ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 300

โหลฮ่วนเทียนส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า: "เหล่าไท่จวินบอกว่าช่วงเวลาตกฟากของน้องสาวใหญ่และหนักเกินไป ก่อนจะถึงห้าขวบยังไม่ตั้งชื่อจริงก่อน ดังนั้นที่บ้านเราเลยนางตามลำดับเท่านั้น น้องสาวข้าอยู่ในบ้าน" เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า: "คือเสี่ยวชี"

โหลชีอยากจะแตะหน้าผาก

อย่างอื่นนางไม่อยากจะพูด นางแค่อยากดูถูกนักพรตเลวสักหน่อย ตั้งแค่ชื่อยังขี้เกียจขนาดไหนกันห๊า! ห๊า! อยู่ลำดับที่เจ็ดก็เลยชื่อโหลชี นี่ถ้าเกิดนางอยู่ลำดับที่สาม เช่นนั้นนางชื่อโหลซาน? เสี่ยวซาน(เมียน้อย)?

โหลชีไม่ได้สงสัยโหลฮ่วนเทียน แม้แต่ในยุคสมัยใหม่ที่ปกคลุมไปด้วยแสงแห่งวิทยาศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดก็ยังทำให้คนรู้สึกถึงความมหัศจรรย์เช่นกัน

นางมีความรู้สึกสนิทสนมใกล้ชิดกับโหลฮ่วนเทียนอย่างหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลย

บวกกับชื่อที่ขี้เกียจเข้ากระดูกที่นักพรตเลวตั้งให้นาง มีความเป็นไปได้สูง นางเป็นน้องสาวที่โชคร้ายนั่นของโหลฮ่วนเทียนจริงๆ

แต่หากอาศัยแค่ไม่กี่ข้อนี้ นางก็กระโจนเข้าใส่อ้อมแขนของโหลฮ่วนเทียนอย่างกระตือรือร้นหรือไม่ก็ร้องไห้ฟูยฟายแล้วเรียกเขาว่าพี่ชาย เช่นนั้นก็น่าเกลียดเกินไปหน่อย อีกอย่าง ฟังเขาพูดถึงตระกูลโหล คาดว่าคงมีคนและเรื่องมากมายที่รนหาที่ตาย หากนางยอมรับว่าตนเองเป็นคนของตระกูลโหลไปเช่นนี้ นางรู้สึกว่านั่นคือการกระทำที่งี่เง่ามาก

นางยังไม่ได้พูดอะไร ฝ่าบาทที่เหลือบมองการแสดงออกทางสีหน้าของนางก็พอจะเดาความคิดของนางออกในดวงตามีรอยยิ้มแวบผ่านไป กล่าวขึ้นมาอย่างเอื่อยเฉื่อย: "นายน้อยโหลคิดว่าสถานะในตอนนี้ของชีชีคืออะไร?"

ที่ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่สามารถเดาความคิดแบบนี้ของโหลชีได้ นั่นก็เป็นเพราะตัวเขาเองเคยมีประสบการณ์ "รนหาที่ตาย" มาก่อน ก่อนหน้านี้เขานึกว่าทันทีที่สัญญาที่ประกาศต่อคนใต้หล้าออกมา บวกกับอาศัยผู้ส่งสารสามร้อยนายรีบเร่งส่งจดหมายนับสิบฉบับจะสามารถทำให้นางซาบซึ้งและกลับไปได้ แต่แล้วคนเขาก็ยังออกจากตงชิงมายังเป่ยชางเช่นเดิม

ตอนนี้ในใจฝ่าบาทร้าวรานขนาดไหน ไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ไล่ตามหมื่นลี้เพื่อง้อเมียด้วยตัวเอง

ตอนนี้เขารู้สึกโชคดีมากที่มาด้วยตนเอง ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็มีหยุนเฟิง จ้าวหยุน ยังมีพี่ชายเมียที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาอีก

หากว่าเขาไม่อยู่ หากนางถูกคนล่อลวงไปจริงๆจะทำอย่างไร?

