ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 285

เซียววั่งมิได้รอถึงจนพวกเฉินซ่าโดนกลไกนั่น

แต่กลับเห็นพวกเขาผ่านมาได้อย่างปลอดภัย และจุดที่มีกลก็มิได้มีการขยับแต่อย่างใด เขารำลึกถึงแผนที่กลไกที่องค์หญิงเป่ยฝูหรงให้เขาก่อนหน้านี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ และแน่ใจว่าตนไม่ได้จำผิด ในนั้นมีกลไกอยู่จริงๆ! เขาไม่น่าจะจำผิดถึงจะถูกสิ

น่าเสียดายที่แผนที่กลไกนั่นหล่นหายไปตอนเขาหลบหนี และไม่รู้ว่าหล่นหายไปที่ไหน

และเพราะไม่รู้ว่าแผนที่กลไกน่าตายนั่นหล่นหายไปที่ไหน! ทำเอาตอนนี้เขาต้องหลบพวกเขาอยู่ที่นี่! เซียววั่งหัวใจเต้นตึกตักตึกตัก ยอดฝีมือแปดคนที่องค์หญิงใหญ่ให้เขามาล้วนตายสิ้น หากเขายังมิอาจได้ของมา หลังจากกลับไปไม่รู้จะลงเอยเช่นใด ดังนั้นเขาต้องใจเย็น ใจเย็น จึงจะสามารถหัวเราะได้ในที่สุด

เขาพยายามหดตัวให้ได้มากที่สุด ขดตัวเข้ามุมลึก ห้องลับเล็กๆนี้ก็เป็นกลไกเช่นกัน อันที่จริงเป้าหมายที่ออกแบบมาเพื่อใช้ซุ่มโจมตี เพียงแต่ที่นี่ไม่มีธนูและอาวุธอื่นๆเลย ต่อให้มี เขาคนเดียวก็ไม่กล้าลงมือหรอก

ยอดฝีมือมากมายอย่างนั้นยังตายหมด เขาออกไปคนเดียวคงตายเร็วกว่าเดิม

เซียววั่งไม่กล้าหายใจแรง แต่ทันใดนั้นเสียงกำแพงเคลื่อนไหว กำแพงด้านหน้าเขาพลันเปิดออก!

เขาแนบติดผนัง มองพวกเฉินซ่าปรากฏกายต่อหน้าเขา แต่ละคนมองเขาด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มก็มิใช่

เซียววั่งไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังเท่าตอนนี้มาก่อน

อันที่จริงโหลชีคิดไม่ถึงว่าเฉินซ่าจะคุ้นเคยกับกลไกเหล่านี้ขนาดนี้ ถ้ารู้ก่อนว่าเป็นอย่างนี้ นางคงไม่ต้องสะบัดแส้ซะเหน็ดเหนื่อยขนาดนั้นน่ะ

แต่นางไม่รู้ว่า เพราะนางทำลายกำแพงนั้น และหาเจอกลไกเข้าห้องลับนี่ เฉินซ่าถึงพบว่าเป็นฝีมือเขาเฉินอวิ๋น

หลังจากรู้ว่าเป็นฝีมือเขาเฉินอวิ๋น เขาถึงได้ทำลายกลไกตามความเคยชินของพวกเขา

เว่ยส่านขึ้นหน้าไปดึงเซียววั่งออกมา

"เดิมทุกคนมิมีความแค้นต่อกัน พวกเต้าก็ฆ่าองครักษ์ข้าไปหมดแล้ว และตอนนี้ก็มิได้เป็นอะไร มิสู้เปิดทางรอดให้ข้าดีหรือไม่?"

เซียววั่งกัดฟันกรอด หันมองเฉินซ่า

"พวกเรามิเป็นอะไร นั่นเป็นความสามารถของพวกเรา มิใช่เพราะเจ้ามิได้ทำกระไรกับพวกเรา" เยว่หัวเราะเย็นๆ "มิสู้เจ้าลองพูดสิ่งใดที่มีค่าหน่อย พวกเราอาจคิดดูเรื่องไม่ฆ่าเจ้า"

เซียววั่งอึ้ง รีบพูดทันทีว่า "ข้ามิมีสิ่งใดมีค่านี่นา" พอเห็นสายตาพวกเขาเย็นเยียบลง เซียววั่งรีบบอก "แต่ข้ามีประโยชน์ ข้ามีประโยชน์! คุณชายเจ็ดรู้ ข้าเป็นนักทำอาวุธคนหนึ่ง อาจารย์ข้าคือเซียวหัว...เจ้าเป็นสตรี?!"

