ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 297

ความอ่อนโยนไม่เหมือนกับที่คิดไว้ ผู้หญิงคนนั้นสูง สูงกว่าผู้ชายทั่วไป สวมชุดยาวสีม่วง แขนกว้างที่บางเหมือนปีก ด้านในมีสีขาวอีกชั้นเดียวซ่อนเดี๋ยวโผล่

ชุดของนางไม่เหมือนกับผู้หญิงทั่วไป ผ้าผืนใหญ่ปิดคลุมหน้าอกอย่างมิดชิดไม่ให้เห็นผิวด้านในเลยแม้แต่น้อย

จะว่าไปที่นี่ก็ไม่ใช่หอนางโลมจริงๆ สิ่งที่แตกต่างที่สุดคือมุขพะงาท่านนี้สวมใส่อย่างเข้มงวด แม้แต่สไตล์การแต่งตัวก็ค่อนข้างรัดกุม สิ่งที่ทำให้โหลชีพูดไม่ออกก็คือ ขณะที่สาวงามลอยลงมานั้นใช้แขนเสื้อปิดหน้าไว้ตลอด มองไม่เห็นโฉมหน้าโดยสิ้นเชิง แต่ สิ่งนี้ก็ไม่ได้ขัดขวางความตื่นเต้นดีใจของลูกค้าเหล่านั้น ยังมีคนเอาเงินทองโยนขึ้นไปบนเวที

สาวงามค่อยๆลอยลงบนเวที วางแขนเสื้อที่ปิดหน้าลง ทุกคนเห็นโฉมหน้าของนางอย่างชัดเจน ยกคิ้วขึ้นเบาๆ ยกหางตาขึ้นเล็กน้อย ได้ดึงดูดใจของทุกท่านอย่างช้าๆ ริมฝีปากสีแดง อ่อนโยนสวยงาม แม้แต่ตรงมุมปากก็มีดอกเหมยสีทองสีแดงสองสีเล็กๆปรากฏอยู่ ทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาได้

ทันใดนั้นด้านล่างเวทีก็เดือดขึ้น

"มุขพะงาดึงดูดใจได้มากกว่ามุขพะงาคนไหนๆสะอีก ข้าทนไม่ไหวแล้ว"

"มุขพะงา สามารถแก้กฎได้ไหม ให้โอกาสพวกข้าได้ใกล้ชิด!" ชายบ้ากามวัยกลางคนแววตาประกายความโลภออกมา จ้องมองริมฝีปากแดงของมุขพะงา ผู้ชายข้างๆเขาคนหนึ่งเอามือแตะปาก และก็ได้พูดขึ้นมาเหมือนกัน: "ได้ใกล้ชิดก็พอแล้วหรือ? ไม่อยากจะใกล้ชิดมากขึ้นบนเตียงหรือ?"

"ฮ่าฮ่าฮ่า น้องชายเข้าใจข้าจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ เราสองพี่น้องมาเล่นสนุกด้วยกัน"

สองคนหัวเราะเสียงดังขึ้น

เสียงหัวเราของพวกเขายังไม่หยุด เงาคนสี่คนก็ว๊าบขึ้นอย่างรวดเร็ว ปรากฏตัวข้างๆพวกเขา จับพวกเขามา ไม่ได้พูดอะไรมากแล้วเดินออกไปข้างนอก

สาวงามบนเวทียิ้ม: "อย่าหยาบคายเกินไป สกัดจุดแล้วโยนลงทะเลสาบก็พอแล้ว"

"ขอรับ" ทั้งสี่ตอบด้วยความเคารพ พาคนออกไป สักพักก็มีเสียงตูมสองเสียงตกลงไปในน้ำ เสียงดังเข้ามา หมายความว่าคนน่าจะถูกใช้กำลังโยนลงน้ำ เป็นไปไม่ได้ว่าจะเข้าไปแล้วโยนคนลงไปในน้ำอย่างสบายๆ

นี่ยังเรียกว่าไม่หยาบคาย? สกัดจุด แม้ว่าจะว่ายน้ำเป็นก็ไม่มีประโยชน์

เห็นได้ชัดว่าสาวสวยคนนี้ต้องการชีวิตของทั้งสองคน

เช่นนี้แล้ว ทันใดนั้นห้องโถงก็เงียบลงมาก นัยน์ตาสาวสวยเย้ายวน ยิ้มเล็กน้อย: "ทำให้ทุกท่านตกใจแล้วหรือ?"

ด้านล่างเวทีมีเสียงตอบกลับทันที

"ไฉนเลย พวกเราไม่ได้ขี้กลัวขนาดนั้น"

"ใช่ใช่ ตึกบุษบาพันธ์มีกฎมาตั้งนานแล้ว ไม่อนุญาตให้พูดจาหยาบคายใส่มุขพะงาแม่นางทุกท่าน สองคนนั้นต้องมาเป็นครั้งแรกแน่นอน!"

