พอโหลชีได้ยินอย่างนั้นก็จะดำน้ำลงไป เยว่รีบบอก "พระสนมพักผ่อนเถิด ข้าน้อยจะไปนำเฉิงสิบกลับมา!" พูดจบ เขารีบดำน้ำลงไปทันที
"ท่านรู้สึกหรือไม่ว่า ใต้เท้าองครักษ์เยว่ดูแปลกๆไป?" โหลชีหันถามเฉินซ่า
เฉินซ่ายื่นมือจัดเส้นผมเปียกชิ้นที่ขมับนาง หัวเราะเสียงต่ำ สายตาเป็นประกาย ระยิบระยับตนทำให้โหลชีตาพร่าไปชั่วขณะ พระเจ้า ผู้ชายคนนี้ล่อลวงนางอีกแล้ว---
ทุกครั้งที่เขามีรอยยิ้มหายากแบบนี้ ประหนึ่งแสงสว่างของรุ้งเจ็ดสีที่ฉายแสงหลังน้ำค้างแข็ง ท่าทีสง่างามจนทำให้คนหลงใหลตาไม่กะพริบ
โหลชีโดนเขาช็อตจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร แต่โหลวซิ่นและเว่ยส่านที่อยากจะกำจัดศัตรูที่เหลือให้สิ้นซากกลับได้ยิน ฝ่าบาทพูดว่า นับแต่นี้เขาจะปฏิบัติต่อเจ้าเฉกเช่นข้า
ไม่นาน เยว่พยุงเฉิงสิบโผล่ขึ้นมาจากน้ำ
พอโหลชีเห็นบาดแผลที่ไหล่เฉิงสิบ สีหน้าเคร่งเครียดทันที เฉิงสิบรีบบอก "แม่นาง ข้าน้อยแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น มิเป็นกระไร"
เยว่บอก "เฉิงสิบค้นพบบางอย่าง"
ทุกคนพากันหันมองเฉิงสิบ เฉิงสิบกลับก้มหน้าอย่างละอายพลางว่า "ข้าน้อยปล่อยให้เซียววั่งหนีไปได้ ในน้ำมีแนวค่ายหิน เซียววั่งเข้าไปในแนวหินนั่น ไม่นานก็หายไป ข้าไล่ตามไปสักพัก พบว่ามันเป็นหินปะการังที่ทำจากฝีมือมนุษย์ และด้านหน้ามีถ้ำหินที่ใหญ่มากถ้ำหนึ่ง"
เยว่พูดต่อ "เซียววั่งน่าจะเข้าไปในถ้ำหินนั้น"
"งั้นพวกเจ้าเห็นใต้น้ำมีน้ำวนหรือไม่?" โหลชีรีบถามอย่างร้อนใจ
เยว่กับเฉิงสิบพากันส่ายหัว
โหลชีกัดฟัน นางมัจฉาชุดดำสามคนนั่นหลอกพวกเขา หรือว่าน้ำวนมีอยู่จริง เพียงแต่ไม่ได้พาพวกเขาไปที่นั่น?
"ชีชีดูเหมือนจะสนใจน้ำวนเป็นพิเศษ" เฉินซ่าหรี่ตามองมาที่นาง
โหลชีแอบตกใจ ถ้าเขารู้ว่าเป้าหมายที่นางหาน้ำวนคืออะไร ไม่รู้จะจับนางหักคอด้วยความโกรธหรือเปล่า
นางเผยรอยยิ้มออกมา "แค่สงสัยเท่านั้น แค่สงสัย ผิวน้ำทะเลสาบนี้เงียบสงบ ข้าไม่รู้ว่าถ้าใต้น้ำมีน้ำวนจะเป็นสภาพประหลาดยังไง ดังนั้นเลยอยากดูเท่านั้นเอง"
เขาจ้องมองนางอยู่นาน "งั้นรึ?"
"ใช่สิใช่ไง ไม่งั้นท่านคิดว่าอันใดกัน?" โหลชีคันยุบยิบในหัวใจ มักรู้สึกว่าดวงตาทุ้มลึกคู่นั้นราวกับรู้เรื่องทุกอย่าง แต่พอคิดดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้ เขาไม่รู้ว่าตนย้อนเวลามา จะมาเดาได้ยังไงว่านางอยากหาน้ำวนใต้น้ำนั่น เพื่อจะลองดูว่าจะย้อนกลับไปยุคปัจจุบันได้หรือเปล่า?
