ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 281

พอทุกคนเห็นทะเลสาบนั้นก็สะท้านเยือกในใจ ไม่เพื่ออะไร เพราะถึงทะเลสาบนี้ไม่เล็ก แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจคือ ใจกลางทะเลสาบนั่นมีน้ำวนหนึ่งกำลังหมุนอย่างรวดเร็ว!

"แม่นาง มีน้ำวนอยู่จริงด้วย--" เฉิงสิบหันมามองนาง

โหลชีอึ้งไป

พวกเขาพึ่งจะออกมาจากทางน้ำดำมืดนั่น ตอนนี้เท่ากับอยู่ปากทางออกของทางน้ำ น้ำใต้เท้าค่อยๆไหลเข้ามาในทะเลสาบที่อยู่พื้นที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาอยู่ห่างจากทะเลสาบไม่ถึงหนึ่งเมตร จนสามารถรู้สึกถึงน้ำในทะเลสาบที่เย็นอย่างชัดเจน เพราะยืนอยู่ตรงนี้มีไอน้ำเย็นจัดโผเข้ามา และบนทะเลสาบยังมีไอหมอกจางๆ ด้านซ้ายเป็นกำแพงภูเขาติดทะเลสาบ ไม่มีที่ยืนเลยสักนิด ด้านขวามองขึ้นไป เป็นป่ามืดทึบ

"ขึ้นไปภูเขาก่อน" เฉินซ่ารู้สึกได้ว่าโหลชีจับจ้องน้ำวนนั่นเขม็ง คิ้วที่ขมวดมุ่นอยู่ไม่เคยคลายออกเลย

ปีนขึ้นภูเขาทางด้านขวา ยืนตรงนี้สูงหน่อย โหลชีสามารถมองเห็นน้ำวนนั่นได้ชัดเจน

น้ำในทะเลสาบนี้เป็นน้ำเป็น มีน้ำจากทางน้ำนั่นพวกเขาพึ่งออกมาลงไปด้วย อีกด้านมีทางออกของน้ำอีกทาง แต่พื้นที่ไหลออกมามันต่ำยิ่งกว่าทะเลสาบอีก มองไม่เห็นสภาพตรงนั้น

น้ำวนนั่นอยู่ตรงกลางทะเลสาบ มองจากที่สูงลงไปแบบนี้ ใจกลางทะเลสาบไม่ใหญ่ น้ำไหลไม่แรง เทียบไม่ติดกับน้ำวนในยุคที่นางย้อนเวลามา อันนี้ดูแล้วสงบกว่ามาก แต่โหลชีมองดูน้ำวนนี่ ในใจรู้สึกแปลกพิกล

ความรู้สึกแปลกพิกลนี่อธิบายไม่ได้จริงๆ

แต่ตอนนี้ให้นางออกไปนางไม่ยอมไปแน่ ไม่ว่ายังไงก็ต้องลองดูสักตั้ง ดูสิว่าน้ำวนนี่มีประโยชน์พิเศษอะไรไหม

ถ้าเกิดทำให้นางกลับไปได้จริงๆล่ะ?

เดิมก็คิดจะกลับไปอยู่แล้ว แต่พอมีน้ำวนมาอยู่ตรงหน้าจริงๆ ใจนางกลับไม่ได้ตื่นเต้นร้อนใจอย่างที่คิดไว้

"คิดอะไรรึ?" เสียงเฉินซ่าดังเข้าหู โหลชีตกใจสะดุ้ง ตอนนี้นางพบว่าสิ่งที่นางไม่อยากจากไปที่สุดคือเขา ถ้านางไปจริงๆ เขาจะทำยังไง?

ถึงจะพยายามควบคุมไว้แล้ว แต่บุรุษบ้าอำนาจผู้นี้ก็ยังเข้ามาอยู่ในใจนาง และเริ่มเกี่ยวรัดหัวใจนางไว้

นางลอบถอนหายใจ ส่ายหัวบอก "แค่คิดถึงนักพรตเลวขึ้นมาน่ะ"

"ซวนหยวนคง?"

ตอนแรกที่นางพูดถึงพ่อบุญธรรมกึ่งอาจารย์กับข่งซิวและท่านจินเขาก็เก็บปัญหานี้ไว้ในใจ ได้ยินนางบอกว่า นางถูกซวนหยวนคงเลี้ยงดูสั่งสอนมาจนโต เท่ากับหลายปีมานั้นพวกเขาใช้ชีวิตกันมาสองคน แต่เขากลับไม่เคยได้ยินร่องรอยเรื่องราวอะไรที่เกี่ยวกับซวนหยวนคงเลยสักนิด ความหมายของตาเฒ่าจินคือ ซวนหยวนคงหายสาบสูญไปหลายปีแล้ว

แถมโหลชียังบอกว่าไม่อาจจะเจอเขาได้อีก หลายปีมานี้อยู่ด้วยกันมา แล้วทำไมจู่ๆจะไม่มีทางได้เจอเขาอีกเล่า?

