พอโหลชีได้ยินเสียงนี้ ในหัวสมองของนางก็มีคำหนึ่งคำผุดขึ้นมา
เวรกรรม
เสียงนี้ ไม่ใช่เสียงของสาวใช้ที่ต้องการแย่งซาลาเปากับพวกเขาที่เพิงน้ำชานอกเมืองวันนี้คนนั้นหรอกหรือ?
นางจำนางได้ แต่สาวใช้คนนั้นกลับจำนางไม่ได้แล้วอย่างแน่นอน ในเวลานี้ นางกำลังคิดว่าจะรีบไปเปิดหูเปิดตาที่ตึกบุษบาพันธ์และนำตัวจิ้งจอกม่วงกลับมาให้เร็วขึ้นอีกสักหน่อย นางไม่อยากเสียเวลากับพวกเขาที่นี่ นางก็เลยเปล่งเสียงบอกให้รถม้าถอย แล้วให้อีกฝ่ายแล่นผ่านก่อน โหลชีรู้สึกว่าตัวเองถือว่าเป็นคนที่ใจดีมาก เจ้าดูสิ ว่านางอ่อนน้อมถ่อมตนมากแค่ไหน
แต่ทว่าคนบางคนอาจจะหาเหาใส่หัวจนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว ตอนที่รถม้าแล่นเข้าซอยนั้น สาวใช้คนนั้นก็ทำเสียงหึขึ้นมาหนึ่งเสียงอย่างภาคภูมิใจ แล้วพูดออกมาหนึ่งประโยคว่า "บางที มีเงินนั่งรถม้าสวยๆอยู่นิดหน่อยก็มาแสร้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตน! โชคดีที่มีความตระหนักในตนเองอยู่บ้าง มิฉะนั้นข้าจะรื้อรถม้าที่ขัดหูขัดตาคันนี้ทิ้ง และทำให้พวกเจ้ากลิ้งลงมาให้รถม้าของพวกเราเตะเป็นลูกบอลซะ"
คำพูดนี้ช่างพูดได้น่าประหลาดใจมากจริงๆ เดิมทีโหลชีคิดว่าสาวใช้คนนี้ก็แค่ดูถูกคนจนเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าในตอนนี้พอนางได้แต่งกายสวยหรูและนั่งในรถม้าที่สวยเลอค่าแล้ว นางยังสามารถยั่วโมโหพวกนางด้วยการดุด่าอย่างดูถูกเหยียดหยามได้อีก
โหลชีลูบคางไปมาและถามเสี่ยวโฉวซึ่งนั่งอยู่ในรถด้วยว่า "คุณหนูของเจ้าดูเหมือนจะเป็นคนที่น่ารังแกเป็นพิเศษหรือไม่?"
เสี่ยวโฉวเอามือป้องปากหัวเราะ แล้วพูว่า "ถ้าหากไม่รู้จัก ก็เหมือนว่าจะใช่เจ้าค่ะ" เพราะปกตินางก็มักจะยิ้มตาหยีหลายครั้งมาก บางครั้งก็ดูเหมือนว่าจะยังมีความน่ารักอยู่หน่อยๆ แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าภายใต้สีหน้าเช่นนี้จะเป็นวิญญาณที่แข็งแกร่งมากดวงหนึ่ง
หลังจากที่เฉินซ่าขึ้นไปบนรถแล้ว เขาก็หลับตาตั้งสมาธิ เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เขาก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา เพียงแต่พูดออกไปหนึ่งประโยคว่า "มีความสามารถในการเสแสร้งเป็นพิเศษน่ะสิ"
ในช่วงเวลาที่นางจากไปนี้ เขาก็ค่อยๆนึกถึงเรื่องราวระหว่างพวกเขาทั้งสองคนขึ้นมาตั้งแต่ต้นจนจบ ฉับพลันนั้นเขาจึงนึกขึ้นมาได้ว่า ในค่ำคืน ณ หุบเขาที่รกร้างนางได้ตกลงสู่อ้อมแขนของเขาและครั้งแรกที่นางได้พบเขา นางก็กำลังแสดงละครอยู่
บางทีนางอาจจะกลัวเจียงซือปลอมที่ถูกฝึกด้วยยาเหล่านั้นจริงๆ และนางก็ไม่เคยพบเจอการสังหารคนเป็นจำนวนมากแบบนั้นมาก่อนด้วย แต่ทว่า ความหวาดกลัวและเสียงกรีดร้องของนางในตอนนั้น แน่นอนว่าจะต้องมีการจงใจขยายส่วนประกอบต่างๆให้เกินจริง เพราะต่อมาเขาได้ค้นพบว่าจริงๆแล้วความกล้าหาญของนางนั้นยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่านางจะกลัวมากก็ตาม แต่ถ้าหากเข้ามาคุกคามชีวิตของนางนางก็สามารถสังหารได้เหมือนเคยไม่มีพลาด
