ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 283

ถ้าเป็นคนอื่น โหลชีไม่มีทางไม่ระวังแบบนี้แน่

ในตอนนี้ที่นางตกตะลึงโกรธจนไม่รู้จะทำยังไงดี ในเวลาเดียวกันก็เป็นครั้งแรกที่นางมองดูตำแหน่งและความสำคัญของเฉินซ่าในใจนางอย่างเต็มตา

นางไม่เคยมีเวลาที่ไม่ระวังตัวแบบนี้มาก่อน หัวเรื่องแบบนี้เดิมนางคิดว่าต่อให้กินเหล้าเมาแปร๋ก็จะกัดปากแน่นไม่พูดจาซี้ซั้วแน่

บางทีอาจเป็นเพราะเขารู้ว่านางมาปรากฏตัวอย่างประหลาด และอธิบายไม่ได้แล้ว

"เฉินซ่า ข้า---"

สีหน้าเฉินซ่าราวกับฉาบไปด้วยน้ำแข็งพันปี

หัวใจทั้งดวงของเขาราวกับโดนแช่แข็ง เจ็บจนด้านชา

เขาคิดว่าวันนี้พวกเขาต่างก้าวเดินไปก้าวใหญ่แล้ว เขามั่นใจว่าหลังจากเรื่องทางนี้แล้วเสร็จ นางจะตามเขากลับพั่วอวี้ เป็นสนมของเขา

แต่ไม่คิดเลยว่า นางยังคิดจะจากไป

ไม่คิดเลยว่า ครั้งแรกที่พบหน้ากัน นางหล่นลงมาจากฟ้า เป็นเพราะเข้าไปในน้ำวน ดังนั้นนางจึงอยากลองอีกครั้ง? ลองเข้าไปในน้ำวนดู ดูว่าจะกลับไปได้หรือไม่? ถ้าหากหลุดไปที่อื่นจริงๆเล่า? ถ้าหากหลุดไปอยู่ในอ้อมกอดชายอื่นจริงๆเล่า?

นางสามารถทิ้งคนและเรื่องที่นี่ สลัดเขาทิ้งและไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อย่างง่ายดายเลยใช่หรือไม่?

ช่างโหดร้ายยิ่งนัก!

เมื่อก่อนเฉินซ่าคิดว่าตนเองเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่บัดนี้เขารู้สึกว่าคนที่เย็นชาไร้ความรู้สึกที่สุดคือนาง

เขาโบกมือ ยิ้มเศร้าว่า "เจ้าอยากไปดูจริงรึ?"

โหลชีขยับริมฝีปาก แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

"ดี ดี ดี!" เฉินซ่าสะบัดนางออกโดยแรง จากนั้นเหยียบเท้าปราดเข้าไปในน้ำวนนั่นรวดเร็วราวธนูที่หลุดจากฝัก

น้ำเสียงเขาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง "เช่นนั้น ข้าจะไปสำรวจแทนเจ้า!"

โหลชีโดนเขาสะบัดออกโดยไม่รู้ตัว นางถลาไปด้านหลังหลายก้าว โชคดีมีเฉิงสิบประคองไว้ทัน พอหันกลับมา ก็เห็นร่างเฉินซ่าพุ่งเข้าไปบนทะเลสาบนั่น ซึ่งอยู่บนน้ำวนพอดี

"เฉินซ่า! กลับมา! ท่านมันบ้าไปแล้ว!!!"

โหลชีร้องเสียงหลง แต่เฉินซ่าเหมือนไม่ได้ยิน และไปถึงที่หมายพอดี ร่างเขาหล่นลงไปในน้ำวนนั่น ปึ้งดังขึ้น เกิดน้ำกระเซ็นเสียงดัง ร่างเขาหายผลุบลงไปในน้ำวนแล้ว

"นายท่าน!"

"ฝ่าบาท!"

"คนบ้า!" โหลชีกัดริมฝีปากโดยแรง ร่างบางพุ่งออกไปอย่างรีบร้อนเช่นกัน ตามติดเข้าไปในน้ำวนทันที

น้ำวนขนาดใหญ่มหึมาราวกับปากกว้างที่น่ากลัว กลืนกินสองคนลงไป แต่กลับไม่มีผลกระทบอะไรกับมันสักนิด

คนที่เหลือร่างแข็งเย็น พูดอะไรไม่ออก

....

