ดถึงแม้นางจะไม่ชอบ แต่ก็ต้องยอมรับว่า คุณชายเจ็ดดูดีไปอีกแบบหนึ่ง ประณีตหล่อเหลา ยังมีองครักษ์สองคนของเขาก็หล่อเหลาเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไป
แต่ความจริงแล้วทั้งหมดนี้ล้วนไม่ใช่ประเภทที่นางขอบที่สุด
เซียวหรงรู้สึกว่าในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นผู้ชายที่ตนเองชอบที่สุดแล้ว
สูงใหญ่ เงียบขรึม ลักษณะใบหน้าละเอียดหล่อเหลาแต่ไม่อยู่เหนือคนธรรมดาในบางแง่มุม สายตาทั้งคู่ลึกล้ำ แม้แต่ริมฝีปากบางที่เม้มเป็นเส้นก็เย็นชาจนทำให้คนรู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
ผู้ชายเช่นนี้ไม่เพียงแค่ดูดีเท่านั้น ยังทำให้คนรู้สึกถึงความแข็งแกร่งทรงอำนาจของเขาในแวบแรกที่เห็น! ผู้หญิงบางคนมีสัญชาตญาณความเป็นแม่ จะรักและสงสารผู้ชายที่ดูแล้วทำให้คนรู้สึกเอ็นดูสงสารพวกนั้น แต่ผู้หญิงส่วนมากล้วนแต่มีความสลับซับซ้อนที่กล้าหาญ จะชอบผู้ชายแข็งแกร่งทรงอำนาจที่สามารถทำให้ตนเองรู้สึกเหมือนนกน้อยเกาะอยู่บนไหล่ใครสักคนทำให้ตนเองรู้สึกเทิดทูนบูชามากกว่า
เซียวหยงรู้สึกมาตลอดว่าตนเองฉลาดมาก ไม่เหมือนผู้หญิงโง่เง่าคนอื่นๆ นางรู้สึกว่าตนเองแตกต่างจากผู้หญิงโง่ๆที่แต่งงานตามการจับจู่ที่ตัดสินใจโดยพ่อแม่พวกนั้น นางรู้ว่าตนเองควรต้องการผู้ชายแบบไหน
ในด้านใดด้านหนึ่ง นี่เป็นความคิดที่ก้าวหน้าอย่างหนึ่งจริงๆ หากนางไม่ได้ประเมินตนเองสูงเกินไป
"หยงเอ๋อร์ เจ้าจะไปไหม?" เซียววั่งยืนขึ้นมา มองดูนาง
เขาไม่รีบ ให้คนพวกนั้นไปรนหาที่ตายก่อน รอให้เวลาเกือบจะได้ที่แล้ว เขาค่อยไป คนที่เขาต้องคอยระวังคือคุณชายเจ็ด ตอนนี้ข้างกายของคุณชายเจ็ดมีผู้ชายที่ดูแล้วทำให้คนรู้สึกกดดันมากปรากฏตัวขึ้นมาอีกคนแล้ว ดังนั้นเขาจะรออีกไม่ได้ เขาต้องคว้าเวลานี้เอาไว้ หลังคนพวกนั้น และก่อนหน้าพวกคุณชายเจ็ด
แต่ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจที่ใจอ่อนไปชั่วขณะพาเซียวหยงมาด้วย เขารู้สึกว่าเซียวหยงจะทำให้เขาเสียเรื่อง
