ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 279

เซียววั่งไม่คิดเลยว่าจะมาเจอคนพวกนี้ที่นี่

พวกเยว่เองก็คิดไม่ถึงว่า คนที่โผล่เหนือน้ำมิใช่ฝ่าบาทและพระสนม แต่เป็นเซียววั่งกับองครักษ์ที่เขาพามาหลายคน

พริบตานั้นทั้งสองฝ่ายไม่พูดอะไร แต่ลอบระแวดระวังมากขึ้น ไม่มีใครรวมเซียววั่งเข้าไปด้วย แค่มองก็รู้ว่าวิทยายุทธ์ของเขาเป็นระดับกลางปลาย สำหรับพวกเขาแล้วไม่น่ากลัวอะไร

ในสายตาเยว่ วิทยายุทธ์ขององครักษ์ทั้งแปดคนนี่เทียบชั้นได้กับพวกเฉิงสิบโหลวซิ่นเว่ยส่าน ตัวเขาเองเหนือชั้นกว่าเล็กน้อย แต่ต่อให้เขาสู้แบบหนึ่งต่อสอง พวกเฉิงสิบสามคนเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง อีกฝ่ายยังมีคนมากกว่าพวกเขาสามคน นี่ยังไม่รวมเซียววั่งอีก

จะชนะคงทำได้ไม่ง่ายนัก

ตอนนี้เองอีกฝ่ายก็ทำการประเมินผลลัพธ์ของความเป็นไปได้รวมถึงฝีมือของทั้งสองฝ่ายเสร็จแล้วเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าสีหน้าพวกเขาดูผ่อนคลายลงไม่น้อย

องครักษ์ที่เป็นหัวหน้าพูดเสียงต่ำอะไรสักอย่างกับเซียววั่ง สีหน้าเซียววั่งดูผ่อนคลายลง และยังโบกมือทักทายพวกเขาก่อนอีก

"เหตุใดทุกท่านมาอยู่ที่นี่ได้? ไม่ได้ออกไปกับคนอื่น กลับเมืองนั่วรารึ?"

เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าคนอื่นเกิดอะไรขึ้น ท่าทางราวกับคิดว่าทุกคนจากไปอย่างราบรื่นปลอดภัยแล้ว

"คุณชายเซียวเหตุใดยังไม่จากไปเล่า?" เยว่แสร้งทำตาม

เวลานี้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ทุกคนยังแช่อยู่ในทะเลสาบ จะพูดอะไรมันก็เป็นข้ออ้างที่เห็นได้ชัดทั้งนั้น เซียววั่งปาดน้ำที่หน้าพลางว่า "อันที่จริงคือข้าได้ยินว่าในทะเลสาบนี้มีโคลนชนิดหนึ่ง หากเอาไปประกอบตอนสร้างอาวุธจะทำให้อาวุธมีความคมใช้ได้ทนทานขึ้น"

เป็นข้ออ้างที่ดีจริงๆ

โหลวซิ่นพูดอย่างจริงจังว่า "งั้นรึ? พวกข้าได้ยินมาว่าในทะเลสาบนี้มีปลากินคน มิเคยพบเห็นมาก่อน เลยอยากมาดูสักหน่อย"

"ปลากินคน?" เซียววั่งอึ้งเล็กน้อย "มีปลากินคนจริงรึ?"

ระหว่างพูด สองฝ่ายพากันประเมินในใจ ว่าจะฆ่าอีกฝ่ายปิดปากดีหรือไม่? ทั้งสองฝ่ายต่างมิอยากให้อีกฝ่ายรูปเหตุผลที่ตนมาอยู่ในทะเลสาบนี่ หากข่าวแพร่ออกไปจะเสียเรื่องได้

"ใช่ไง มีจริงๆ" โหลวซิ่นบอก

เซียววั่งส่ายหัวบอก "ดูท่าพวกเราจะโชคดี ไม่ได้เจอเลย จริงสิ คุณชายเจ็ดกับ...นายท่านท่านนั้นเล่า?"

