ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 296

คิดว่าคนที่ตึกบุษบาพันธ์โง่หรือไง?คนเขาสู้กันในนี้ตั้งนานแล้ว!

ซู่อวิ๋นซิงโมโหจนตาโต "เจ้าคิดว่าจะจ่ายแค่ห้าพันตำลึงทองงั้นเหรอ?" โหลชีขยิบตา "ไม่ใช่แล้วยังไง?"

สาวใช้เฝ้าทำหน้าที่อย่างตั้งใจ เพียงแค่มีคำถามก็ตอบทันที "ห้าพันตำลึงทองเป็นราคาเริ่มต้น จากนั้นค่าใช้จ่ายของลูกค้าเท่าไหร่ค่อยคิดอีกที"

"งั้นค่าใช้จ่ายของไอ้แก่นั่นก่อนหน้านี้ล่ะ? คงจะไม่คิดกับพวกข้านะ? ยังมีอีก ห้องนี้ยังต้องตกแต่งใหม่หมด พวกเจ้าอย่าได้มาเก็บเงินกับพวกข้าล่ะ"การตกแต่งภายในที่หรูหรา พังทลายไปหมด ถ้านางจองห้องกาญจนแล้วละก็ ถ้าจะเอาทั้งหมดมาคิดที่นางนางก็ไม่ยอม แต่ถ้าคุณเริ่มใหม่อีกครั้ง จะต้องเสียเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน ทั้งพังทั้งเปลี่ยนใหม่ ไม่รู้ว่าต้องจ่ายเงินไปเท่าไหร่ แม้ว่านางจะมีเงินมาก แต่ก็ไม่อยากถูกเอาเปรียบ จ่ายเงินทั้งหมดนี้

"ตึกบุษบาพันธ์จะตามไปทวงหนี้กับลูกค้าท่านหนึ่ง" สาวใช้คนนั้นพูด

"ถ้าหาไม่เจอล่ะ?" โหลชีถามด้วยความอยากรู้

สาวใช้พูดอย่างใจเย็นว่า "ไม่มีหนี้ก้อนไหนที่ตึกบุษบาพันธ์ทวงไม่ได้"

เยี่ยม โหลชียกนิ้วหัวแม่มือให้

"งั้นพวกเจ้ารับเอาศพที่อยู่ด้านในย้ายออกมา แล้วก็ ตกแต่งให้สวยงามหน่อย มิฉะนั้นชื่อเสียงของพวกเจ้าจะเสียหายนะ"

ซู่อวิ๋นซิงโมโหจัด ชี้ไปที่นางแล้วด่าว่า: "นังผู้หญิงคนนี้ทำไมหน้าด้านขณาดนี้?ข้างในนี้เจ้าก็มีส่วนทำให้เสียหายไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ยังจะมาขู่คนอื่นอีก!"

โหลชีมองบน: "ข้าว่า เกี่ยวอะไรกับเจ้า?"

"เจ้า เจ้าเจ้าเจ้า พี่เขย นางหยาบคายขนาดนี้ ท่านทำไมถึงต้อง----"

เฉินซ่าหรี่ตาลงเล็กน้อย "แล้วเจ้าเป็นตัวอะไรกัน? ผู้หญิงของข้าเจ้าด่าได้งั้นเหรอ? แล้วก็ ข้าได้เคยเตือนเจ้าแล้ว ถ้าไม่อยากได้ลิ้นของเจ้าแล้ว ข้าจะช่วยกรีดให้----" ขณะที่พูด พิชิตวันที่อยู่ในมือของเขาจะชักออกมา

"คุณชายเฉินโปรดไว้ชีวิต"

เสียงผู้หญิงแผ่วเบาดังขึ้น ก่อนหน้านี้ปรากฏตัวหนึ่งครั้งที่โยนเชือกออกมา พันที่เอวของซู่อวิ๋นซิง รีบดึงนางถอยอย่างรวดเร็ว หลบกระบวนท่านั้นของเฉินซ่าได้