พอคิดถึงว่านางหล่นลงมาจากฟ้าเข้าสู่อ้อมกอดตน เขาเลยคาดเดาถึงที่มาของนางอย่างเหลือเชื่อ

โหลชีไม่รู้ว่าเฉินซ่าเดาอะไรได้บ้างแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพูดถึงนักพรตเลวด้วยกัน นางพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดว่าคิดถึงนักพรตเลวเรื่องอะไร

เฉินซ่ารู้สึกแค่ว่าในใจเริ่มร้อนรน เขารั้งนางไว้ เงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนบอกว่า "ชีชี"

"หา?"

"เจ้าฟังให้ดี เจ้าเป็นของข้า ไม่มีใครสามารถแย่งเจ้าไปจากข้าได้" เขาพูดอย่างบ้าอำนาจ

โหลชีอึ้งไป อดถามไม่ได้ว่า "ถ้าข้าอยากไปเองเล่า?"

"ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ใด ข้าจะไปตามจับเจ้ากลับมา ไม่ว่าขึ้นสวรรค์หรือลงนรก" เขาพูดอย่างเย็นเยือก สีหน้าเย็นชา

นางเคยคิดจากไปจริงๆ?

เขาไม่อนุญาต

โหลชีตกตะลึง พูดน้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย "ถือสิทธิ์อะไรมาบอกว่าข้าเป็นของท่านกัน?"

"เจ้าไม่ใช่ของข้า ตกลงมาในอ้อมกอดข้าทำไมกัน?" เฉินซ่าแค่นเสียงหึ

โหลชี "..."

นางจะรู้ได้ยังไงล่ะ? ที่ไหนมีไม่ตก ดันตกลงมาในอ้อมกอดเขาพอดี แถมยังไม่กระแทกเขาจนตายด้วย ไม่รู้จะพูดอะไรด้วยจริงๆ

"นายท่าน พระสนม ไม่พบร่องรอยเซียววั่งและคนอื่นรอบบริเวณนี้เลยขอรับ" เยว่เดินเข้ามาใกล้และรายงาน ระหว่างที่พวกเขาคุยกัน คนอื่นต่างแยกย้ายไปสำรวจกันแล้ว

"พักผ่อนที่นี่ครึ่งชั่วยาม" เฉินซ่าบอก

"ขอรับ"

แช่น้ำนานขนาดนี้ ทุกคนเริ่มทนไม่ไหวกับเสื้อผ้าเปียกชื้นแล้ว ที่นี่มีโหลชีเป็นสตรีคนเดียว โชคดีที่ฝ่าบาทพานางไปอีกด้าน มีต้นไม้สิบกว่าต้นกันไว้มองไม่เห็น พวกเขาจึงก่อกองไฟผึ่งเสื้อผ้าให้แห้ง ตนเองก็ล้อมวงนั่งลงรอบกองไฟเพื่อพักผ่อน ตอนนี้ทุกคนต่างหิวไส้กิ่ว แต่ไม่พักผ่อนใครก็ไม่มีเรี่ยวแรงออกไปหาของกิน

ถึงจะสายมากแล้ว แต่วันนี้ยังสว่างมาก แสงตะวันหลังเที่ยงยังคงอบอุ่นมาก พวกเขานั่งตากแดดและผิงไฟไปด้วยกัน รู้สึกราวกับมีชีวิตอีกครั้ง

โหลวซิ่นนั่งข้างเฉิงสิบ เขยิบเข้าใกล้เขาพลางพูดเสียงต่ำว่า "นี่ เฉิงสิบ เจ้าว่าแม่นางของเราจะรับปากเป็นพระสนมหรือไม่? ใต้เท้าองครักษ์เยว่เรียกนางเยี่ยงนั้น นางยังไม่คัดค้านเลยนี่นา"

เฉิงสิบจัดเปลี่ยนด้านให้กิ่งไม้ที่พาดเสื้อผ้าเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย นิ่งเงียบอยู่

"พูดอะไรบ้างสิเจ้า!" โหลวซิ่นเป็นคนใจร้อน ผลักเขาหนึ่งที

"โหลวซิ่น" เฉิงสิบเรียกชื่อเขา

"ทำไม?"

"เจ้าไม่อยากให้แม่นางกลับไปพั่วอวี้รึ?"