เขาเพียงได้ยินเยว่เรียกเฉินซ่าว่านายท่าน ดังนั้นจึงไม่รู้จะเรียกยังไงดี แต่คนนั้นให้ความรู้สึกอันตรายที่สุดกับเขา องครักษ์แต่ละคนข้างกายเขาก็บอกว่า พวกเขาอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นั้นทั้งหมดเลย เพราะเขาดูไม่ออกถึงวิทยายุทธ์ของคนผู้นั้นว่าสูงต่ำยังไง

ปกติแล้วแต่มีผู้ที่มีวิทยายุทธ์สูงกว่าตนเท่านั้น จึงจะมองไม่ออก

และวิทยายุทธ์ของโหลชีสูงกว่าพวกเขา แต่เพราะนางชอบแสดงท่าทีไม่ยี่หระอะไร จึงโดนพวกเขามองว่าอาจจะพอๆกับพวกตน หรือไม่ก็เหนือกว่าเล็กน้อย

ดังนั้นต่อให้พวกเขาอยากฆ่าคนปิดปาก แต่ก็ต้องแน่ใจก่อนว่าคนผู้นั้นและคุณชายเจ็ดอยู่แถวนี้หรือไม่

โหลวซิ่นหัวเราะบอก "นายท่านทั้งสองไปจับปลากินคนเล่นในทะเลสาบอยู่น่ะสิ บางทีอีกเดี๋ยวคงจะขึ้นมาแล้ว มิแน่ว่าอาจจะจับกลับมาสักตัวสองตัวให้พวกเจ้าได้เปิดหูเปิดตาก็ได้"

เยว่เห็นโหลวซิ่นพูดจาด้วยสีหน้าทะเล้น ก็รู้สึกได้อีกครั้งว่าอดีตลูกน้องทั้งสองได้รับผลกระทบจากโหลชีมากเกินไป น้ำเสียงและคำพูดเหล่านี้มันออกจะแทงใจดำไปหน่อย และยังทำให้คนแยกแยะจริงเท็จไม่ออกด้วย

ที่จริงใจเขาตึงเครียด ไม่เคยเป็นห่วงโหลชีเท่าครั้งนี้มาก่อน เมื่อก่อนเขาจะเป็นห่วงฝ่าบาทที่สุด และจึงจะเป็นห่วงโหลชีต่อจากนั้น แต่ตอนนี้ความเป็นห่วงต่อพวกเขาทั้งสองแทบจะเท่ากันเลยทีเดียว

เหมือนที่พวกเยว่ไม่เชื่อคำพูดเซียววั่ง เซียววั่งเองก็ไม่เชื่อคำพูดพวกเขาเช่นกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าโหลชีกับเฉินซ่าจะอยู่แถวนี้จริงไหม เลยลังเลอยู่สักหน่อย

เยว่และเฉิงสิบมองออกว่าอีกฝ่ายคิดจะฆ่าปิดปากพวกเขาแล้ว อันที่จริงถ้าพวกเขาอยู่ในสภาพปกติไม่แน่ว่าจะไม่สู้ เพียงแต่พวกเขาว่ายน้ำมานานขนาดนั้น ยังเจอกับปลากินคนอีก เรี่ยวแรงหายเกือบหมดแล้ว ตอนนี้อ่อนปวกเปียกไปทั่วร่าง อีกฝ่ายกลับไม่ได้ดูเหน็ดเหนื่อยเท่าไหร่ หากสู้กันขึ้นมาพวกเขาไม่มีโอกาสชนะเลย

ดังนั้นเขาจึงคิดหาทางถ่วงเวลา อย่างน้อยรอจนพวกเขาฟื้นฟูกำลังขึ้นมาหน่อย จะสู้จนตัวตายก็ไม่ยอมให้นายท่านและพระสนมขายหน้า ต่อให้เอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ จะตายไปด้วยกันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