ตอนนี้เขาก็ยังคิดอย่างเลวร้ายมาก เขาไล่ตามอย่างลำบากขนาดนี้ ตระกูลโหลทำนางหายไปนานหลายปีขนาดนี้ อาศัยแค่เล่าเรื่องแค่ไม่กี่เรื่องก็จะพานางกลับไป เห็นสนมรักของเขาเป็นอะไร?

โหลฮ่วนเทียนหดหู่ในใจ จ้องมองเฉินซ่าครู่หนึ่ง "ฝ่าบาทกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?"

"ถึงแม้พั่วอี้จะยังไม่ได้สร้างแคว้น แต่ตอนนี้ห้าเมืองหนึ่งเขตแดนก็กำลังก่อสร้างอย่างรวดเร็ว ทุ่งป่าเถื่อนของพั่วอวี้ ข้าก็จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแน่นอน" จู่ๆสง่าราศีความเป็นกษัตริย์ของเฉินซ่าก็พลุ่งพล่านออกมากะทันหัน เหล่ตามองเขาอย่างเหยียดหยาม "ชีชีไม่ได้ไร้ที่พึ่ง"

โหลชีมองดูเขาอย่างตกตะลึง

ในใจของโหลฮ่วนเทียนมั่นใจนานแล้วว่าโหลชีก็คือเสี่ยวชีของเขา เพราะคิ้วกับตาของนางเหมือนท่านแม่ของพวกเขามากจริงๆ! เขาหน้าเหมือนท่านพ่อมากกว่า ในขณะที่โหลชีกลับเหมือนท่านแม่มากกว่า

ต่อมาเข้าห้องกาญจน โหลชีก็ถอดม่านบังหน้าลูกปัดทองคำออก ทันทีที่เขาเข้ามาแล้วเห็นนางก็รู้สึกว่านางดูคุ้นตามาก นั่นคือรูปร่างหน้าตาตอนสาวๆของท่านแม่พวกเขา แต่ว่า สายตาของโหลชีแตกต่างจากท่านแม่ของพวกเขา แวววาวมากกว่า ส่องประกายระยิบระยับมากกว่า!

ได้ยินเฉินซ่ากล่าวเช่นนี้ โหลฮ่วนเทียนรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาทันที: "ก็ไม่แน่ว่าเสี่ยวชีของเราต้องพึ่งเจ้า"

"ถ้าไม่อย่างนั้น จะพึ่งตระกูลโหลพวกเจ้า? ถึงแม้ว่านางจะเป็นเสี่ยวชีของตระกูลโหลจริงๆ สมัยก่อนหายตัวไปได้อย่างไร ใครเป็นคนพานางไป เรื่องพวกนี้เจ้าได้สืบชัดเจนแล้วหรือ? เจ้าแน่ใจว่า หลังจากชีชีกลับไปแล้ว คนตระกูลโหลทุกคนจะให้การต้อนรับรักและดูแลนาง?"

"......"

เขาไม่แน่ใจ ตระกูลโหลในตอนนี้ยิ่งวุ่นวาย ยิ่งสั่นคลอนไม่มั่นคงกว่าเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเสียอีก ในบ้านหลังนั้น มีบางอย่างที่เน่าเฟะไปแล้ว แม้แต่เขาที่เห็นมายี่สิบกว่าปีก็ยังไม่ชินกับมันเลย นับประสาอะไรกับเสี่ยวชีที่ไม่รู้อะไรเลย?

จู่ๆโหลฮ่วนเทียนก็จับแสงสลัวเล็กน้อยในดวงตาของเฉินซ่าได้กะทันหัน ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที

"คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทพั่วอี้จะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้! ท่านอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ที่ท่านกล่าวเช่นนี้ก็เพื่ออยากให้เสี่ยวชีประทับใจ ให้นางเห็นท่านเป็นที่พึ่งพาใช่ไหม? ฝันไปเถิด!" เขาสะบัดแขนเสื้อ ปล่อยมือสองข้างว่างเปล่า "ถึงแม้จะไม่มีตระกูลโหล ข้าก็เป็นที่พึ่งพิงของเสี่ยวชี เสี่ยวชีมีข้าก็เพียงพอแล้ว! หลงหลิน ออกมา!"