ตอนโหลชีเข้าสู่น้ำ ก็โดนแขนเหล็กโอบรัดเข้าอ้อมกอด จมูกนางชนเข้ากับแผงอกแข็งปั๋งเข้าอย่างจัง เจ็บจนแทบร้องไห้

แต่ในตอนนี้เองนางกลับกางแขนออกกอดเอวเขาไว้แน่น แนบร่างติดแน่นกับเขา

เฉินซ่าตกน้ำ แต่ยังสามารถต่อสู้ขัดขืนกับการไหลเวียนของน้ำวน เขาต้นแรงน้ำน้ำวน ยื่นร่างท่อนบนของตนออกจากน้ำ จับจ้องมองด้านบนเขม็ง และก็เห็นนางกระโดดตามลงมาจริงๆ

เขารับนางไว้แน่น ยกร่างนางขึ้นสูง กัดริมฝีปากแดงเรื่องของนางแน่น

น้ำวนหมุนคว้างด้วยความเร็ว ทั้งคู่กลับจูบกันดูดดื่ม

"ท่านมันบ้า คนบ้า!" โดนแรงน้ำดึงเข้าไปสู่ใจกลางน้ำวน โหลชีกัดที่ปากเขา ตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธจัด

ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าตอนนั้นนางกระโดดเข้าน้ำวนในน้ำแล้วหล่นมาในอ้อมแขนเขา ฝั่งนางน่ะน้ำวน ของเขากลับเป็นท้องฟ้า สถานการณ์แปลกประหลาดอย่างนี้เขาไม่กลัวรึ? ไม่กลัวว่ากระโดดเข้าไปแบบนี้ ตัวเขาอาจจะโดนส่งไปที่อื่น ไม่มีใต้หล้าอย่างทุกวันนี้ที่เขาต่อสู้ให้ได้มา ไม่มีลูกน้องที่จงรักภักดีคอยติดตาม หรืออาจจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายถึงชีวิตก็ได้?

ในน้ำทะเลสาบที่หมุนคว้างอย่างรวดเร็ว เขายังยิ้มมุมปากให้นางว่า "พนันครั้งนี้ พนันว่าเจ้าจะละทิ้งข้าได้หรือไม่"

ผลสุดท้ายนางมิคิดเลยสักนิดก็กระโดดตามลงมา

ความเจ็บปวดถึงขีดสุดได้รับการเยียวยาฉับพลัน เฉินซ่ารู้ว่า ตนโดนกู่ที่ชื่อว่าโหลชีแล้ว นางร้ายกาจกว่ากู่ในตัวเขาตัวนั้น พูดคำเดียวทำให้เขาอยู่ พูดคำเดียวทำให้เขาตาย

โหลชีอยากจับเขากดน้ำจริงๆ "หรือว่าท่านไม่รู้สึกว่าเพราะข้าอยากเข้าน้ำวนเลยกระโดดตามลงมาหรือไง? ท่านลองไปกระโดดหน้าผาดูสิ ดูว่าข้าจะโดดตามหรือไม่!"

เฉินซ่าโอบนางไว้มือหนึ่ง อีกมือพยายามกวาดน้ำต้านกระแสน้ำ พอได้ยินดังนั้นก็ตอบทันทีว่า "เจ้าต้องโดดตามแน่"

โหลชีหน้าดำทะมึน

นางควรจะรู้ ผู้ชายคนนี้เดิมก็มีเลือดบ้าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอยู่แล้ว เหมือนตอนที่พวกเขาพึ่งเจอกัน นางแค่บอกว่าให้เขาไปตามทางของเขา นางไปตามทางของนาง เขาก็คิดจะโยนนางออกไปเลย นางเกือบโดนผู้ชายโรคจิตนี่ฟันคอขาดแล้วน่ะ

เฉินซ่ากอดนางไว้แน่นพลางว่า "อยากจะลงไปจริงรึ? อยากลงไป ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง"

"เป็นเพื่อนข้า?" โหลชีใจกระตุก "ท่านไม่กลัวไร้ซึ่งทุกสิ่ง แล้วติดตามข้าไปยังโลกที่ท่านมิคุ้นเคยโดยสิ้นเชิงรึ? ท่านไม่กลัวว่ามันจะเป็นทางตายรึ?"

"ขอแค่มีเจ้า"

เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

มีนางก็เพียงพอแล้ว ต่อให้เป็นนรก มีนางเป็นเพื่อนก็พอแล้ว

พริบตาเดียวโหลชีน้ำตาท่วม ฮือฮือ ไม่ต้องน้ำเน่าได้ไหม นางจะรับไม่ไหว รับไม่ไหวน่ะ

"นายท่าน! พระสนม!"

"แม่นาง!"