เพียงแต่อีกฝ่ายมิใช่คนโง่ ท่าทางเหน็ดเหนื่อยกะปรกกะเปลี้ยของพวกเขาสี่คน มองแวบเดียวก็มองออกแล้ว

"คุณชายเซียว สองคนนั้นต้องไม่อยู่แน่ เวลานี้เป็นเวลาที่ดีที่สุด หากช้านานไปกลัวจะมีการเปลี่ยนแปลง" ผู้ชายที่เห็นได้ชัดว่าเป็นหัวหน้าองครักษ์พูดเสียงต่ำข้างหูเซียววั่ง

เซียววั่งผุดแววฆ่าขึ้นในใจ เขาต้องได้ดิบได้ดี จะอยู่เหนือกว่าใครๆ จะให้เซียวหั่วคุกเข่าต่อหน้าและยอมรับว่าเขาสู้ตนไม่ได้ และยังจะให้เซียวหยงร้องไห้อ้อนวอนขอให้เขาแต่งงานกับนาง ตอนนี้องค์หญิงใหญ่วางโอกาสไว้หน้าตนแล้ว หากถูกคนพวกนี้ทำพังไป ชาตินี้เขาคงไม่มีโอกาสอีกแล้วแน่!

"ลงมือ"

คำสองคำสั้นๆออกจากปาก เขาหยิบกระบี่อ่อนที่พันเอวออกมา และดำลงน้ำไป

การดำน้ำของเซียววั่งดีมาก บางครั้งเขายังคิด ไม่รู้ว่าองค์หญิงให้เขาทำเรื่องนี้เพราะสืบมาว่าเขาดำน้ำได้เก่งมาก หรือมาติดต่อเขาแล้วจึงพบว่าเขาดำน้ำเก่งมาก?

พอเซียววั่งดำน้ำลงไป เยว่ก็รู้ว่าพวกเขาจะลงมือแล้ว รีบทำสัญญาณมือง่ายๆออกมา พวกเฉิงสิบโหลวซิ่นเคยเป็นลูกน้องเขา สัญญาณมือภายในเยี่ยงนี้ล้วนดูกันเข้าใจ รีบทำท่าเตรียมรับมือศัตรู

"เฉิงสิบดำลงไป" เยว่พูดเสียงต่ำ

เซียววั่งลงน้ำเช่นกัน ต้องดำมาลอบโจมตีแน่ ตอนนี้เขาเป็นกำลังหลักในการรับมือศัตรู ลงไปไม่ได้ ส่วนอีกสามคน เฉิงสิบดำน้ำดีที่สุด ดังนั้นจึงต้องให้เขาลงไป

การต่อสู้ที่ดุเดือดนั้นคงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

"เฉิงสิบระวังตัวด้วย" โหลวซิ่นพูดอย่างไว

เฉิงสิบพยักหน้า สูดลมหายใจเข้าปอดก่อนดำลงไป เขาว่ายไปข้างหน้า และก็ได้เห็นเซียววั่งมือถือกระบี่อ่อนว่ายมาทางนี้อย่างรวดเร็ว พอเห็นความเร็วของเขา เฉิงสิบแอบตกใจ การดำน้ำของเซียววั่งไม่ด้อยไปกว่านางมัจฉาชุดดำพวกนั้นเลย!

และกระบี่ในมือเซียววั่งดูแล้วเป็นกระบี่ชั้นดี ส่วนเขาโดนจับตัวไปและโดนเผ่ามนุษย์ผีใส่กู่ก่อนหน้านี้ กระบี่ก็โดนยึดไป และไม่ได้คืนกลับมา เรี่ยวแรงหดหายบวกกับไม่มีอาวุธ และการดำน้ำสู้อีกฝ่ายไม่ได้ เหลือเพียงวิทยายุทธ์เหนือกว่าอีกฝ่าย เงื่อนไขของทั้งคู่ในตอนนี้เรียกได้ว่าพอๆกัน เฉิงสิบยังดูด้อยกว่าหน่อยด้วย