โหลวซิ่นส่ายหัวบอก "ข้าต้องอยากให้แม่นางกลับไปอยู่แล้ว มิเช่นนั้นจะปล่อยให้สตรีอื่นครอบครองตำแหน่งพระสนมรึ? แค่คิดข้าก็ไม่ยอมรับหรอก"

ฝ่าบาทต้องเป็นของแม่นางพวกเขาเท่านั้น เป็นของนางเท่านั้น

"แม่นางจะไปที่ใดก็ได้ พวกเราแค่ติดตามนาง จะต่างอะไรกัน? เจ้าอย่าหาเรื่องปวดหัวเลย" เฉิงสิบส่ายหัว ไม่ว่าแม่นางจะไปที่ใด ยังไงซะเขาตัดสินใจแล้วว่าจะติดตามนางตลอดชาติ

โหลวซิ่นบ่นพึมพำ "ข้าร้อนใจแทนแม่นางไงล่ะ"

"แม่นางมีความคิดเป็นของตนเอง ต้องให้เจ้าร้อนใจแทนรึ" เฉิงสิบส่ายหัว หน่ายใจเล็กน้อยกับนิสัยใจร้อนไม่เป็นเรื่องของเขานี่

พวกเขาคิดว่ากดเสียงพูดต่ำแล้ว อันที่จริงเยว่ได้ยินเต็มสองหู เขาเอนตัวพิงต้นไม้แห้งอยู่ รอจนพวกเขาพูดจบจึงเริ่มพูดว่า "พระสนมร้ายกาจยิ่ง บางทีพวกเจ้าอาจจะคิดว่านางไปที่ใดก็ได้ หรือจะอยู่กับผู้ใดก็ได้ แต่ข้าคิดต่างไป พระสนมต้องการนายท่าน"

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นต่างอึ้งไป

เยว่พูดต่อว่า "นายท่านกับพั่วอวี้ต้องการพระสนม เรื่องนี้พวกเจ้าเองก็รู้ดี คงมิต้องพูด ที่ข้าอยากพูดคือ ตอนพวกเจ้าอยู่ด้านนอก พระสนมเป็นเยี่ยงไรกัน?"

โหลวซิ่นจับท้ายทอยแกรกๆ ตอบทันทีว่า "แม่นางของพวกเราทำได้ทุกอย่าง!"

เฉิงสิบพูดเสียงขรึมว่า "ไม่ว่าเมื่อใดแม่นางก็สุขุม นุ่มลึก เปิดเผย ร้ายกาจ!"

เลื่อมใส เจ้าสองคนนี้เลื่อมใสโหลชีเต็มหัวใจแล้ว เยว่รู้มานานแล้ว เขาถาม "งั้นพวกเจ้าคิดว่าตอนนางอยู่กับนายท่านเล่า?"

ยามแม่นางอยู่กับฝ่าบาท? สมองเฉิงสิบผุดภาพที่โหลชีอยู่ต่อหน้าฝ่าบาท บางครั้งเฉลียวฉลาดเจ้าเล่ห์ บางครั้งหน้าทะเล้น บางครั้งยังแปลงร่างเป็นลูกน้องคอยวิ่งตาม มีหลายครั้งที่นางอยู่บนหลังฝ่าบาท แนบใบหน้าลบบนไหล่เขา ตอนนั้นนางมิใช่ทำได้ทุกอย่าง ในตอนนั้นเขาถึงจะได้เห็นภาพนางกลายเป็นสตรีอ่อนโยนแน่งน้อยคนหนึ่งเท่านั้น

เฉิงสิบทำหน้าครุ่นคิด

"รู้สึกใช่หรือไม่ว่า ยามพระสนมอยู่ข้างกายนายท่านนั้นงดงามน่ารักเป็นพิเศษ?" เยว่เหล่เขาหนึ่งที "คนคนหนึ่งต่อให้เก่งกล้าสามารถเพียงใด ย่อมต้องมีเวลาเหนื่อย พระสนมเก่งกาจเพียงนี้ หากไปได้สามีที่อ่อนแอกว่า คงได้แต่เป็นเหมือนพวกเจ้าเห็นว่านางทำได้ทุกอย่าง ได้แต่เลื่อมใสเคารพ และมิมีความรักเอาใจใส่ การปกป้องคุ้มครองตามธรรมชาติอย่างที่บุรุษทำกับสตรี มิแน่ว่าอาจจะให้พระสนมคอยปกป้องคุ้มครองเขาตลอดเวลา ขอถามหน่อย ใต้หล้านี้มีบุรุษใดที่จะสามารถทำให้พระสนมนอนหลับบนหลังได้อย่างสบายใจบ้าง?"