โหลชีหรี่ตาลงเล็กน้อย หุ่นเพรียวสวยสง่าผ่านเข้ามานัยน์ตาของนาง

ชุดที่สวมใส่พริ้วไหว ท่าทางสูงสง่า ผมสีดำเหมือนน้ำตก ไม่ได้ปักปิ่นปักผมใดๆ พาดไว้ด้านหลังอย่างสละสลวย มีเพียงหยกแกะสลักรูปพระจันทร์เสี้ยวหนึ่งชิ้นประดับบนหน้าผาก ติดลงบนหน้าผากเรียบ

คิ้วโก่งๆ สันจมูกเล็กเรียว ริมฝีปากเป็นสีชมพูอ่อนๆ ตาหวานๆ มีรอยยิ้มเล็กน้อยบนริมฝีปาก

นี่คือซู่หลิวอวิ๋น

ซู่หลิวอวิ๋นนางฟ้าหลิวอวิ๋นแห่งเขาเฉินอวิ๋น

โหลชีคิดไม่ถึงว่านางจะแตกต่างจากสิ่งที่ตัวเองคิดไปโดยสิ้นเชิง

น่าหลานฮั่วซินสวยมาก สวยจนทิ้มเข้าไปนัยน์ตาของผู้คน และนิสัยของนางสามารถดูได้จากท่าทางมองออกว่าเป็นคนที่ หยิ่ง ดุ เข้าถึงได้ยาก

ซู่หลิวอวิ๋นกลับไม่ใช่แบบนั้น เพียงแค่ทำหน้าแบบนี้ โหลชีก็เกิดสงสัยขึ้น ก่อนหน้านี้นางเจอกับค่ายลานตาและกลเครื่องจักรที่จะฆ่านาง หรือว่าจะไม่ใช่ลายมือของซู่หลิวอวิ๋น

เพราะว่ามองดูนางแล้ว ไม่เห็นว่านางจะเป็นผู้หญิงที่ต้องการชีวิตของคนอื่นทั้งๆที่ยังไม่เคยพบกันเลย

นางทำให้คนรู้สึกว่านางสง่างามเรียบร้อยมาก สงบมาก อ่อนโยนมาก สวยจนทำให้คนรู้สึกว่าเพียงแค่สงสัยว่านางจะทำเรื่องแบบนั้นก็ถือว่าเป็นการดูถูกนางแล้ว

ซู่หลิวอวิ๋นเดินเข้ามา หันไปหาโหลชีด้วยรอยยิ้ม: "หลิวอวิ๋นได้ยินชื่อเสียงแม่นางมานาน ครั้งนี้โชคดีมากที่ได้เจอ ไม่ทราบว่าแม่นางโหลชียินดีให้เกียรติดื่มกับหลิวอวิ๋นสักจอกหรือไม่?"

โหลชีมองนัยน์ตาของนางไม่เห็นความเกลียดชังเลยแม้แต่น้อย

"อ่อ ใช่ เมื่อครู่นี้หลิวอวิ๋นออกไป เพราะว่ามองเห็นจิ้งจอกม่วงวิ่งออกไป เดิมทีข้าอยากตามมันไป น่าเสียดายจิ้งจอกม่วงวิ่งเร็วจริงๆ ข้าตามไปไม่ทัน ต้องขออภัยจริงๆ..."

น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นขัดจังหวะคำพูดของนาง "ชีชี วู๊วูอยู่นี่"

จ้าวหยุนอุ้มจิ้งจอกม่วงเดินเข้ามา

โหลชีมักคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้ทำให้คนตามไม่ทันเล็กน้อย ดูครึกครื้นไปหรือเปล่า?นางจ้องไปที่เจ้าจิ้งจอกม่วงวู๊วู "วู๊วู เจ้าตายแล้วเหรอ? ไม่ตายยังไม่รีบวิ่งมาอีกนะ!"