เขากัดฟัน โจมตีก่อน แขนแปรเป็นงู พุ่งเข้าหาข้อมือที่ถือกระบี่ของเซียววั่ง

ร่างเซียววั่งกลับบิดหนีไปด้านข้างรากกับปลา พริบตาเดียวก็หนีได้แล้ว เขาสะบัดข้อมือ กระบี่ในมือฟาดฟันมาที่ไหล่ของเฉิงสิบ

เฉิงสิบอยากจะหนี แต่เขาเหนื่อยมากเกินไปจริงๆ ความเร็วของร่างกายตามความเร็วของความคิดในหัวไม่ทัน กระบี่นั่นฟันเข้ามาที่ไหล่เขา และฟันเสื้อผ้าและเนื้อชั้นนอกออกไปหน่อย เลือดไหลปนลงมาในน้ำทันที

ก่อนหน้านี้ที่จวนของเขา คุณชายเจ็ดพาองครักษ์คนนี้มาช่างเกรงขามเพียงใด ทำร้ายบ่าวดูแลจวนเขาเต็มลานบ้าน หักขาข้างหนึ่งพวกเขาทิ้ง ตอนนั้นเขารู้ว่าวิทยายุทธ์ของตนมิใช่คู่ต่อสู้ของเฉิงสิบ ไม่คิดเลยว่า กระแสลมน้ำจะเปลี่ยนทิศทางนะ ของเขานี่ฟ้าดินคนประจวบเหมาะ เรี่ยวแรงพอ อาวุธดี ดำน้ำเก่ง แต่อีกฝ่ายกลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง! ทำให้เขามีโอกาสที่จะชนะได้!

แววตาเซียววั่งฉายแววอาฆาต เขาจะฆ่าองครักษ์คนนี้!

กระบี่อ่อนในมือสะบัดขึ้นมา และพุ่งแทงไปที่บาดแผลของเฉิงสิบราวกับปลาไหลสีขาวเงินตัวหนึ่ง ถึงวิทยายุทธ์เขาจะไม่เท่าไหร่ แต่หัวดีคล่องแคล่ว รู้ว่าถึงเฉิงสิบจะเหนื่อย แต่ยังไงวิทยายุทธ์ดีมาก เขาจะเอาชนะ ต้องใช้วิธีการสักหน่อย อย่างเช่นตอนนี้ ทุกกระบวนท่าทุกกระบี่ล้วนพุ่งเป้าไปที่บาดแผลอีกฝ่ายทั้งสิ้น

เฉิงสิบกัดฟันกรอด เขาไม่เชื่อว่าตนจะสู้หมอนี่ที่น่าดูถูกไม่ได้ พยายามฝืนดึงกำลังภายในออกมา กวาดเท้าไปที่เอวอีกฝ่าย

ในน้ำไม่มีเสียง เซียววั่งโดนเท้านี้เข้าไปกลั้นหายใจต่อไม่ได้ ปากพ่นฟองอากาศออกมา เฉิงสิบรีบตามทันที กำหมัดชกเข้าไปที่หัวเจา

ในน้ำกำลังสู้กันสุดชีวิต บนผิวน้ำก็เป็นการต่อสู้อันดุเดือดเช่นกัน

พออีกฝ่ายลงมือ เยว่ขมวดคิ้วมุ่น พวกเขาไม่ได้เดาผิด องครักษ์พวกนี้เป็นของราชวงศ์เป่ยชาง ไม่มีทางเป็นคนในยุทธภพ ไม่มีทางเป็นองครักษ์ธรรมดา

พวกเขาเข้าขากันเหมาะเจาะ ทุกการโจมตีล้วนมีการวางแผนไว้ ก่อนหน้านี้หลายคนนี้ยังดูรู้ใจกันดี นี่ไม่มีทางพึ่งมาเจอกันแน่ แต่ต้องฝึกฝนด้วยกันมาเป็นเวลานาน

"ราชวงศ์เป่ยชาง ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นขององค์ชายหรือองค์หญิงคนไหน ข้าจำพวกเจ้าได้"

ตัวหัวหน้าเงยหน้ายิ้มรับ จากนั้นพูดเสียงขรึมว่า "งั้นเจ้าต้องมีชีวิตรอดสิ!"