"พี่ชาย รออีกสักพักได้ไหม? เมื่อครู่วิ่งจนเหนื่อยเกินไป ตอนนี้ข้ายังไม่หายเหนื่อยเลย" ความจริงแล้วเซียวหยงรู้สึกชอบเซียววั่งเล็กน้อยอยู่ ถึงอย่างไรก็เติบโตมาด้วยกัน เซียววั่งก็แสดงความรู้สึกเสน่ห์หาเช่นนั้นออกมาตลอด เมื่อก่อนสิ่งที่นางเห็นและรับรู้ เซียววั่งถือได้ว่าเก่งกาจมากแล้ว
ตอนนี้ถึงแม้นางจะไม่ชอบ แต่ว่าสามารถจับจุดที่ว่าเขาชอบตนเอง เซียวหยงมีความรู้สึกว่ามีหน้ามีตาอย่างหนึ่ง และบางครั้งยังสามารถหลอกใช้เขาทำอะไรบางอย่างได้ ดังนั้นต่อหน้าเซียววั่งเซียวหยงยังคงรักษาความสนิทสนมแบบตอนที่อยู่ในบ้านเหมือนแต่ก่อนแบบนั้น เพียงแต่ไม่กล้าให้คนในบ้านรู้ บอกว่าน้องสาวออกมาด้วยแต่พลัดหลงกัน ความจริงเป็นข้ออ้างเท่านั้น ตอนนี้น้องสาวโง่เง่าคนนั้นของนางกำลังช่วยนางปกปิดเรื่องที่นางออกมาอยู่ที่บ้านต่างหาก
เซียววั่งกวาดตามองมาทางด้านโหลชีครู่หนึ่ง มองเห็นชายชุดดำที่เงียบขรึมคนนั้นกำลังใช้มือเช็ดสิ่งสกปรกเล็กน้อยที่อยู่ข้างริมฝีปากของคุณชายเจ็ดเข้าพอดี เขาตะลึงงันไปในทันที ทำให้ลืมตอบคำถามของเซียวหยง
เซียวหรงมองตามสายตาของเขาไป กลับเห็นโหลชีปั้นหน้าทะเล้นต่อชายหนุ่มคนนั้นพอดี ในใจของนางมีความรู้สึกแปลกประหลาดผุดขึ้นมาในทันที จากนั้นความโกรธก็ปะทุขึ้นมา
ไอ้คุณชายเจ็ดหน้าด้านไร้ยางอายที่สมควรตายนั่น! เขากล้ายั่วยวนคุณชายท่านนั่น!
เซียวหยงมีความรู้สึกแบบนี้ ความจริงเฉินซ่าก็มีเช่นกัน
นอกจากเฉิงสิบ โหลชีแล้วก็จิ้งจอกม่วงแล้ว คนอื่นๆไม่ได้หิว ดังนั้นกวางน้ำตัวนั้นคนที่กินก็แทบจะมีแค่พวกเขาสองคนกับจิ้งจอกหนึ่งตัวเท่านั้น
เมื่อครู่เยว่เอาแต่เตือนให้โหลชีระวังเรื่องกิริยามารยาท โหลชีกลอกตาใส่เขาครู่หนึ่ง คว้าเนื้อชิ้นใหญ่ขึ้นมาแล้วมากัดลงไปอย่างแรงคำหนึ่ง ยังใช้ปากดึงฉีกคำหนึ่ง ข้างริมฝีปากก็เลยมีขี้เถ้าฝืนจากการย่างเนื้อติดอยู่เล็กน้อย
เฉินซ่านั่งอยู่ตรงข้ามแนวทแยงกับนาง เดิมทีไม่อยากจะสนใจนาง แต่เห็นนางดูเหมือนจะไม่รู้สึกตัว สิ่งสกปรกที่อยู่ข้างริมฝีปากติดอยู่ตรงนั้นตลอด สุดท้ายก็อดที่จะเอื้อมมือออกไปไม่ได้ ใช้ปลายนิ้วเช็ดมันออกให้นาง
โหลชีเงยหน้าก็ทำหน้าทะเล้นใส่เขา "ข้าคิดว่าท่านจะงอนต่อไปเสียอีก กินไหม?"