ต่อมานางก็แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจอะไรเลย และแสร้งทำเป็นขี้ขลาด ราวกับว่านางกำลังต่อต้านที่จะก้าวเข้ามาในชีวิตของเขาเป็นอย่างมาก และอยากจะอยู่ให้ห่างจากเขาจนใจจะขาด
แต่ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงรู้สึกว่าเขาไม่เคยเจอผู้หญิงเช่นนี้มาก่อนเลย เขาก็เลยค่อยๆถูกนางดึงดูดความสนใจไปทีละนิดๆเสียแล้ว
โหลชีชำเลืองมองดูเขาโดยไม่พูดอะไร ในตอนแรกนางเองก็รู้ว่าถ้าทำให้พวกเขารู้ว่านางเข้าใจอะไรได้มากมาย นางก็จะต้องเหนื่อยมากขึ้นอย่างแน่นอน ถ้านางไม่เสแสร้ง ยังจะให้นางเป็นฝ่ายเข้าไปทุ่มเทชีวิตเพื่อพวกเขาอย่างเต็มที่อย่างนั้นหรือ?
หลังจากที่รถม้าที่อยู่ข้างหน้าเข้ามาในซอยนี้แล้วก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรเลย คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะลดความเร็วลงแล้วเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นความตั้งใจ
"ข้าจะอดทน" โหลชีเปิดม่านรถขึ้นมาครึ่งหนึ่ง เพิ่งจะพูดคำว่าข้าจะอดทนจบ ข้อมือของนางก็ร่ายหนึ่งกระบวนท่า แล้วมีรังสีสีเงินบางๆเจาะเข้าไปในช่องว่างระหว่างล้อที่อยู่ข้างหน้า
"พระสนม ทำไมท่านไม่ยิงม้าของพวกเขาเลยล่ะขอรับ?" ตู้เหวินฮุ่ยไม่เข้าใจเล็กน้อย กระสุนเงินเล็กๆยิงเข้าไประหว่างล้อจะสามารถทำประโยชน์อะไรได้?
"จะยิงม้าไปเพื่ออะไร ม้าไม่ได้ทำให้ข้าขุ่นเคืองเสียหน่อย" โหลชีมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง "อีกอย่าง จะว่าไปแล้วก็ช่วยเรียกข้าว่าฮูหยินด้วย จำไว้นะ"
"ขอรับ ฮูหยิน"
ด้วยประสิทธิผลของเข็มเพียงไม่กี่เข็มนั้น ไม่นานพวกเขาก็จะได้รู้แล้ว
พอออกจากซอยนี้ไปแล้ว เบื้องหน้าก็สว่างโล่งขึ้นมา และด้านข้างพื้นที่ที่ว่างเปล่าก็กำลังปูด้วยแผ่นหินสีเขียวอย่างราบเรียบเต็มพื้นที่ คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นทะเลสาบเทียมที่มีขนาดใหญ่มาแห่งหนึ่ง! ที่ทะเลสาบมีระเบียงสะพาน ซึ่งกว้างเป็นอย่างมาก แต่ทว่ากลับมีคนคอยเฝ้ารักษาอยู่ โดยไม่อนุญาตให้รถม้าคันใดเดินทางผ่าน มีประตูบานหนึ่งตั้งอยู่ระหว่างฝั่งกับระเบียงสะพาน และมีคำว่าตึกบุษบาพันธ์เขียนอยู่บนประตูหอแห่งนี้ด้วย บนระเบียงสะพานมีโคมไฟแขวนอยู่นับไม่ถ้วน เมื่อมองไปที่โคมระย้าหลากสีสันเรียงกันหนึ่งแถวเช่นนี้ ก็จะเห็นถึงความหรูหราและฟุ่มเฟือยปรากฏขึ้นมา แสงไฟสะท้อนอยู่บนผิวน้ำ สายลมอ่อนๆได้พัดคลื่นขึ้น ทำให้แสงไฟแกว่งไกวไปมาและแตกกระจายเป็นเศษเล็กๆ ซึ่งทำให้ผู้คนที่ได้ชมตะลึงเล็กน้อย
หากเป็นในยุคปัจจุบัน ต่อให้มีภาพของผู้คนที่หรูหรามากขนาดไหน โหลชีก็ไม่ถึงกับรู้สึกชื่นชมได้มากเท่านี้ แต่นี่เป็นยุคโบราณของอีกโลกหนึ่ง ถึงที่นี่จะไม่ใช่ทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีที่สวยงาม แต่เมื่อจู่ๆก็มีทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ปรากฏขึ้นมา โหลชีจึงมองด้วยความตกตะลึงเล็กน้อยจากใจจริง