"มุขพะงาสั่งสอนได้ถูกแล้ว"

สาวงามปิดปากอย่างชอบใจ "ขอบคุณที่ทุกท่านเข้าใจ งั้นข้าไม่พูดเรื่องไร้สารให้มากความ เริ่มกันเลย โจทย์แรกนี้สำหรับสุภาพสตรีทุกท่านที่อยู่ในตึกบุษบาพันธ์ในวันนี้ สุภาพสตรีที่สนใจสามารถเข้าร่วมได้ คำตอบที่ข้าคิดว่าดีนั่นจะได้เป็นเจ้าของโจทย์ ตึกบุษบาพันธ์จะยอมรับหนึ่งคำขอของนาง"

ทันทีที่ได้ยินโจทย์แรกก็คือเตรียมเพื่อลูกค้าสุภาพสตรี สุภาพบุรุษเหล่านั้นผิดหวังเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็กระซิบกระซาบรอคอยคาดเดาขึ้นมา

เวลานี้ เฉินซ่าพวกเขาก็ได้เดินมาข้างๆโหลชี ทันทีที่ซู่หลิวอวิ๋นเห็นหน้ามุขพะงา ก็ตกใจเล็กน้อย

แม้ว่านางจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่โหลชียังคงสังเกตเห็น

"ได้ยินครานี้ เขาปี้เซียน เขาเฉินอวิ๋น องค์หญิงคนโตเป่ยชางและคนอื่นๆ ตึกบุษบาพันธ์เพิ่มสีสันได้มากจริงๆ

เสียงมุขพะงาจบลง ผู้ชายหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์เปล่งแสงสว่างออกมาจากดวงตา อันที่จริง ครั้งนี้ไม่ได้แค่ชมมุขพะงาแห่งตึกบุษบาพันธ์เพียงอย่างเดียว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งคือมาเพื่อสตรีที่มีชื่อเสียงทั่วหล้าสองสามท่านที่อยู่ที่นี่

ท่านเหล่านี้เป็นตัวแทนสตรีบุคคลสำคัญของสตรีทั่วหล้า เป่ยฝูหรง ซู่หลิวอวิ๋น นางฟ้าเมิ่งปี้ ปกติแล้วคนธรรมดาไม่ใช่ว่าอยากพบก็พบได้

โดยเฉพาะองค์หญิงใหญ่และนางฟ้าหลิวอวิ๋น แม้ว่าจะมีข่าวลือว่าองค์หญิงใหญ่จะแต่งงานกับยู่ไท่จื่อ แต่เรื่องราวยังไง ใครรู้? ยังมีนางฟ้าหลิวอวิ๋น ชื่อเสียงดีงามดังไปทั่ว ถึงแม้ว่าจะได้มองแค่ครู่เดียว พวกเขาตายก็วางใจ

อีกท่าน นางฟ้าเมิ่งปี้แม้ว่าอายุจะมากหน่อย แต่ก็เป็นสตรีที่ยังไม่แต่งงาน ยังมีอีกอย่างหนึ่ง คนเหล่านี้เมื่อออกมาข้างนอกไม่มาคนเดียวแน่นอน อย่างเช่น จิ่งหยาว ซู่อวิ๋นซิงคนเหล่านี้ ฐานะก็ไม่ได้ต่ำต้อย

ทุกคนมองไปรอบๆ ต้องการดูว่าผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาเหล่านี้อยู่ที่ไหน

ซู่อวิ๋นซิงสูดลมหายใจพูดว่า: "คนพวกนี้บ้าหรือเปล่า บุคคลสำคัญเช่นพี่สาวข้า ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถเจอได้ตามอำเภอใจ?"

"อวิ๋นซิง ข้าบอกเจ้าไปกี่ครั้งแล้ว อย่าได้ไม่รู้จักกาลเทศะเช่นนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่ฟังนะ?" ซู่หลิวอวิ๋นมองอย่างจนใจพูด: "อีกอย่าง ครั้งนี้ไม่ให้เจ้าตามข้ามา เจ้าก็พาชุนเซียงตามมาจนได้ ยังล่วงเกินยอดฝีมือ ตอนนี้ชุนเซียงก็ไม่สบาย เจ้ากลับไม่ละอายใจแม้แต่น้อย"

ซู่อวิ๋นซิงปิดปากแล้วไม่พูดอะไรอีก

แม้ว่าโหลชีจะกำลังดูบนเวทีดอกไม้อยู่ แต่ว่าก็ได้ฟังคำที่ซู่หลิวอวิ๋น

พูดทั้งหมด ตั้งแต่ปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ ซู่หลิวอวิ๋นอ่อนหวานใจกว้างตลอด ไม่มีความเย่อหยิ่งเลย เทียบกับน่าหลานฮั่วซินแล้วไม่เหมือนกันเลย

บนเวทีหญิงงาม สาวสวยมุขพะงากำลังประกาศโจทย์

"แขกสุภาพสตรีเห็นสิ่งนี้หรือไม่?"