"ลองดูสิว่าข้าจะรอดได้หรือไม่!" เยว่ตบสองฝ่ามือลงน้ำ อาศัยแรงที่กระเพื่อมเหนือน้ำมาหลบหลีกอีกฝ่าย และเปลี่ยนทิศไปยังสองคนที่เตรียมจะโจมตีพวกโหลวซิ่น

ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะเปลี่ยนเป้าหมายโจมตีกลางคันอย่างนี้ องครักษ์สองคนนั่นโดนเขาซัดฝ่ามือใส่เต็มๆ มีคนหนึ่งกระอักเลือด อีกคนล้มลงในน้ำ โหลวซิ่นเห็นดังนั้นมีหรือจะยอมพลาดโอกาส ชักกระบี่แทงเข้าหลังเขาทันที พริบตาเดียวแทงทะลุ

"ต่ำช้า!" หัวหน้าองครักษ์คนนั้นดวงตาปูดโปนด้วยความโกรธจัด

โหลวซิ่นชักกระบี่กลับ เหนื่อยจนหอบหายใจ แต่ยังคงหัวเราะร่าตอบกลับ "ถุย! พูดราวกับพวกเจ้าไม่ต่ำช้ากระนั้นล่ะ!"

เดิมหัวหน้าองครักษ์คนนั้นคิดว่าตนชนะขาดแน่ ไม่คิดว่าพริบตาเดียวจะตายหนึ่งบาดเจ็บหนึ่ง ในใจทั้งโกรธและตกใจ พวกเขาคิดว่าต่อให้องครักษ์พวกนี้จะแข็งแกร่งเพียงใด ก็เป็นแค่ผู้ติดตามคุณชายตระกูลสูงเท่านั้น ไม่มีทางเทียบเคียงกับฐานะองครักษ์ของราชวงศ์อย่างพวกเขาได้ ไหนเลยจะคิดว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือร้ายกาจเพียงนี้!

"พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?"

เยว่อดหัวเราะไม่ได้ "ตอนนี้พึ่งคิดได้มาถามเรื่องนี้ มิรู้ว่าช้าไปหน่อยหรือไร?"

หัวหน้าองครักษ์คนนั้กัดฟันกรอด "ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นใคร วันนี้จะต้องตายในทะเลสาบลืมทุกข์นี้แน่นอน!"

เขาพึ่งพูดจบ ในน้ำพลันมีเงาร่างสองร่างราวกับมังกรโผล่พ้นทะเลออกมา หนึ่งร่างลงมากลางอากาศ ฝ่ามือร้ายกาจไร้เทียมทานซัดลงมาที่หัวเขา พริบตาเดียวทำเขาล้มตกน้ำอย่างแรง แส้สีดำในมืออีกคนซัดใส่คนที่เหลือ โดนเข้ากับไหล่อีกฝ่ายพอดี เสื้อผ้าตรงไหล่ฉีกขาด เกิดบาดแผลฉกรรจ์ขึ้น

เสียงทุ้มขรึมดังขึ้น "ข้าจะดูสิว่า ใครจะตายในทะเลสาบลืมทุกข์นี้กัน"

พวกเยว่เงยหน้าอย่างดีใจลิงโลด พอเห็นเฉินซ่ากับโหลชีลอยลงมากลางอากาศ ก็เรียกขึ้น

"ฝ่าบาท พระสนม!"

"แม่นาง!"

โหลชีลงน้ำมายิ้มร่าใส่ "พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?"

"เฉิงสิบยังไม่ขึ้นมา!" โหลวซิ่นสีหน้าเปลี่ยนทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