เฉินซ่าไม่ได้พูดอะไรอีก เขาจูงมือนาง "ลงไปดูกัน" ถ้าบอกว่าลูกนิลดำอยู่ในน้ำนี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องลงไปหาดูสักที เมื่อก่อนเขาคิดว่าโดนพิษกู่เข้าก็ช่าง อยู่ได้หนึ่งวันเขาก็จะพยายามหนึ่งวัน และพยายามหากระสายยา ทำเรื่องต่างๆ ฟังชะตาชีวิต แต่ตอนนี้เขาไม่อยากตาย
ถ้าเขาตายไป สตรีของเขาจะทำเยี่ยงไร?
เขาจะไม่ยอมให้นางไปยืนข้างกายชายอื่น เอนพิงอยู่ในอ้อมกอดชายอื่น ไม่ยับยั้งชั่งใจกับชายอื่นหรือได้รับความรักจากชายอื่นเป็นแน่
นางเป็นของเขา จะรักก็ให้เขารัก นางเป็นของเขาเท่านั้น
ดังนั้นเขาจะตายไม่ได้
พอดำลงไปในทะเลสาบ ก็เห็นแนวค่ายหินพวกนั้น พวกเขาว่ายตามเฉิงสิบไปจนถึงสุด และก็เห็นถ้ำหินที่ใหญ่มหึมานั่น
ถ้าจะบอกว่าเป็นถ้ำหิน สู้บอกว่าเป็นประตูหินจะถูกต้องกว่า มันเป็นถ้ำประตูที่ใหญ่มหึมาบานหนึ่ง
พวกเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเข้าไม่เข้า เพราะหลังจากเข้าไปแล้วจะมีผนังด้านบน ใครก็ไม่รู้ว่าในนั้นยาวแค่ไหน ถ้ายาวมากและยาวมาก แทบจะไม่มีหนทางออกมาหายใจได้ทันเลย เป็นไปได้อย่างมากว่าจะจมน้ำตายอยู่ในนั้น
แต่แค่ลังเลอยู่ครู่เดียว โหลชีทำสัญญาณมือให้เข้าไป มาแล้วนี่ ไม่ลองเสี่ยงดูสักครั้งจะยอมแพ้ได้ยังไง?
เพียงแต่ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ก็ต้องเพิ่มความเร็ว พยายามว่ายไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต
ทางใต้น้ำนี่ดำมาก แสงเข้ามาไม่ได้ ได้แค่อาศัยความรู้สึกพยายามว่ายไปข้างหน้าตลอด และทั้งหมดพยายามเข้าใกล้ให้มากที่สุด ไม่งั้นหากคนใดเป็นอะไรไป คนอื่นคงไม่รู้กัน
โหลชีรู้ว่าเฉินซ่าอยู่ข้างกายนางตลอด
นางว่ายไปพลางคำนวณเวลาไปด้วย น่าจะผ่านไปสี่นาทีกว่า นางยังพอไหว แต่ไม่รู้ว่าพวกโหลวซิ่นจะไหวหรือเปล่า
มาถึงตรงนี้นางถึงเริ่มเสียใจนิดหน่อย น่าจะให้พวกเขาว่ายเข้าฝั่งไปรอก็สิ้นเรื่อง แต่ตอนนี้จะถอยออกไปมันเป็นไปไม่ได้แล้ว
ดีที่พวกเขายังมีโชคอยู่บ้าง ในตอนที่พวกโหลวซิ่นจะขาดอากาศหายใจตายแล้ว เบื้องหน้าพลันมีแสงสว่างขึ้นมา มีแสงเข้ามาในน้ำแล้ว พวกเขาออกจากทางหินที่ปิดตายนั่นแล้ว
ทุกคนรีบโผล่ขึ้นผิวน้ำ
วันนี้ใช้เวลาที่ว่ายน้ำทั้งหมดในชีวิตไปหมดแล้ว ทุกคนแช่อยู่ในน้ำจนผิวซีดย่น แต่ที่หนักที่สุดคือ รู้สึกเหมือนสองแขนไม่ใช่ของตัวเองแล้ว ปวดเมื่อยมาก
"เอ๋? ฝ่าบาท พระสนม พวกท่านดูสิ!"
เว่ยส่านอุทานขึ้นอย่างสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