ใบไม้ร่วงตามเสียงของเขา ระเบียงทางเดินทั้งสีด้านมีสาวใช้คนสวยหนึ่งคน จากนั้นเสียงกระดิ่งลมก็ตกลงมาช้าๆตามแนวเชือก

กระดิ่งลมทั้งสี่สายนั้นเหมือนกันกับกระดิ่งลมขอบหน้าต่างข้างพวกเขาทุกประการ กระดิ่งเซรามิกสีขาว มีขนนกสีขาว

มุขพะงาจู่ๆก็ลอยหมุนตัวขึ้น แขนเสื้อปัดไปทางกระดิ่งลมทีละตัว เสียงกระดิ่งลมดังขึ้น กริ่ง กริ่ง เสียงนั้นใสเหมือนเสียงของเด็กสาว ทำให้คนรู้สึกสบายหูมาก

โหลชีกลับอึ้งเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไม นางรู้สึกว่ากระดิ่งนี้เสียงคุ้นๆ

แต่ไม่ว่านางจะคิดยังไงก็คิดไม่ออก ตกลงเคยได้ยินจากที่ไหน การฟังของนางดีมาก หูของหลายคน กระดิ่งลมทั่วไปเสียงดังเหมือนๆกัน แต่นางสามารถแน่ใจว่า เสียงกระดิ่งแบบนี้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เคยได้ยิน

ทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่านี่เป็นโจทย์อะไร ก็ได้ยินมุขพะงาหลับตาลง พูดเบาๆว่า: "สุภาพสตรีทุกท่านเพียงแค่ตอบข้าว่า พวกท่านได้ยินเสียงกระดิ่งนี้แล้วรู้สึกอย่างไรก็พอ ลูกค้าสุภาพสตรีทุกท่านสามารถร่วมได้ เจ้าของโจทย์นี้ไม่ว่าจะขออะไร ตึกบุษบาพันธ์ทำให้ได้แน่นอน"

ทุกท่านตะลึงอีกครั้ง

แต่ว่าเจ้าของตึกบุษบาพันธ์ลึกลับมาก ทั้งยังลือกันว่าเทพลงมาเกิดไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ หากได้การช่วยเหลือจากเขา----

ตอนนี้ ลูกค้าสุภาพสตรีชั้นหนึ่งชั้นสองชั้นสามต่างคึกคักขึ้นมา มีสาวใช้ขึ้นไปส่งจดหมายที่เตรียมไว้นานแล้ว แค่เขียนคำตอบของตัวเองลงไปแล้วให้สาวใช้มอบให้กับมุขพะงาก็ได้แล้ว ในช่วงนี้มุขพะงาไม่ได้รออยู่บนเวที ได้ลงจากเวทีนานแล้ว มีสาวๆคนสวยเต้นรำอยู่บนเวที

"คุณชายเฉิน ถ้าหากหลิวอวิ๋นโชคดีได้เป็นเจ้าของโจทย์นี้ ก็จะเชิญให้ตึกบุษบาพันธ์ช่วยให้คุณชายได้ทหารของตระกูลเซียวดีไหม?" ซู่หลิวอวิ๋นเขียนจดหมายอย่างรวดเร็วยื่นให้กับสาวใช้หันกลับมามองเฉินซ่าถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า: "แม้ว่าเจ้าจะสามารถฆ่า แต่ไม่เคยเห็นเจ้าใช้ บางทีกระบี่ล้ำค่าก็ดีกว่าสำหรับท่าน"

เฉินซ่าพูดเบาะ: "ไม่ต้อง"

ซู่อวิ๋นซิงเม้มปากพูด: "ท่านพี่ลำเอียง ไม่บอกว่าจะช่วยเอามาให้ข้า กลับจะมอบให้กับคุณชายเฉิน!"

"เจ้าเด็กโง่จะไปคู่ควรกับอาวุธวิเศษนั้นได้ยังไง อยู่ในมือของเจ้าก็เป็นอาวุธทำลายล้าง"

โหลชีได้ยินแล้วก็หัวเราะขึ้นมา หันไปมองซู่หลิวอวิ๋นด้านข้างๆ: "นางฟ้าหลิวอวิ๋นใจกว้างจริงๆ! แต่ว่านางฟ้าเตรียมจะมอบไมตรีให้กับผู้ชายของข้าต่อหน้าข้า เคยคิดถึงความรู้สึกของข้าไหม?"

จ้าวหยุนหัวเราะแบบไม่มีเสียง ผู้ชายของนาง......