เจ้าตัวก่อเรื่อง ไม่รู้ว่าก่อเรื่องยังไงก่อไปจนถึงอริยะมนต์นั่น ยังทำให้นางถูกอริยะมนต์จับได้ว่านางกับจิ้งจอกม่วงเกี่ยวข้องกัน สุดท้ายพวกเขาต่อสู้กันอยู่ข้างในเกือบตาย เจ้ามันเก่งจริง มีความสามารถแอบหนีออกไปข้างนอก ยังวิ่งมาที่ห้องอินทนิลของจ้าวหยุนอีก

สิ่งที่ทำให้นางเศร้ามากขึ้นก็คือ จ้าวหยุนผู้ชายคนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆก็เรียกนางว่าชีชี!

นางสัมผัสได้ถึงเจ้าเย็นชาที่อยู่ข้างๆเริ่มแพร่กระจายไอเย็นแล้ว เจ้าเย็นชาจะฆ่าอริยะมนต์ ทั้งสองคนจะต้องมีความแค้นที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อย่างแน่นอน และอริยะมนต์พูดตลอดว่าเขาเป็นลูกนอกคอก ยังทำให้นางสงสัยมากขึ้นอีก พ่อแม่ของเฉินซ่าไม่ใช่สามีภรรยาหรือ? ไม่ใช่ว่าเดิมเป็นสามีภรรยาทั่วไปในพั่วอวี้หรือ?

แต่ว่า คนที่สามารถทำให้อริยะมนต์โกรธจัดได้ จะเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้ยังไง?

จู่ๆนางก็รู้สึก นางกับเฉินซ่าอันที่จริงแล้วถือได้ว่าเป็นคนน่าสงสารเช่นเดียวกัน ชะตาชีวิตช่างแปลกเสียจริง

จู่ๆวู๊วูโพล่ออกมาจากอ้อมแขนของจ้าวหยุน กำลังจะกระโดดขึ้นในอ้อมแขนโหลชี เฉินซ่ายื่นมือออกมา คว้ามันไว้พอดี โยนไปด้านหน้า

ตู้เหวินฮุ่ยที่มากับจ้าวหยุนกำลังจะไปรับ ร่างของวู๊วูสามารถพลิกหมุนกลางอากาศได้ และหมุนกลับเข้าไปในอ้อมแขนของโจวเสี่ยวโฉว

ตู้เหวินฮุ่ยหน้าตาธรรมดา ธรรมดาเกินไป

ยังไงโจวเสี่ยวโฉวก็สวย

ทุกคนเงียบ

ซู่หลิวอวิ๋นยิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดว่า: "คิดไม่ถึงว่าแม่นางโหลกับนายน้อยจ้าวแห่งโรงพรรณยาจะสนิทกันด้วย"

โหลชีตอบ: "ไม่สนิทกันเลย นี่เพิ่งจะเจอกันครั้งที่สอง"

เมื่อครู่ซู่อวิ๋นซิงที่ตกใจกับการยื่นมือโจมตีอย่างโหดเหี้ยมของเฉินซ่าได้ออกมาอีกครั้ง "โกหกเด็กสามขวบหรือ? ถ้าไม่สนิทกันละก็ คุณชายจ้าวจะเรียกเจ้าว่าชีชี? ข้าว่าผู้หญิงคนนี้ช่างชอบยุยวนผู้----"

ประโยคที่ยังพูดไม่จบ เสียงเพี๊ยะดังขึ้น ปากของซู่หลิวอวิ๋นทั้งแดงทั้งบวมขึ้นมาทันที

โหลชีปัดมือ กล่าวขอโทษกับซู่หลิวอวิ๋นว่า: "ขอโทษด้วย ข้าคนนี้ชอบฟังแต่คำชมของคนอื่นว่าข้าสวยข้าคนดี แต่ไม่ชอบให้คนด่าข้า ใครด่าข้า ข้าก็ตบคนนั้น"

จ้าวหยุนหัวเราะ: "อืม เจ้าสวย"

เฉินซ่าเหลือบมองไปอย่างเย็นชา "นายน้อยจ้าวถ้าหากอยากไปพักที่คุกพั่วอวี้สักสองสามวันข้าสามารถสนองความต้องการของเจ้าได้"

จ้าวหยุนพูด: "ข้าทำผิดกะไร?"

