ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 282

น้ำหนักของสายรัดเอวหนักมากจริงๆ เมื่อก่อนก็หนักมากแล้ว ตอนนี้บวกกับแส้ปลิดวิญญาณ ยิ่งหนักขึ้นไปอีก สายรัดเอวของนางเป็นสิ่งสั่งทำพิเศษ จุดนี้เขารู้ เขาไม่เคยดูอย่างละเอียดมาก่อน เพียงแต่รู้ว่าในนั้นเย็บช่องลับมากมาย ยัดสิ่งของเต็มไปหมด

พอเอาสายรัดเอวออก เอวนางก็ผอมลงไปรอบใหญ่ มือของเขาลูบไล้บริเวณเอวนางอย่างเลื่อนลอย เอวบาง เนื้อแน่น แทบจะไม่ถึงครึ่งของเขา แขนข้างเดียวก็โอบได้หมด

สำหรับสายรัดเอวนี้ของนาง เฉินซ่าค่อนข้างพอใจ เพราะยามนางรัดสายรัดเอว ชายอื่นก็จะมองไม่ออกว่าแท้ที่จริงแล้วนางมีเอวบางแงน้อยเย้ายวนเพียงนี้

"ข้าจะสอนเจ้าว่าจะเดินกำลังภายในเยี่ยงไร ให้อังเสื้อผ้าแห้ง"

เขาพูดเสียงต่ำข้างหูนาง ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นที่หลังหูนาง ทำให้นางขนลุกซู่อ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว ไม่ได้ยินเลยสักนิดว่าเขาพูดอะไร

สองมือใหญ่ค่อยๆเคลื่อนตัวที่เอวนาง แทบจะเลื่อนไปทั่วตัวนาง ทุกจุดล้วนนำพาความอบอุ่นที่ร้อนลวกเล็กน้อย โหลชีรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะโดนย่างสุกแล้ว แต่กลับไม่เจ็บปวด เป็นความรู้สึกที่ประหลาดมาก

"ควบคุมกำลังภายในให้ดี ส่งกำลังภายในออกมาเป็นลม ต้องยาวนาน ละเอียด อันที่จริงเป็นวิธีปล่อยพลังฉับพลันชนิดหนึ่ง กำลังภายในจะทะลุทุกจุดละเอียดอ่อนของเนื้อผ้าในพริบตา และยังจะพาไอน้ำออกไปด้วย ดังนั้นจึงได้แห้ง---"

ริมฝีปากของเฉินซ่าพูดติดแนบข้างหูนาง พบว่าใบหน้าของนางงดงามผิดปกติ ร่างกายภายใต้ฝ่ามือเขาก็อ่อนยวบร้อนผ่าว แค่ลงแรงฝ่ามือไปเพียงนิด ก็กดร่างนางทั้งร่างเข้าอ้อมกอดตนได้แล้ว

วิชาลับในการเกลี้ยกล่อมเมียของเจ้าฮั่วหยูฉุนนั่นที่ได้มาจากการรวบรวมข้อมูลกับนักโทษชายทั้งหมดในคุก เท่าที่ดูตอนนี้จะมีประโยชน์อยู่บ้าง

คนบางคนกำลังโอบรัดความอ่อนโยนรัญจวนในอ้อมกอด อารมณ์ดีมาก ตัดสินใจว่าพอกลับไปแล้วจะตบรางวัลให้ฮั่วหยูฉุนหนึ่งร้อยตำลึงทอง

วิชาลับในการเกลี้ยกล่อมเมียข้อแรก: ไม่กลัวขายหน้า พูดไปตามจริง

ดังนั้นเขาจึงยอมรับว่าจนถึงวันนี้เขายังไม่รู้รสสตรีเลย

วิชาลับในการเกลี้ยกล่อมเมียข้อสอง: คว้าโอกาสให้มั่น ลามกให้ถูกเวลา

ไม่สิ ข้ากำลังสอนสนมที่รักว่าจะเดินกำลังภายในผิงเสื้อผ้าให้แห้งได้อย่างไร จะลามกเยี่ยงไรกัน?

พอก้มหน้าไปมอง ใบหน้าเขาดำมืดฉับพลัน

เขาโอบนางเลือดลมพลุ่งพล่าน แทบอยากจะกลืนกินนางลงท้อง นางกลับหลับแล้ว? นอนหลับแล้ว? หลับไปแล้ว?

ฝ่าบาท นักโทษคนนั้นที่แฝงตัวอยู่ในพั่วอวี้ของเราเปิดหอนางโลมเพื่อสืบหาข่าวคราวบอกว่า หากอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธไม่ขัดขืน แสดงว่ามีความหวัง ท่านต้องพยายามเพิ่มหน่อย สตรีต้องทนไม่ไหวและร้องขอให้ท่านรักแน่ หลังจากข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก ยังไม่ว่าง่ายกลับบ้านกับท่านโดยดี?