เฉินซ่าบีบมือของนาง เหลือบมองนาง: "นอกจากเจ้าให้ข้าแล้ว ผู้หญิงคนไหนให้ของก็ไม่รับ พอใจไหม?"

คำนี้พูดออกมา ซู่อวิ๋นซิงก็ทนไม่ไหว กำลังจะพูดอย่างโมโห ซู่หลิวอวิ๋นกลับชิงพูดขอโทษด้วยความอ่อนโยนก่อนนาง: "หลิวอวิ๋นเองที่ไม่ทันคิดให้ดี ขอแม่นางโหลโปรดอภัย"

โหลชียกคิ้วขึ้น คิดไม่ถึง นางพูดขนาดนี้ก็ไม่โกรธแล้ว? ซู่หลิวอวิ๋นถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี กลับทำให้นางดูเป็นคนใจแคบ

เฉินซ่าเหลือบมองนาง พูดอ่อนโยนว่า: "ชีชีเป็นคนขี้หึง แม่นางซู่อย่าได้เก็บมาใส่ใจ"

"พูดอย่างกับท่านไม่ใช่คนขี้หึง" โหลชีก็หัวเราะ ที่จริงไม่ได้คิดจะตอบคำถามข้อนี้ ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจ

นางเขียนไม่กี่คำแล้วส่งให้ไป ก็ได้ถามซู่หลิวอวิ๋นเรื่องโหลเหล่าไท่จวินขึ้นมา

ซู่หลิวอวิ๋นเหมือนจะพูดเรื่องที่ตัวเองรู้ทุกอย่างออกมา "ตระกูลโหลไม่ใช่ตระกูลที่ซ่อนอยู่ธรรมดา คนธรรมดาทั่วไปไม่เคยได้ยินชื่อโหลเหล่าไท่จวิน แต่ว่าโหลเหล่าไท่จวินนี้แม้แต่อาจารย์ของหลิวอวิ๋นก็ยังต้องทำความเคารพ วรยุทธ์ของแม่นางโหลและคุณชายเฉินทั้งคู่สูงส่งมาก แต่ไม่แน่ว่าจะสามารถรับมือสามกระบวนท่ากับโหลเหล่าไท่จวิน"

สายตาของโหลชีเปล่งประกาย

ซู่หลิวอวิ๋นยังพูดต่อไปว่า: "จะว่าไป หากคุณชายเฉินได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลโหลนั่นคือไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว น่าเสียดายนิสัยโหลเหล่าไท่จวินค่อนข้าง......นางไม่ชอบพบคนนอก อาจเป็นเพราะหลิวอวิ๋นอายุน้อย เคยดูแลหลิวอวิ๋น"

โหลชียิ้มอีกครั้ง นางฟ้าหลิวอวิ๋นท่านนี้......

เฉินซ่าดวงตาของเฉินหรี่ลง: "ข้ามีพระสนมคนเดียวก็พอแล้ว"พระสนมสุดที่รักของเขา มีความสามารถเยอะมาก อีกทั้ง ยังมีประโยชน์กับเขา คนอื่นต่อให้มีความสามารถมาก ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา?

นางฟ้าหลิวอวิ๋นเงียบชั่วขณะ: "คุณชายเฉินใส่ใจแม่นางโหลทำให้น่าอิจฉาจริงๆ"

......

ในห้องธรรมดา มีเงาหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ดูอ้างว้างและเดียวดาย

มีกระดิ่งลมสีขาวห้อยอยู่เหนือหน้าต่าง จ้องมองไปทาง

สาวใช้ที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ กำลังเปิดจดหมายอย่างรวดเร็ว สาวใช้คนหนึ่งพูดว่า: "นายน้อย ถ้าหากว่าที่บ้านรู้เข้าว่าท่านสวมใส่ชุดสตรีมาเป็นมุขพะงาที่นี่ต้องลำบากแน่"

เงานั้นขยับ แขนเสื้อสีม่วงพลิ้วไปมา "ตึกบุษบาพันธ์นี้เดิมก็เป็นของข้า พวกเขารู้แล้วจะสามารถมาควบคุมพื้นที่ของข้าหรือ?"

เขาหมุนตัวเอง แม้ว่าจะยังแต่งเป็นผู้หญิง แต่ลักษณะท่าทางความหวานไม่เหลืออยู่แล้ว สายตาเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่มีรูปลักษณ์และอารมณ์ไม่ด้อยกว่าหยุนเฟิงและเฉินซ่า

ได้ยินน้ำเสียงที่ไม่พอใจของเขา สาวใช้ถอนหายใจส่ายหน้าพูด: "นายน้อยมักเป็นแบบนี้ ข้าน้อยเป็นห่วง----"

"ข้ารู้อะไรควรไม่ควร" ผู้ชายพูด ตาเพิ่งมองไปบนกระดาษแผ่นหนึ่ง

ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นทันใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