"เรียกชื่อรองพระสนมของข้า" เฉินซ่าพูดช้าๆ หยุดและพูดเสริมอีกประโยค: "อันที่จริงต้องใช้ม้าห้าตัวแยกชิ้นส่วน"

"มีกฎหมายแบบนี้ในพั่วอวี้รึ?" จ้าวหยุนตกตะลึง

"เดิมทีไม่มี ตอนนี้เริ่มมีแล้ว" เฉินซ่าพูดอย่างหน้าตาเฉย

โหลชีกุมหน้าผาก ใครก็ได้ ลากเด็กผู้ชายสองคนนี้ออกไป----

ซู่หลิวอวิ๋นพูดด้วยความอิจฉาเล็กน้อยว่า: "คุณชายเฉินและแม่นางโหลมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจริง"

ในเวลานี้โหลชีจับสังเกตได้ถึงการเรียกของนาง คุณชายเฉิน แม่นางโหล

ตอนนี้ทั่วหล้าต่างก็เรียกเฉินซ่าว่าฝ่าบาท น่าหลานฮั่วซินจงใจเรียกให้สนิทสนมต่อหน้านาง แต่ว่าพอนางได้ยินก็รู้สึกตลก ยังสนิทสนมไม่เท่ากับซู่หลิวอวิ๋นเรียกคุณชายเฉินคำนั้น

และเฉินซ่ายังเน้นว่านางคือสนมของเขา ซู่หลิวอวิ๋นก็น่าแปลก เหมือนไม่ได้ยินเลย ยังเรียกนางว่าแม่นางโหลต่ออีก

จู่ๆนางก็หัวเราคิกคัก

"การตกแต่งห้องกาญจนใหม่ยังต้องใช้เวลา ทุกท่านหากไม่รังเกียจละก็ ไม่งั้นไปนั่งที่ห้องทับทิมเถิด"

ซู่หลิวอวิ๋นเสนอความคิด

พวกเขาจะยืนอยู่ตรงนั้นตลอดก็ไม่ใช่เรื่อง รวมถึงโหลชียังมีเรื่องที่จะถามซู่หลิวอวิ๋นก็ได้พยักหน้า: "ได้ซิ ถ้าอย่างนั้นรบกวนนางฟ้าหลิวอวิ๋นแล้ว"

ซู่หลิวอวิ๋นพูดอย่างอ่อนโยนว่า: "ไม่รบกวน ซู่หลิวอวิ๋นยังต้องอาศัยบารมีแม่นางโหล ถึงจะได้มีโอกาสดื่มชากับคุณชายเฉิน"

นางพูดพร้อมมองไปทางเฉินซ่า ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด: "ไม่แน่ว่าคุณชายเฉินอาจจะลืมรสชาติของชาหลงจิ่งที่อยู่บนเรือท่ามกลางฝนตกไปแล้วกระมัง?"

สายตาของซู่หลิวอวิ๋นเปล่งประกายมองไปที่นาง "พี่สาวกับคุณชายเฉินเมื่อก่อนเคยนั่งเรือกลางสายฝน?"

"เจ้าอย่าพูดมากนะสาวน้อย ช่างหน่อมแน้มจริงๆ" ซู่หลิวอวิ๋นตำหนิเคาะที่หน้าผากนางเบาๆ

นางพูดขนาดนี้ หากยังคิดเรื่องที่ซู่หลิวอวิ๋นพูดก็ถือว่าใจแคบเกินไป

ซู่หลิวอวิ๋นสามารถจองห้องทับทิมที่รองจากห้องกาญจนได้ แสดงว่าฐานะของเขาเฉินอวิ๋นสูงกว่าเขาปี้เซียน แม้แต่ห้องอินทนิลเขาปี้เซียนก็จองไม่ได้ นอกจากว่านางฟ้าเมิ่งปี้แก่แล้ว ชื่อเสียงความงามเมื่อเทียบกับน่าหลานฮั่วซินและซู่หลิวอวิ๋นไม่ได้เลย?