ปากของนางมีมันติดอยู่เต็มไปหมด มันๆวาวๆ แต่ดวงตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มของนางกลับสดใสมากยิ่งขึ้น เฉินซ่าก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังยั่วยวนตนเองอยู่ ไม่ได้เจอกันนานขนาดนั้น เขายังไม่ได้จูบนางเลยสักครั้ง
แต่คำพูดของนางก่อนหน้านี้ ความไม่แยแสตอนที่พูดมันยังตราตรึงอยู่ในหัวของเขาอย่างชัดเจน มันทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เขายืนขึ้นมาในทันที เดินก้าวใหญ่ไปอีกด้านหนึ่ง ไม่ไปมองนาง ไม่มอง
โหลชีตะลึงงันไปในทันที แม่งเอ้ย ที่แท้ก็ยังงอนอยู่จริงๆ
"กินอิ่มแล้วก็ไปเอาใจนายท่านหน่อย" เยว่ลดเสียงลงมาแล้วพูดกับนาง
"ใต้เท้าองครักษ์เยว่เป็นถึงหนึ่งในสี่องครักษ์ส่วนตัว ทำไมไม่ไปเอาใจล่ะ?" โหลชีกลอกตา
ผู้ชายยุ่งยากน่ารำคาญจริงๆ ผู้ชายที่ดื้อรั้นแล้วยังเผด็จการยิ่งยุ่งยากน่ารำคาญ ผู้ชายที่ดื้อรั้นเผด็จการแล้วก็น่าเบื่อแถมยังขี้หึงยุ่งยากน่ารำคาญที่สุด!
นางเหลือบมองไปยังกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่วิ่งเข้าไปในทุ่งดอกไม้นั่น อาจเป็นเพราะมีบทเรียนจากกลุ่มคนข้างหน้าแล้ว คนกลุ่มนี้ระมัดระวังอย่างมาก ก่อนจะถึงมีคนโรยยา มีคนใช้อาวุธเปิดทาง คนที่ถูกกัดน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด ข้ามกันไปอย่างรวดเร็วมาก
แต่โหลชีก็ยังรู้สึกว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เพราะอะไรกิ้งก่าที่กลายพันธุ์พวกนั้นถึงได้อยู่บนดอกไม้ขนาดใหญ่เหล่านั้นได้ ในข้อนี้นางก็ยังคิดไม่ออก
เวลานี้ นางเห็นเซียวหยงที่กำลังเดินไปทางเฉินซ่าด้วยท่าทางนิ่มนวลสง่างาม อดที่แตะหน้าผากแล้วถอนหายใจไม่ได้
โอ้ยยย... คุณหนูห้าเซียว เจ้าจะแกว่งเท้าหาเสี้ยนก็รอให้ข้ากินเสร็จก่อนไม่ได้หรือไง?
นางมีลางสังหรณ์ การแกว่งเท้าหาเสี้ยนของคุณหนูห้าเซียว เป็นไปได้อย่างมากว่าจะขัดจังหวะมื้ออาหารของนาง!
"เฉิงสิบ รีบกิน รีบกิน" นางรีบกำชับกับเฉิงสิบคำหนึ่ง จากนั้นก็ไม่มองไปทางไหนอีก หยิบเนื้อย่างขึ้นมากินอย่างตะกละตะกลาม
กิริยามารยาทอะไร ไปตายซะให้หมด เจ้าลองหิวมาสี่ห้าวันแล้วกินไปแค่ผลไม้รสเปรี้ยวฝาดไปไม่กี่ผลเคี้ยวใบม้ารสขมฝาดไปไม่กี่ใบดู!
เซียวหยงเห็นเฉินซ่าเดินผละออกจากโหลชีไปอีกด้านหนึ่ง รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที บอกเสี่ยววั่งว่าให้รอสักครู่ จากนั้นก็เดินไปทางเฉินซ่า
ตอนที่อยู่ห่างจากเขาสิบก้าวนางยังหยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชะลอความเร็วลงมา ปรับการแสดงออกทางสีหน้าเล็กน้อย และท่วงท่าในการเดิน ถึงได้เดินบิดเอวเล็กไปทางเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