ตอนนี้เองเขาถึงเห็นโหลชีชัดเจน องครักษ์เยว่และเว่ยส่านทั้งสองคนยืนอยู่ตรงหน้า ปิดกั้นร่างนางไปกว่าครึ่ง ตอนนี้นางกับเฉินซ่าเดินขึ้นมาจากด้านหลัง เขาถึงเห็นว่าเฉินซ่าโอบเอวนางไว้ และไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ นางในตอนนี้ดูมีทรวดทรงองค์เอวของอิสตรีชัดเจน

สายตาเขาจับจ้องไปที่หน้าอกของนาง

"เจ้า----"

ยังพูดไม่ทันจบ มีพลังกองหนึ่งพุ่งเข้าหา แทงเข้าตาขวาเขาทันที เขาเหมือนได้ยินเสียงลูกตาฉีกขาด เจ็บปวดจนเขากุมตาร้องครวญครางออกมา

"ถ้ายังมองไม่เลือกที่อีก อีกข้างก็ไม่ต้องมีเถิด"

น้ำเสียงเย็นชาลอยเข้าหูเซียววั่ง เขาพลันเข้าใจในบัดดล คุณชายเจ็ด สตรี เจ็ด โหลชี บุรุษหน้าตาหล่อเหลาผู้มีวิทยายุทธ์แข็งแกร่งโหดร้ายยิ่งเยี่ยงนี้ ว่ากันว่ามีผู้เดียวที่ใช่!

หลายเหตุผลรวมด้วยกันเยี่ยงนี้ คนคู่นี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา ฐานะได้ชัดแจ้งแล้ว

เฉินซ่า จักรพรรดิแห่งพั่งอวี้ รวมถึงพระสนมเพียงคนเดียวของตำหนักจิ่วเซียวที่เขาพึ่งประกาศไปทั่วหล้าด้วย!

สวรรค์ สวรรค์! ไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมเลย!ความหมายขององค์หญิงใหญ่คือ หาลูกนิลดำให้เจอมาเป็นของกำนัลจักรพรรดิแห่งพั่งอวี้ เดิมคือต้องการเป็นมิตรกับอีกฝ่าย เหตุใดตอนนี้กลายเป็นเยี่ยงนี้ไปได้? หากเขารู้แต่แรก จะให้องครักษ์แปดคนนั่นมาฆ่าพวกเขาปิดปากได้อย่างไร?

พวกเขาสามารถร่วมเดินทางมาด้วยกัน สามารถร่วมมือกันได้!

เซียววั่งโดนกระทบกระเทือนอย่างใหญ่หลวง ผลกระทบนี้ทำให้เขาแทบลืมความเจ็บปวดที่ดวงตาไป

แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็อดเกลียดองครักษ์พวกนั้นขึ้นมาไม่ได้ มิใช่คนข้างกายองค์หญิงใหญ่รึ? ก่อนหน้านี้องค์หญิงใหญ่เคยไปตำหนักจิ่วเซียวมาก่อนมิใช่รึ? เหตุใดจึงจำจักรพรรดิแห่งพั่งอวี้ไม่ได้ เหตุใดจึงจำโหลชีไม่ได้เล่า!

เขากลับไม่รู้ว่า ยามเป่ยฝูหรงไปพั่วอวี้ พาองครักษ์ไปอีกกลุ่มหนึ่ง! และองครักษ์กลุ่มนั้นนางค่อนข้างสะดวกใจจะใช้ องครักษ์แปดคนที่ส่งมาครั้งนี้ ปกติมักจะถูกส่งออกไปเพื่อทำภารกิจอะไรอยู่แล้ว

ดังนั้นทั้งแปดคนจึงไม่เคยเจอเฉินซ่ากับโหลชีเลย

แต่เพราะพวกเขาติดตามองค์หญิงอยู่ตลอด ดังนั้นเลยค่อนข้างเย่อหยิ่ง ลำพองว่าเหนือคนอื่นหนึ่งขั้น ดังนั้นเลยโดนโหลชีดูออกนานแล้ว

มือหนึ่งกุมตาขวา เขาคุกเข่าลงต่อหน้าทั้งคู่ฉับพลัน "ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย! พระสนมไว้ชีวิตด้วย! ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ จำพวกท่านทั้งสองไม่ได้ ฝ่าบาททำลายดวงตาข้าน้อยข้างหนึ่งนี่ถือว่าปราณีข้าน้อยมากแล้ว! ขอทั้งสองได้โปรดไว้ชีวิตด้วย นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด เข้าใจผิดทั้งนั้นเลย!"

เซียววั่งที่เดิม หน้าตาสง่างามดูเป็นวิญญูชน ตอนนี้กำลังร้องไห้คร่ำครวญ ขาดแค่ไม่กล้าคลานเข่าเข้ามากอดขาเฉินซ่าเท่านั้น สำหรับโหลชีแล้ว ครั้งนี้เขาไม่กล้ามองแม้แต่นิดเดียวเลย

ผู้ที่สามารถทำให้จักรพรรดิแห่งพั่งอวี้ประกาศสัญญาอย่างนี้ออกมาได้ จะมิมีฝีมือได้ยังไงกัน?