หูได้ยินเสียงพวกเยว่กับเฉิงสิบร้องเรียก จากนั้นทั้งสี่คนก็กระโดดตามลงมาติดๆกันราวกับเกี๊ยวน้ำถูกโยนลงหม้อเลย แต่ละคนโดนดูดหมุนคว้างเข้าศูนย์กลางไปตามๆกัน

โหลชีอยากจะด่านัก แต่ละคนบ้าไปแล้ว แต่คำที่พูดออกมากลับเป็น "ใต้เท้าองครักษ์เยว่ อย่าหล่นลงมาใส่หัวข้านะ!"

.....

ตึกตักตึกตักตึกตัก

สมองโหลชีผุดความรู้สึกที่เสียใจที่สุดในชีวิตนี้ รู้สึกว่าตนกลายเป็นก้อนอึที่โดนดูดเข้าไปในชักโครก โดนดูดเข้าไปแล้ว

ไม่ ที่นี่ยังมีอีกหลายก้อน

ถุยถุย

ตอนตกลงมา ในใจนางหวั่นไหวสุดๆ ถึงจะมีน้ำหล่นตามพวกเขา ไม่เหมือนการแปลกประหลาดครั้งนั้นที่นางตกลงในทะเลแต่มาโผล่ที่ท้องฟ้าที่นี่ แต่แรงน้ำน้อยมาก ไม่เหมือนจมลงไปในน้ำเลย

ถ้านางพาพวกเฉินซ่าหลายคนนี้ย้อนเวลาล่ะก็...

"เจ้าคิดจะนอนในอ้อมกอดข้าอีกนานแค่ไหน?" น้ำเสียงกลั้วหัวเราะดังขึ้นเหนือหัว โหลชีอึ้งเล็กน้อย ถึงรู้สึกได้ว่าตนเอาเขาเป็นเบาะเนื้อรองรับ

"แม่นาง" เฉิงสิบพยุงนางลุกขึ้น เยว่จะเข้าไปพยุงเฉินซ่า เขาส่ายหัวลุกขึ้นนั่งเองและลุกขึ้น

"อยู่ที่นี่กันหมดเลย?"

สายตากวาดมองไป เฉินซ่าอดยิ้มขืนไม่ได้ หกคน ไม่ขาดไปเลยสักคน เขาไม่ได้มองคนอื่น หันมองโหลชีก่อน "ถ้าถึงถิ่นเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบพวกเราทั้งหมดแล้วล่ะ"

โหลชีที่เดิมหวาดหวั่นพอได้ยินเขาพูดคำนี้ กระโดดพรวดขึ้นมาทันที "นี่ บุรุษห้าคนอย่างพวกเจ้าน่ะยังมีหน้ามาจะให้ข้าหาเลี้ยงคนเดียวงั้นหรอ?

พวกเยว่หัวเราะร่าขึ้นมา

น้ำเสียงตกใจดังขึ้น "ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะหาที่นี่เจอได้!"

แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เยว่กับเฉิงสิบรีบหันยิงไปทางที่ออกเสียง เยว่เร็วกว่าก้าวหนึ่ง คว้าหมับสตรีคนนั้นไว้ได้

สตรีที่ปรากฏกายคือ หนึ่งในนางมัจฉาชุดดำสามคนที่หนีไป ขอเรียกนางว่านางมัจฉาคนที่หนึ่งก่อน

นางมัจฉาคนที่หนึ่งกัดริมฝีปาก นางตกตะลึงจริงๆ ดังนั้นจึงหลุดปากออกไป คราวนี้ตกอยู่ในเงื้อมมือพวกเขาอีกครั้ง นางสีหน้าซีดเผือดฉับพลัน รู้ว่าครานี้จะหนีอีกคงไม่ง่ายแล้ว

พอเห็นนาง โหลชีถอนหายใจโล่งอก แสดงชัดว่าใต้น้ำวนนี้มีกลไก ไม่ใช่พวกเขาย้อนเวลาละ นางยังกังวลจริงๆว่าจะพาพวกเขาทั้งหมดย้อนเวลา และถ้าเกิดไม่ได้ย้อนกลับไปโลกเดิมของนาง คราวนี้คงได้ตายแน่

นางมัจฉาคนที่หนึ่งถูกจับ พวกเขาถึงได้เริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมที่อยู่ตอนนี้ พอดู ทั้งหมดอดตกตะลึงไม่ได้

พวกเขาอยู่ในห้องหินใต้ดิน! เมื่อครู่ที่พัดพวกเขาเข้ามาคือทางน้ำทางหนึ่งในมุมกำแพงขวา มีสายน้ำอีกสายยังไหลลงมา ไหลเข้ามาในคูน้ำที่ขุดไว้ด้านล่าง คูน้ำเชื่อมต่อถึงทางออกอีกด้านของกำแพงและไหลออกไป