การตกแต่งห้องทับทิมประณีตละเอียดอ่อนขึ้นมาหน่อยแค่ดูก็มองออกถึงสไตล์ของซู่หลิวอวิ๋น

"นี่คือหลังจากที่ซู่หลิวอวิ๋นมา เจ้าของตึกบุษบาพันธ์ให้คนมาแก้เป็นพิเศษ" ซู่หลิวอวิ๋นเรียกให้ทุกท่านนั่ง เห็นโหลชีมองกระดิ่งลมที่ร้อยด้วยแก้วสีขาวบวกกับขนสีขาว ยิ้มพร้อมพูดว่า

"นางฟ้าหลิวอวิ๋นรู้จักเจ้าของตึกบุษบาพันธ์?"โหลชียกคิ้วขึ้น

เมื่อครู่คือโหลเหล่าไท่จวิน ตอนนี้เป็นเจ้าของตึกบุษบาพันธ์? เส้นสายใหญ่เสียจริง

"เพียงแต่เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว หลิวอวิ๋นกับคุณชายเฉินเคยเจอกันหลายครั้งแล้วพบกันบ่อยกว่า" ซู่หลิวอวิ๋นพูดไปพลางชงชาไปพลาง กลิ่นของชานั่น เทียบกับในห้องอินทนิลแล้วสดชื่นมากกว่า

"คุณชายเฉินดื่มชานี้ หลิวอวิ๋นตั้งใจพกมา เป็นใบชาที่เก็บจากต้นชาต้นเดียวกับที่บนเรือท่ามกลางสายฝนตอนนั้น"

นิ้วเรียวของซู่หลิวอวิ๋นจะนำชาวางด้านหน้าเฉินซ่า รอเขายื่นมือออกมารับ

โหลชียกคิ้วขึ้น

เวลานี้ จ้าวหยุนก็ได้ยกถ้วยชามาใบหนึ่ง ยื่นให้กับโหลชี ยิ้มอย่างอ่อนโยน: "มา แม่นางโหลลองชาของนางฟ้าหลิวอวิ๋น ดูสิว่าจะอร่อยมากแค่ไหน"

เฉินซ่าเดิมจะรับชาจากซู่หลิวอวิ๋น พอเห็นการเคลื่อนไหวของจ้าวหยุน ทันใดนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นดำ ทันทีที่หันมือก็หยิบถ้วยชาในมือของจ้าวหยุน ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็ดื่มจนหมดถ้วย ไม่ได้คำนึงถึงรสชาติของชาเลย

ซู่หลิวอวิ๋นสีหน้ายังไม่เปลี่ยน ยังยิ้มอยู่ ก็ได้เอาชาถ้วยนั้นหันมาทางจ้าวหยุน"นายน้อยจ้าวนับวันยิ่งอารมณ์ขันขึ้น"

จ้าวหยุนยิ้ม

เวลานี้ มีเสียงเชียร์อยู่ที่ห้องโถงชั้นล่าง มีคนตะโกนออกมา "มุขพะงามาแล้ว!"

"มุขพะงามุขพะงา มุขพะงาครั้งนี้คือใคร?"

"ดูเดี๋ยวก็รู้ มุขพะงาของตึกบุษบาพันธ์มีครั้งไหนที่เคยทำให้พวกเราผิดหวัง?"

"ออกมาแล้ว อยู่ไหนอยู่ไหน"

"ไหนไหน?"

"เงยหน้าขึ้นเจ้าไง่ ลงมาชั้นสามแล้ว!"

โหลชีก็สนใจมากเหมือนกัน ลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่างบานใหญ่เพื่อชมมุขพะงาบนเวทีที่ห้องโถงใหญ่ เมื่อตอนที่พวกเขามาถึงห้องโถงยังนั่งไม่เต็ม ตอนนี้นั่งเต็มแล้ว ดูเหมือน มีหลายคนมาเพื่อมุขพะงาโดยเฉพาะ

เวลานี้ พวกเขาต่างเงยหน้าขึ้น มองไปที่เวทีดอกไม้ด้านบน ผู้หญิงในชุดยาวสีม่วงลอยลงมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