แต่เขาไม่กล้ามองโหลชี ไม่ได้แปลว่าโหลชีจะไม่พูด พอเห็นสภาพเขาแบบนี้ โหลชีรู้สึกว่าเซียวหั่วตาไร้แววจริงๆ และเซียววั่งนี่ก็เปลี่ยนทัศนคติของนางไปเลย ก่อนหน้านี้ที่เห็นเขายังรู้สึกมีความคิดเป็นของตัวเองอยู่ ไม่คิดว่าพอถึงช่วงเวลาความเป็นความตายจะขี้ขลาดตาขาวแบบนี้

"เจ้าลองพูดมาสิ เข้าใจผิดอะไรกัน?"

ตอนนี้เสียงของโหลชีไม่ได้จงใจเปลี่ยนเสียงแล้ว มิได้เป็นน้ำเสียงกลางๆ แต่เป็นเสียงใสกระจ่างแต่เดิมของนาง

"ข้าน้อยได้รับคำสั่งขากองค์หญิงใหญ่เป่ยชางให้มาตามหาลูกนิลดำ ได้ยินว่าพระสนมรู้จักองค์หญิงใหญ่เช่นกัน ข้าน้อยจะกล้ามิเคารพพระสนมได้อย่างไร? เป็นเพราะก่อนหน้านี้มิรู้ฐานะพระสนม นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมดเลย"

เป็นเป่ยฝูหรงจริงๆ

"องค์หญิงฝูหรงทำอะไรกันเนี่ย? ใม่ใช้คนของตนเอง วิ่งมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าถึงเมืองนั่วรา?"

เซียววั่งตัวสั่นเทาราวใบไม้ที่ร่วงในฤดูใบไม้ร่วงเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินซ่า กลัวว่าตนตอบอะไรไม่ดีไป ผู้นี้จะฆ่าเขาเลย ดังนั้นตอนได้ยินคำพูดของโหลชีจึงไม่กล้าปิดบังอะไร และบอกสิ่งที่ตนรู้ รวมกับสิ่งที่เป่ยฝูหรงบอกเขาออกมาหมดเลย

ที่เซียววั่งพูดไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่โหลชีคาดเดาก่อนหน้านี้ นางหวังว่าจะเอาลูกนิลดำมาร่วมมือกับเฉินซ่า แต่เซียววั่งไม่รู้ว่าที่นางอยากร่วมมือด้วยแท้จริงแล้วคือเรื่องอะไรกันแน่ แต่เขารู้ว่าทำไมเป่ยฝูหรงถึงมาหาเขา เพราะบัดนี้จักรพรรดิราชวงศ์เป่ยชางป่วยหนัก องค์ชายหลายคนเริ่มคิดการใหญ่ เป่ยฝูหรงก็เลือกจะสนับสนุนพี่น้องตนเอง

ตระกูลเซียวแต่เดิมไม่แสดงจุดยืน ใครได้เป็นฮ่องเต้ในตอนท้าย พวกเขาจะจงรักภักดีต่อคนผู้นั้น ไม่มีทางเลือกข้างตั้งแต่ตอนนี้ แต่เป่ยฝูหรงกลับพุ่งสายตามาที่อาวุธ นางอยากจะชักชวนเซียวหั่วมาเข้าพวก เซียวหั่วไม่ได้แสดงท่าที ทำให้เป่ยฝูหรงไม่พอใจ ดังนั้นเป่ยฝูหรงเลยอยากดึงเซียววั่งออกจากตระกูลเซียว มาเลี้ยงเป็นคนของตน หากบอกว่าเซียววั่งสามารถเรียนจนมีฝีมือสักแปดส่วนของเซียวหั่ว เช่นนั้นนับว่าดีมากแล้ว

"องค์หญิงใหญ่อยากให้ข้าน้อยล้มล้างตระกูลเซียว ถึงเวลานั้นค่อยสั่งสอนลูกศิษย์ออกมาอีกมากมาย สั่งสอนฝีมือของตระกูลเซียวออกไป จากนั้นก็สร้างอาวุธที่ดียิ่งกว่าที่กองทัพใช้ในตอนนี้ออกมา" เซียววั่งบอก

สีหน้าองครักษ์เยว่ที่มองเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

บัดนี้การเกณฑ์ทหารของพั่วอวี้สำคัญยิ่งนัก การเกณฑ์ทหารนั้นนอกจากคนแล้ว อาวุธก็สำคัญมากเช่นกัน พวกเขาก็หาหุบเขาลับ และกำลังพยายามหาช่างสร้างอาวุธมาสร้างอาวุธ ลองคิดดูสิ หากมีอาวุธชั้นดี และยังมีม้าศึกอีกจำนวนหนึ่ง--

