เบื้องล่างทะเลสาบลืมทุกข์ต้องมีอันตรายนานัปการแน่ จากสีหน้านางมัจฉาทั้งสามก็รู้ได้ แต่ด้วยการแทรกเรื่องขบขันของโหลชี บรรยากาศตึงเครียดตุ้มๆ ต่อมๆ จึงหายไปพลัน
นอกจากสีหน้าจนใจขององครักษ์เยว่แล้ว ทุกคนก็ลงน้ำด้วยมุมปากที่อมยิ้ม รวมไปถึงเฉินซ่าด้วย
ทุกคนลืมศพนับร้อยไปเสียสนิท แต่ถึงอย่างไรก็ไม่รู้ว่าลอยไปถึงไหนแล้ว ที่พวกเขาต้องระวังกลับเป็นนางมัจฉาที่นำทางต่างหาก
ครั้นพวกนางลงน้ำก็ประหนึ่งมัจฉาน้อยที่พลิ้วไหว ขณะแหวกว่ายร่างกายเคลื่อนไหวงดงาม ท่วงท่าองศาเล็กแต่กลับเร็ว ช่างน่าถอดถอนใจชมเชยนัก แต่เมื่อคิดว่าพวกนางทั้งสิบแปดสังหารคนนับร้อยในน้ำแล้ว หัวใจพวกเขาก็ชาขึ้นมา น้ำเป็นถิ่นของพวกนาง และนี่ก็เป็นที่ที่พวกนางคุ้นเคย ดังนั้นพวกเขาต้องระวังแล้วระวังอีก
น้ำทะเลสาบใสกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก มองเห็นความสูง หลังจากลงน้ำแล้วนางมัจฉาก็ว่ายอยู่ข้างหน้า ว่ายไประยะหนึ่งก็ทำท่ามือให้กัน แต่ไม่ได้ทำลับสายตาพวกเขา
โหลชีว่ายอยู่ข้างเฉิงสิบ จับมือเขา ว่ายน้ำพลางเขียนอักษรนิดหน่อยบนฝ่ามือ เฉิงสิบพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจ จากนั้นนางก็ว่ายไปอยู่ข้างโหลวซิ่นอีก เขียนอักษรในมือเขาเช่นกัน โหลวซิ่นพยักหน้าด้วย
พวกเขาลงน้ำกันแค่หกคน เฉิงสิบกับโหลวซิ่นแยกไปว่ายอยู่ข้างองครักษ์เยว่กับองครักษ์อีกนามหนึ่ง องครักษ์นามนี้เฉิงสิบกับโหลวซิ่นย่อมรู้จัก เพราะพวกเขาเคยอยู่ร่วมกันมา ล้วนเป็นองครักษ์ยอดหัวกะทิของตำหนักจิ่วเซียว ขณะที่โหลชีเพิ่งว่ายกลับมาอยู่ข้างเฉินซ่า เขาก็จับมือนางแล้วบีบแรงๆ โหลชีรู้สาเหตุที่เขาทำเช่นนี้ แต่กลับทำเป็นไม่รู้
ไม่ใช่ว่าไม่พอใจที่นางเพิ่งไปจับมือเฉิงสิบกับโหลวซิ่นหรอกหรือ? แต่นางอยู่ในน้ำนี่ ทำอย่างไรได้? พูดไม่ได้สักหน่อย
เบื้องล่างทะเลสาบลืมทุกข์นี้มีฟ้าดินอีกแห่งจริงๆ ลักษณะพื้นที่ก้นทะเลสาบสูงๆ ต่ำๆ แล้วยังมีโขดหินใต้น้ำอยู่บ้าง บางครั้งก็ว่ายผ่านร่องหินไป
พวกเขาจะลอยขึ้นมาหายใจที่จุดน้ำตื้นได้ทันเวลา ว่ายมาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกอ่อนล้าอยู่บ้าง การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังที่เผาผลาญพลังงานมาก และการแช่อยู่ในน้ำนานยังทำให้รู้สึกไม่สบายอีก เสียแต่ที่นี่ไม่มีเรือ ดังนั้นจึงได้แต่ว่ายน้ำจากฝั่งไปยังสถานที่เป้าหมาย
ใต้ทะเลสาบมีปลามากมาย แล้วยังมีปลาแก้วหิมะที่โหลชีจับในหุบเขาลึกลับตอนเพิ่งมาถึงโลกนี้ใหม่ๆ และปลาแก้วหิมะของที่นี่ก็ใหญ่กว่าปลาแก้วหิมะทางหุบเขาลึกลับมากด้วย
ว่ายอีกระยะหนึ่ง นางมัจฉาด้านหน้าก็ชี้ขึ้นข้างบน เป็นการบอกให้ขึ้นไปหายใจ ทุกคนเหยียบอิฐที่พื้นน้ำทันที ครั้นขึ้นมาถึงผิวน้ำทุกคนก็หายใจกระหืดกระหอบ เหนื่อยอ่อนประมาณหนึ่ง เยว่รูดน้ำบนใบหน้าแล้วถามนางมัจฉา "อีกไกลไหม?"