โหลชีเก่งกาจเกินไป นางจึงได้แต่ต้องหาบุรุษที่ฝีมือและจิตใจแข็งแกร่งเพียงพอ

จำต้องพูดจริงๆว่า ใต้เท้าองครักษ์เยว่ที่เปลี่ยนทัศนคติแล้ว ทุ่มเทพยายามหลอกล่อนายบ่าวสามคนนี่กลับพั่วอวี้อย่างสุดกำลังจริงๆ

นายท่าน ข้าน้อยรับผิดชอบจัดการสองคนนี้ ทางด้านพระสนมนั่นต้องพึ่งตัวท่านเองแล้วล่ะขอรับ

....

เฉินซ่าไม่ได้ถอดเสื้อ ใช้กำลังภายในอังเสื้อผ้าแห้งไปได้แปดส่วน เขาเหล่โหลชีหนึ่งที พลางยิ้มมุมปาก พูดอย่างหยอกล้อว่า "ชีชีมีกำลังภายในแข็งกล้าเพียงนี้ หากยังใช้มิถึงหกส่วนเลย"

เขาดูออกว่าโหลชีมีกำลังภายในลึกล้ำ เพียงแต่การเดินกำลังภายในของนางยังไม่คุ้นชินนัก ต่อสู้ได้ ความสามารถในการโจมตีแข็งแกร่งนัก แต่ในด้านอื่นกลับทำอะไรมิเป็น

"งั้นท่านสอนข้าสิ" โหลชีพึ่งเริ่มใช้กำลังภายในอย่างเต็มที่แค่ตอนที่พึ่งย้อนเวลามา ไม่คุ้นชินเท่าเขาก็ไม่แปลก

"มานี่ ข้าจะช่วยเจ้า" เฉินซ่ามองนาง สายตาดำมืดพิกล

โหลชีคิดว่าเขาจะสอนตนว่าจะหัดเดินกำลังภายในผิงเสื้อผ้าให้แห้งยังไง ไม่คิดว่าพอเข้าใกล้ เขาก็ดึงนางเข้าอ้อมกอด สองมือช่วยกันดึงเสื้อผ้านางลง เผยให้เห็นผิวขาวเนียนราวหิมะ ไม่รอนางได้ตั้งตัว สองมือเขาแนบไหล่นางลงมา และยังลูบถึงปมผ้าที่พันหน้าอกนางด้านหลังไว้ ดึงเบาๆ โหลชีรู้สึกหน้าอกผ่อนคลาย ทนไม่ไหวถอนหายใจแผ่วเบา

นั่นไง รัดเอาไว้ยังไงก็ไม่สบาย ไม่รู้ว่าคนที่ใช้ผ้าหนารัดหน้าอกแน่นๆน่ะทนไหวได้ยังไง

แต่เขาทำตัวลามกอีกแล้ว นางอดไม่อยู่ถลึงตาใส่เขา ใบหน้าร้อนผ่าว

เฉินซ่าดึงผ้าหนาผืนนั้นออกมา ชั่งน้ำหนักดู เหล่นางหนึ่งที "ไม่กลัวกดทับจนแบน" ระหว่างพูดสายตาก็ไปหยุดที่หน้าอกที่คืนสภาพเดิมเพราะไม่มีพันธนาการของนาง สายตานุ่มลึก

ผ้าแพรหนานั่นซึมน้ำเข้าไป ถูกเขาถือไว้ยังมีน้ำหยดตลอด ดูแล้วทั้งหนาและหนัก ความหมายของเขาคือ เจ้านี่ทั้งหนาทั้งหนักจนจะกดทับหน้าอกนางจนแบน...

ใบหน้าโหลชีร้อนผ่าวไม่หยุด ใส่เสื้อผ้าให้ดี ผู้ชายคนนี้จู่ก็เปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ขึ้นมา นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

เฉินซ่าบิดสองมือ ผ้าหนาพับนั้นโดนบิดน้ำออกมามาก เขาเองก็หน่ายใจ นางคงไม่คิดจะใช้ทั้งหมดผืนพับหรอกนะ?

หลังจากบิดแห้งแล้วเขาดึงปมที่รัดไว้ออก กระจายผ้าพับนั้นออกมา ใหญ่เท่าผ้าปูเตียงจริงด้วย พอคิดว่าผ้านี้เคยแนบชิดติดร่างนาง ประกายตาเขาแปรเปลี่ยนนุ่มลึกอีกครั้ง เดิมคิดจะใช้ผ้าผืนนี้มาสอนนางว่าจะเดินกำลังภายในยังไง ตอนนี้เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว

เขาเอาผ้าไปกางพาดที่พงหญ้าด้านข้างให้มันแห้งเองธรรมชาติ สองมือเขาโอบเอวนาง แก้สายรัดเอวที่มีน้ำหนักของนางออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