"เซียววั่ง เจ้าพูดความจริงสักข้อสิ เจ้าได้ร่ำเรียนจนได้ฝีมือแปดส่วนของเซียวหั่วแล้วรึ?" โหลชีกลับไม่ค่อยเชื่อคำพูดเซียววั่ง คนผู้นี้นิสัยไม่ดี คาดว่าช่วงแรกหลายปีที่เข้าจวนเซียนนั่น คงเอาเวลาส่วนใหญ่มาใช้ในการเอาใจเซียวหั่วแน่ ต่อมาก็เอาเวลาส่วนใหญ่ใช้ในการประจบเอาใจผู้มีอิทธิพลของตน เขาคงแอบได้ของไม่น้อยจากตระกูลเซียว

คนแบบนี้ไม่มีทางเอาเวลาและความตั้งใจไปไว้ในเรื่องการเรียนหรอก

นั่นไง พอได้ยินนางถามแบบนี้ เซียววั่งชะงักไปครู่หนึ่ง กำลังคิดจะโกหก เฉินซ่าพลันแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา ทำเขาตกใจแทบตาย

"มิได้มิได้ ข้าคุยโวเอง อย่างมากข้าก็เรียนได้หกส่วน ตระกูลเซียวบัดนี้ผู้ที่ร่ำเรียนวิชาได้ดีที่สุด นอกจากเซียวฉิงแล้ว ก็คือลูกศิษย์คนหนึ่งที่เซียวหั่วรับมาภายหลัง นามว่าต้าหนิว เขาน่าจะเรียนวิชาจากเซียวกั่วได้ถึงเจ็ดแปดส่วน แต่เขาเป็นคนซื่อ พูดจาติดขัดเล็กน้อย ฐานะทางบ้านไม่ดี มักคิดว่าคนอื่นดูถูกตน ดังนั้นพอข้าดีกับเขา ของส่วนมากที่เขาทำขึ้นมา ข้าแย่งความดีความชอบมา เขาก็ไม่มีทางพูดออกมา ตอนนี้เขายังอยู่ที่ตระกูลเซียว หากตระกูลเซียวมีเรื่องอันใด ข้าไปถามเขา บางทีเขาอาจจะพูดก็ได้"

ต้าหนิว?

โหลชีได้ยินชื่อนี้แล้วรู้สึกคุ้นหูชอบกล เซียวหั่วพาคนมาสร้างกระบี่ล้ำค่าและแส้ปลิดวิญญาณ ลูกศิษย์ในนั้นดูจะมีผู้หนึ่งชื่อหนิวอะไรสักอย่าง ตอนนั้นนางคลับคล้ายคลับคลาได้ยินเซียวฉิงเรียกไปหนึ่งครั้ง แต่ว่าเรื่องเหล่านี้ไว้รอกลับเมืองนั่วราก่อนค่อยว่ากัน

นางกลับรู้สึกว่าสามารถฆ่าเซียววั่งได้แล้ว แต่เยว่กลับหวังว่าจะพาเขากลับพั่วอวี้ได้ ถึงเขาจะเป็นคนไม่ดี แต่ถึงเวลาจับเขาขังไว้สร้างอาวุธ เขาเองก็คงไม่กล้าทำอะไรตุกติกแน่

ตอนนี้พั่วอวี้กระหายใคร่อยากได้ผู้มีความสามารถ โหลชีก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก องครักษ์เยว่จี้จุดใบ้เขาไว้ โหลชีโยนยาให้เว่ยส่านสาดใส่ตาเขา ส่วนตัวเขาก็ทำผ้าออกมาผูกตาไว้ จากเถ้าแก่อายุน้อยที่มีสง่าราศีคนหนึ่ง กลายเป็นไอ้ตาเดียวคนหนึ่งและยังต้องติดตามพวกเขาอีก โหลชีมักรู้สึกว่า ถ้าแบบนี้ยังสามารถอดทนต่อไปอย่างไร้ซึ่งความแค้นเคืองใดๆได้จริง งั้นคนคนนี้ก็น่ากลัวอยู่

เซียววั่งคงรู้ว่าลูกนิลดำน่าจะอยู่ที่ไหน และก็หาได้จากแผนที่ลับใต้ดินแผ่นนั้นที่เป่ยฝูหรงให้เขา แต่ตอนนี้แผนที่หายไปแล้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่ากลไกอยู่ตรงไหน ได้แต่บอกคร่าวๆก่อนจะเดินตามหลังพวกเขา

โชคดีที่เฉินซ่าคุ้นเคยกับกลไกของที่นี่อย่างน่าประหลาด เดินมาระหว่างทางก็แก้ไป สุดท้ายพวกเขาได้มาถึงห้องลับที่คาดว่าจะมีลูกนิลดำอยู่จริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