นางมัจฉานางนั้นเอ่ย "ก็ไม่ไกลมาก แต่ก็อยู่ที่ความเร็วของพวกท่าน จะเพิ่มความเร็วอีกไหม?"
"พวกเจ้ายังว่ายได้เร็วกว่านี้อีกหรือ?" เมื่อทุกคนได้ยินแล้วก็ตกตะลึง ความเร็วของพวกเขาเมื่อครู่ก็ไม่ถือว่าช้าแล้ว แถมยังว่ายมาเกือบครึ่งชั่วยาม เรี่ยวแรงถดถอย ตอนนี้พวกนางยังบอกว่าเพิ่งความเร็วได้อีก?
นางมัจฉานางนั้นเอ่ย "พวกเราได้ แต่อยู่ที่พวกท่านจะเพิ่มความเร็วหรือไม่เท่านั้น หากเร็วขึ้น ว่ายอีกหนึ่งเค่อก็ถึงแล้ว"
ในบรรดาพวกเขาโหลวซิ่นกับองครักษ์เว่ยส่านว่ายน้ำได้แย่ที่สุด โหลวซิ่นตามเยว่ เว่ยส่านคู่กับเฉิงสิบ
เยว่มองทางเฉินซ่า รอการตัดสินใจของเขา
"เพิ่มความเร็วแล้วกัน" เฉินซ่าเอ่ย เมื่อคืนก็ช้าไปคืนหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเซียววั่งหาสถานที่พบลูกนิลดำแล้วหรือยัง หากพวกเขาได้ไปก็ต้องรีบไล่ตาม ถือจะเอาลูกนิลดำมาไม่ได้ พวกเขาก็ต้องรีบออกไปก่อนที่จะถูกเปิดเผยร่องรอย
"ได้" นางมัจฉานางนั้นรับคำ แล้วมุดลงน้ำไปพร้อมกับนางมัจฉาอีกสองคน
"ตามไป ระวังด้วย" เฉินซ่าพูดจบก็พาโหลชีลงน้ำไปอีกครั้ง
ครั้งนี้นางมัจฉาทั้งสามว่ายนำอยู่ด้านหน้าเร็วมากจริงๆ ไม่นานพวกเขาก็แทบไม่เห็นร่องรอยสองคนแล้ว
ทีแรกโหลชีคาดเดาว่าสามคนนี้ต้องการหนี ตอนนี้ก็เห็นท่าทางพวกนางจะเหมือนหนีจริง แต่ขณะที่นางส่งสัญญาณมือให้เฉิงสิบกับโหลวซิ่น ให้พวกเขาเตรียมแยกกันว่ายไปล้อมสามคนนั้น ทันใดนั้น ไม่รู้จากที่ใดก็ปลาสีเทาเขียวฝูงหนึ่งก็มุดออกมาทันที ฝูงใหญ่แน่นขนัดเข้าล้อมพวกเขา
บุ๋มๆๆ!
เยว่เหมือนจะจำปลาชนิดนี้ได้ พริบตาเดียวก็เบิกตาโพลง ลืมว่าเตือนให้ทุกคนรีบหนี
"ปลากิน...บุ๋มๆๆ..."
ฟองอากาศออกมาจากปากเขา แม้คำพูดเขาจะไม่สมบูรณ์ อยู่ในน้ำเสียงก็เบาจนไม่ได้ยิน แต่โหลชีเข้าใจว่าเขาพูดอะไรแล้ว
ปลากินคน!
เชี่ย! ปลากินคนฝูงใหญ่ขนาดนี้!
นางเคยเห็นปลากินคนในป่าฝนเขตร้อนเหมือนกัน แต่แค่ไม่กี่ตัว ไม่ก่อเป็นภัยคุกคามกับนางสักนิด แต่นางรู้ความน่าเกรงขามของปลากินคน เพื่อนร่วมงานของนางคนหนึ่งเคยพบปลากินคนตอนปฏิบัติภารกิจ เขาเคยบรรยายโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นกับนาง เขาหนีสุดชีวิต แต่เพื่อนในทีมที่ร่วมเดินทางมาด้วยคนหนึ่งหนีไม่รอด ถูกปลากินคนฝูงใหญ่รุมทึ้งจนเหลือแต่โครงกระดูกในพริบตา
หากเจอปลากินคนตัวเล็กตัวหนึ่ง อย่างมากก็แค่ถูกกัดนิดหน่อย รีบหนีก็ไม่ตาย แต่ถ้าเป็นปลากินคนฝูงใหญ่เข้าล้อมบุกเล่า? แค่กัดไปตัวละคำก็เหลือแต่โครงกระดูกแล้ว!
เวลานี้ปลากินคนแน่นขนัดฝูงใหญ่ว่ายมาตรงหน้าพวกเขา นี่นับไม่ได้เลยว่ากี่ตัว แต่ต้องไม่น้อยกว่าห้าร้อยแน่!
หากถูกปลากินคนห้าร้อยตัวเข้าล้อมบุก จะเด็ดสะระตี่เพียงใด...
คงไม่เหลือเวลาให้รู้สึก ก็ถูกแทะจนเกลี้ยงในชั่วแวบเดียวแล้ว!
"หนี!"
บุ๋มๆๆ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