กลับไปต้องลงโทษหักฮั่วหยูฉุนเบี้ยเลี้ยงสามเดือน!!!

พูดจาเหลวไหลจริงๆ! คนที่ทนไม่ไหวน่ะคือเขา---

เฉินซ่ากัดฟันกรอด โอบสตรีบางนางในอ้อมกอดแน่น หน้าดำทะมึนทนรับรสชาติจุดไฟใส่ตัวเองแท้ๆ

.....

โหลชีตื่นมาด้วยความงุนงง ยังไม่ได้สติว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ไหน รอจนนางพบว่าตนเองขดอยู่ในอ้อมกอดใครบางคน แถมยังมีมือปลาหมึกวางอยู่ที่หน้าอกตนอีก สีหน้าดำทะมึนฉับพลัน

ถ้านางเป็นผู้หญิงยุคนี้ โดนผู้ชายลูบคลำไปทั่วร่างแม้จะมีเสื้อผ้าขวางกั้น คงต้องร้องไห้ร่ำร้องให้อีกฝ่ายรับผิดชอบแน่ หรือไม่งั้นก็ฆ่าตัวตายรักษาศักดิ์ศรีให้รู้แล้วรู้รอด

พอหันมาดูผ้าที่เดิมนางใช้พันหน้าอกตอนนี้กลายเป็นผ้าห่มให้ทั้งสองคนไป สีหน้ายิ่งดำทะมึนมากกว่าเดิม

เจอหน้ากันครั้งนี้นางมักรู้สึกว่าเฉินซ่าแปลกไป นางกัดฟันกรอด ถ้าเขากล้าทำเพิ่มอีกขั้น นางจะฟาดแส้ใส่เขา

อันที่จริงไม่ใช่นางดันอุตริกล้าหลับในสถานการณ์อย่างนี้ นางเหนื่อยเกินไปง่วงเกินไป ลองคิดดูสิ ตั้งแต่ติดตามพวกเฉิงสิบที่หายสาบสูญมาหลายวันจนถึงจุดรกร้างของพระตำหนักยี่อ๋อง หลายวันนี้นางได้นอนหลับพักผ่อนบ้างไหม? มีแต่สู้ๆๆ ฆ่าๆๆ หนีๆๆ ว่ายๆๆ! ไม่เหนื่อยตายก็ถือว่าร่างกายนางแข็งแรงมากพอแล้ว

แต่มือของเขายังใช้กำลังภายใน แล่นกระแสอบอุ่นไปทั่วร่าง ขับไล่ความเหนื่อยล้าของนางหายไปหลายส่วน พอร่างกายกับจิตใจผ่อนคลายลง ก็เลยหลับเป็นตายไปเลย

หลังจากโหลชีได้สติกลับมาก็ตกใจนิดหน่อย เมื่อก่อนนางอยู่กลางป่าไม่เคยหลับสนิทเลย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ไม่เจอร่องรอยเซียววั่ง นางมัจฉาชุดดำสามคนที่ทั้งเจ้าเล่ห์และหลบซ่อนเก่งไม่รู้ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แถมอยู่ในกลางป่ากลางเขาที่แปลกประหลาดแบบนี้ ทำไมนางหลับสนิทได้แบบนี้?

หรือเพราะอยู่ในอ้อมกอดเขา?

โชคดีว่าถึงจะหลับสนิทแค่ไหน ไม่ได้อยู่บนเตียงที่ตนคุ้นเคย นางก็ไม่มีทางหลับเกินครึ่งชั่วยาม พอเหลือบตามองดวงตะวัน นางเดาว่าตนคงหลับไปราวสี่สิบห้าสิบนาที แต่มีพักผ่อนไปสี่ห้าสิบนาทีนี่ นางก็รู้สึกว่ากำลังวังชาตนฟื้นคืนกลับมาแล้ว

โหลชีไม่ได้รีบลุกขึ้นทันที ทำเพียงเบนมือเขาออก และก้มหน้ามองใบหน้าเขาที่อยู่ใกล้ตนมาก ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีอยู่แล้ว นอนหลับสนิทแบบนี้ยิ่งทำให้ใจคนอ่อนยวบ

"ข้าหน้าตาดีรึ?"