รถม้าสองแถวจอดไว้อย่างเรียบร้อยที่ริมฝั่งของแม่น้ำ และโดยทั่วไปแล้วจะเป็นรถหรูที่หรูหราและอยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานทั้งนั้น ในขณะที่รถม้าที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาได้เห็นที่นั่งหนึ่งว่างอยู่พอดี ก็ได้ยินเพียงสาวใช้คนนั้นร้องตะโกนขึ้นมาว่า "รีบๆหยุดรถหน่อย อย่าปล่อยให้ใครมาแย่งที่นั่งไปได้!"
ทันทีที่นางพูดจบ ก็มีเสียงช่าช่าช่าสามเสียงดังขึ้นมาติดๆกัน แล้วล้อของรถม้าคันนั้นก็แตกกระจายออกไปในชั่วพริบตา!
เนื่องจากล้อกระจัดกระจายไปหมดแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่ตัวรถจะยังคงสภาพเดิมอยู่ มันได้กระแทกลงไปกับพื้นจนมีเสียงดังขึ้นมาอย่างแรง เพราะว่าม้าที่ลากรถได้ลดน้ำหนักที่แบกเอาไว้อย่างกะทันหัน มันจึงวิ่งห้อตะบึงออกไป และเตะคนขับรถลอยขึ้นไปในอากาศเสียแล้ว
มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากภายในรถม้า และไม่นานร่างสองร่างก็พุ่งทะยานออกมาอย่างรวดเร็ว
โหลชีกำลังรอช่วงเวลานี้อยู่ตลอดเวลา
นางไม่สังเกตมองร่างอื่นๆอีกร่างหนึ่งเลย นางเอาแต่จ้องมองไปที่สาวใช้คนนั้นเท่านั้น เมื่อเห็นร่างของนางลอยออกมา นางก็ยิงเข็มเล่มหนึ่งออกไปใส่นางอีกครั้งในทันที
วรยุทธของสาวใช้คนนั้นดีมากจริงๆ ก่อนที่หินจุดไฟจะถูกจุดขึ้นนางยังสามารถรับรู้ถึงอันตรายได้ทันท่วงที มุมมองในการโจมตีก็เต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะหลบหลีกเข็มบินจำนวนมากทั้งสองข้างได้ทั้งหมดเพียงชั่วครู่ชั่วยาม แต่นางกลับสามารถพุ่งกระโจนออกไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะลักษณะของเข็มเหล่านั้นมักจะอ่อนแอและสามารถร่วงหล่นลงไปได้อยู่เสมอ
และแล้วความคิดนี้ก็ได้แวบวาบขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ในความเป็นจริงแล้วใครที่ไหนจะมีเวลาให้นางได้พิจารณาอย่างรอบคอบมากมายขนาดนี้กันล่ะ?
สาวใช้เลือกที่จะพยายามใช้แรกพุ่งตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่นางกลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ด้านหน้าก็จะเป็นทะเลสาบแล้ว
"ตูม" สาวใช้ก็ตกลงไปในน้ำแล้ว
น้ำกระเซ็นไปทั่วทิศทางและมีคนกรีดร้องขึ้นมาว่า "มีคนตกน้ำ!"
"แม่นางคนนั้นช่างแปลกคนจริงๆ นางบินออกมาจากรถและหลีกเลี่ยงการล้มแล้ว ทำไมนางต้องพุ่งตัวลงไปในทะเลสาบด้วยล่ะ"
"ข้าก็มองไม่ชัดเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น จุ๊ๆ ในอากาศที่หนาวสั่นของฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้ ตกลงไปในทะเลสาบแบบนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่สนุกเลยนะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