และกำแพงสี่ด้านของห้องใต้ดินนี้ล้วนสลักภาพวาดหินขนาดใหญ่ไว้ด้วย เพียงแต่อาจเพราะอยู่ใต้ทะเลสาบนานเกินไป มีแรงกดทับ และความชื้นสูงมากเกินไป ดังนั้นกำแพงหินเลยมีรอยแตก ในรอยแตกยังมีมอส ดังนั้นเลยดูเทาเขียว มีความรู้สึกทะมึนนิดหน่อย

ทั้งหมดเริ่มสงสัยในตัวคนที่สร้างพระราชวังใต้ดินนี้ขึ้นมา สถานที่ใหญ่ขนาดนี้ ตั้งแต่ทางเข้าที่เขตรกร้างของเมืองนั่วรา ระหว่างทางมานี้ อันตรายร้อยแปด มืดมนชั่วร้าย วังแล้ววังเล่า ทะเลสาบแล้วทะเลสาบเล่า ใครกันที่หาสถานที่แบบนี้ ใครกันที่มาสร้างวังเหล่านี้?

"ภูมิแคว้นแปลกประหลาดเหล่านี้ บางทีอาจจะเกี่ยวพันกับแผ่นดินไหวครั้งนั้นในประวัติศาสตร์ก็ได้" เยว่พูดขึ้น

โหลชีพยักหน้า เกี่ยวกับแผ่นดินไหวจริงๆ แต่นางกลับคิดว่าคนที่เลือกและสร้างที่นี่ขึ้นมานั้นในใจคาดเดาขึ้นมา ไม่แน่ว่าดอกไม้ประหลาดที่มีพิษเหล่านั้นเขาเป็นคนปลูกขึ้นมา ปลากินคนในทะเลสาบนั่นก็เป็นเขาที่หามาเลี้ยงไว้ในทะเลสาบ เพราะการเปลี่ยนทิศทางน้ำ สร้างทางน้ำไหลนั่นอาจจะสร้างขึ้นมาได้

เมื่อครู่พวกเขาไม่ได้สังเกต มองไม่เห็นว่านางมัจฉาคนที่หนึ่งนี่ออกมาจากตรงไหน ที่นี่มีแค่ห้องหินนี่ นอกจากทางน้ำไหลออกหนึ่งทางแล้ว ยังมีทางน้ำนั่นที่พาพวกเขาเข้ามา ไม่พบเจอประตูหรือทางอื่นอีก และไม่เจอคนอื่นอีก เยว่ถามเสียงขรึมว่า "คนอื่นเล่า?"

"ไม่รู้" นางมัจฉาคนที่หนึ่งกัดฟันกรอด และทนไม่ไหวถามออกมาว่า "เหตุใดพวกเจ้าจึงหนีรอดปลากินคนพวกนั้นได้?" จุดนี้นางคิดไม่ตก เป็นไปได้อย่างไรกัน? พวกนางไม่กล้าไปเขตน้ำนั่นเลย พวกนางคิดว่าคนพวกนี้ต้องตายในปากปลาพวกนั้นแน่ จะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่เพียงรอดมาได้ ยังมาถึงที่นี่ได้อีก!

โหลชีเดินเข้าไป มองสำรวจนางหนึ่งครั้ง "เจ้าผิดหวังมากใช่หรือไม่?"

นางมัจฉาคนที่หนึ่งหน้าซีดเผือดไม่พูดอะไร

"องค์ชายหกแห่งเป่ยชาง ต้องเป็นคนที่เจ้าเล่ห์ชั่วร้ายแน่นอน ดังนั้นในฐานะลูกน้องของเขา พวกเจ้าเลยต้องเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายไปด้วย บางทีเจ้าอาจจะยังไม่รู้ว่า เดิมพวกข้าคิดจะไว้ชีวิตพวกเจ้า อืม แน่นอนว่าพวกข้าไม่ใช่คนดีอะไร แค่จะพาพวกเจ้ากลับไปพั่วอวี้ และเค้นสืบความลับขององค์ชายหกกับราชวงศ์เป่ยชางเท่านั้นเอง แต่ว่าข้าคิดว่าพวกเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว"

นางพูดยิ้มระรื่น แต่นางมัจฉาคนที่หนึ่งกลับรู้สึกถึงรังสีอำมหิตทะมึน สีหน้านางซีดเผือดลงไปอีก ปากขยับคล้ายจะเอื้อนเอ่ย

"ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง สองสาวพี่น้องของเจ้าไม่ต้องบอกละ เซียววั่งอยู่ไหน?"

"ข้าไม่รู้จริงๆ! พวกเราอยู่ในนี้ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว นึกว่าเป็นพวกของเขา ข้าจึงออกมาดู!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