ปากเขาเผยอพูด น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย

"หน้าตาดีมาก" นางเลิกคิ้ว พูดอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา

เฉินซ่าก้มหน้าต่ำหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะฟังระรื่นหูนัก

มีกลิ่นหอมของเนื้อย่างลอยมา โหลชีตบหน้าอกเขาเบาๆ "พวกเขากำลังย่างเนื้อกัน รีบไปกินเร็ว ข้าหิวจะตายแล้ว"

เขาปล่อยนางออก มองดูนางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และใส่สายรัดเอวหนักๆนั่นกลับเข้าไป

เขาลุกขึ้นมาตบเสื้อผ้าแผ่วเบา ยื่นมือไปจัดทรงผมนาง "ไป"

รอจนพวกเขาเดินมาถึงตรงนั้น กลับพบว่าที่พวกเขาย่างคือปลา และปลาพวกนั้นแต่ละตัวเล็กจนน่าสงสาร อ้วนแค่สองนิ้วคน ยาวหนึ่งนิ้วคน คนหนึ่งกินสองไม้ ดูแล้วก็แค่ไม่กี่ตัว ของแค่นี้กินคนเดียวยังไม่พอเลยจริงไหม?

โหลชีรู้สึกปวดตับขึ้นมา "พวกเจ้าอยากเล่นทำอาหารประณีตรึ?"

โหลวซิ่นหันกลับมาพูดหน้าเบ้ว่า "แม่นาง ภูเขานี้ไม่มีกระต่ายแม้สักตัว น้ำในทะเลสาบนี้ลึกมาก พวกเราจับได้แค่ปลาตัวเล็กพวกนี้จากชายฝั่งตื้น ใหญ่กว่านี้หาไม่เจอแม้แต่เงา"

อีกอย่างในทะเลสาบมีน้ำวนใหญ่ขนาดนั้น พวกเขาก็ไม่กล้าลงน้ำหรอก

"น้ำทะเลสาบนี่ไม่ใส และไม่เหมาะจะดื่มกิน"

ความหมายก็คือ ตอนนี้พวกเขามีแค่ปลาเล็กปลาน้อยพวกนี้ประทังความหิว จากนั้นไม่มีแม้แต่น้ำดื่มด้วยซ้ำ

คราวนี้ทุกคนสีหน้าเคร่งเครียด ใครก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะเจออะไร นอกจากพวกเขาจะย้อนกลับทางเดิม ปืนออกจากปากทางถ้ำนั่น

แต่ตอนนี้สถานการณ์เป็นแบบนี้ ให้ออกจากปากถ้ำนั่นคืออะไร พวกเขาไม่กล้าคิดในแง่ดีไปนัก

เฉินซ่าขมวดคิ้ว จากนั้นมองฟ้า พูดเสียงต่ำว่า "ที่นี่แปลกประหลาดนัก พวกเจ้าพบร่องรอยนกบ้างหรือไม่?"

พอเขาพูดแบบนี้ ทุกคนก็ถึงบางอ้อ เมื่อครู่รู้สึกว่าที่นี่แปลกพิกล เพราะที่นี่เป็นป่าลึก แต่กลับไม่ได้ยินเสียงนกเลยสักตัว!

ตอนนี้เป็นเวลาใกล้เย็น เดิมน่าจะเป็นเวลานกบินกลับรัง แต่ในป่ากลับเงียบจนมีแต่เสียงพวกเขา!

"แปลกประหลาดนัก---" โหลวซิ่นบ่นพึมพำ

"เรื่องนั้นไว้ก่อน ปลาตัวเล็กนี่ไม่มีพิษ ถึงจะเล็ก แต่ก็ดีกว่าไม่มี แบ่งกันกินก่อนแล้วกัน" โหลชีได้ยินเสียงท้องพวกเขาร้องตลอดเหมือนกัน

ปลาตัวเล็กเก้าตัว หกคน หนึ่งคนได้สองตัว ที่เหลือสามตัว ทุกคนพากันบังคับโหลชีกิน โหลชีกินไปหนึ่งตัว อีกสองตัว หนึ่งตัวให้เว่ยส่าน อีกตัวให้โหลวซิ่น

ทั้งสองคนกำลังจะปฏิเสธ โหลชีพูดเสียงเรียบว่า "คนอ่อนแอที่สุดกิน"

"..." ขอพื้นที่ให้หัวใจรักษาบาดแผลด้วย!

เว่ยส่านกับโหลวซิ่นน้ำตาไหลอาบแก้ม กัดกินปลาตัวเล็กใส่ปากเงียบๆ กัดกินอย่างเคียดแค้น ต่อไปพวกเขาต้องตั้งใจฝึกฝน พยายามสลัดภาพเงาของคนอ่อนแอที่สุดออก!

"ไปเถอะ" เฉินซ่าดึงโหลชีลุกขึ้น มองไปทางป่าเขียวชอุ่มของภูเขานี้ ป่านั้นอยู่ในส่วนลึก ที่นี่ก็มีทางนั้นทางเดียวที่มีทางให้เดิน ทางอื่นล้วนเป็นยอดเขาสูงทั้งนั้น

โหลชีกลับหันไปมองที่น้ำวนกลางทะเลสาบนั่น "ข้าอยากไปดูหน่อย---"

"ข้าไม่อนุญาต" เฉินซ่าไม่รอนางพูดจบก็ตัดบทคำพูดนางทันที มือที่กุมมือนางอยู่ออกแรง ดึงนางเข้าอ้อมกอด "น้ำวนมีอะไรน่าดูกัน?"

โหลชีก็ไม่รู้ว่าน้ำวนมีอะไรน่าดู ตอนกลับไปอุทยานเขาเฟิงหยุนครั้งที่สอง ในแม่น้ำก็มีน้ำวน แต่ตอนนี้นางไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดอย่างนี้ ตอนนี้มาเห็นน้ำวนนี่ นางกลับอดใจไม่ไหวไปดู

"ข้ารู้สึกแปลกพิกล ถ้าเกิดใจกลางน้ำวนนั่นมีทางออกล่ะ?" โหลชียังไม่ละความพยายาม

นางรู้สึกประหลาด เฉินซ่าเองก็มี แต่ความรู้สึกนี่คือนาง เขามักรู้สึกว่ายามดูน้ำวนนั่นท่าทางนางดูพิกล และเขารู้สึกไม่ปลอดภัยเลย มักรู้สึกว่าน้ำวนนั่นอาจจะดูดนางไป เขารู้สึกร้อนรนมาก

ดังนั้นไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เห็นด้วยให้นางไปสำรวจน้ำวนนั่น

"ไปทางนั้น" เฉินซ่าดึงดันจะไปในป่าลึกนั่น

"จริงๆนะ ในทะเลสาบมีน้ำวน ยังไงก็แปลกจริงไหม ข้าจะดำลงไปดูใกล้ๆ ข้าไม่เข้าไปในน้ำวนหรอก" ปัญหามาอยู่ตรงหน้านางแล้ว ถ้าเกิดมีโอกาสกลับไป นางจะกลับหรือไม่กลับดี?

โหลชีกัดฟัน อันที่จริงนางรู้ว่าคนปกติที่ไหนจะอยากไปสำรวจน้ำวน แต่ถ้ามันสามารถพานางกลับยุคปัจจุบันได้จริงล่ะ? ถ้ามันจะพานางกลับไปหานักพรตเลวล่ะ? นางเกิดและเติบโตมาในยุคปัจจุบัน ถึงนางจะอยู่ดีที่นี่ แต่ยุคปัจจุบันกลับเป็นโลกที่นางคุ้นชินจริงๆ เครื่องบินรถไฟเหาะรถยนต์ ปืนระเบิด อาหารเลิศรสมากมาย ยังมีพวกพ้องของนาง ยังมีหมาของนาง

เฉินซ่าดูออกถึงแววสับสนในตานาง ใจสั่นสะเทือนขึ้นมา

"เจ้าอยากไป ได้ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย" เขาดึงนางจะกลับไป โหลชีกลับสะดุ้ง ดังรั้งเขาไว้ฉับพลัน

"ท่านไม่ต้องไป ข้าไปเอง!"

เยว่ที่เห็นความรักของพวกเขาดูจะมีการพัฒนา แต่ตอนนี้กลับมาขัดแย้งกันอีก กลัวพวกเขาจะทะเลาะกันขึ้นมาอีก เลยบอก "ให้ข้าน้อยไปสำรวจแทนเถิด"

โหลชีคัดค้านทันที "ไม่ ข้าไป"

เยว่อึ้ง เฉินซ่ามองโหลชี หรือว่าน้ำวนนี่มีปัญหาจริงๆ จะพานางจากไปจริงๆ?

ในด้านนี้เฉินซ่าดูจะมีซิกเซนส์ที่เสมือนเทพ เขาหรี่ตามอง แนบร่างติดชิดนาง แนบปากติดหูนาง พูดเสียงต่ำออกไปว่า "เจ้ารู้สึกว่าครานี้จะได้ไปตกในอ้อมกอดชายอื่นรึ?"

"จะ--บังเอิญอย่างนั้นทุก---" ครั้งได้ยังไง...

โหลชีรู้สึกซวยแล้ว

ทำไมนางโดนเขาหลอกถามได้ง่ายๆล่ะ--

บรรยากาศรอบตัวเฉินซ่าเย็นลงฉับพลัน พวกเฉิงสิบสามคนถอยไปหลายก้าวอย่างทนไม่ไหว ขนาดเยว่ยังถอยเพราะทนไม่ไหวเลย และยืนมองพวกเขาอย่างตกใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