หลังจากคำสั่งของเขา ชายในชุดคล่องตัวสีครามเข้มก็แวบออกมา "ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไปทันที จากนี้ไปประมุขสูงสุดของตึกบุษบาพันธ์สิบสามตึกเปลี่ยนคนทันที! ประมุขตึกสูงสุดโหลชี ถือป้ายอาญาสิทธิ์ประมุขสูงสุด ตึกสิบสามทั้งหมดห้าพันสามร้อยกว่าคน ต้องทำตามคำสั่งประมุขตึกสูงสุดคนใหม่โดยไม่มีเงื่อนไข ผู้ฝ่าฝืน ประหาร!"

"ขอรับ นายน้อย!"

หลงหลินรับคำสั่ง ถอยออกไปทันที

"หลงฉือ"

ชายที่แต่งตัวเหมือนกันอีกคนหนึ่งแวบออกมา

"ถ่ายทอดคำสั่งให้หอบังคับกฎ หอบังคับกฎหนึ่งร้อยยี่สิบคน ต่อจากนี้ไป ถอนตัวออกจากตระกูลโหลและสาบานว่าจะปกป้องประมุขตึกคนใหม่โหลชีจนตัวตาย หากหัวหน้าสาขาของตึกบุษบาพันธ์สิบสามตึกไม่ทำตามป้ายอาญาสิทธิ์ประมุข หรือคิดจะเป็นปรปักษ์ ฆ่าได้ในทันที"

"ขอรับ!"

โหลฮ่วนเทียนถูกเฉินซ่ากระตุ้นความรู้สึก เลยออกคำสั่งลับสองคำสั่งติดต่อกัน เร็วจนโหลชีตอบสนองกลับมาไม่ได้ อึ้งจนคางตกลงไปถึงพื้นนานพักใหญ่ยังไม่มีเวลาเก็บ

ตึกบุษบาพันธ์เช่นนี้ ไม่ได้มีแค่เมืองนั่วราเท่านั้น ใต้หล้ายังมีอีกสิบสามตึก? มีผู้ใต้บังคับบัญชาที่งดงามหล่อเหลามีวรยุทธดีเห็นได้ชัดว่าผ่านการฝึกฝนที่ฉกาจฉกรรจ์มากกว่าห้าพันสามร้อยคน?

ยังมีหอบังคับกฎอีก?

โอ้แม่เจ้า

"เดี๋ยวก่อน ท่านรอเดี๋ยวก่อน" กว่าจะหาเสียงของตนเองกลับมาได้ โหลชีรู้สึกว่าหัวใจดวงน้อยๆของตนเองกำลังจะกระโดดออกมาแล้ว "ท่านรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่?"

"ข้าไม่มีทางจำน้องสาวแท้ๆของตัวเองผิดไปอย่างแน่นอน เสี่ยวชี เจ้าอย่าห่วงไปเลย เมื่อก่อนเจ้าลำบากแล้ว ต่อไป พี่ใหญ่จะปกป้องเจ้าเอง บุษบาพันธ์สิบสามตึกข้าเป็นคนก่อตั้งขึ้นมาด้วยตัวเอง หอบังคับกฎแยกตัวออกมาจากตระกูลโหลเมื่อนานมาแล้ว ที่ยังขึ้นต่อตระกูลโหลก็เพื่อต้องการตบตาใครบางคน ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมพอดี แยกตัวจากตระกูลโหล ก็จะเป็นแค่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเท่านั้น!" โหลฮ่วนเทียนเหล่มองเฉินซ่า ฮึออกมาคำหนึ่งแล้วกล่าวว่า: "หากมีบางคนปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี เจ้าลากตัวมันออกไปจัดการแม่งให้หมด! กำลังความสามารถของพวกเราเจ้าวางใจได้ ลูกสมุนใหญ่น้อยทั่วไป หนึ่งคนสามารถสู้ได้เป็นสิบคน! ห้าเมืองหนึ่งเขตแดนอะไรเราไม่สนใจ! ก่อเรื่องให้ตำหนักจิ่วเซียวพลิกกลับหัวก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร!"

เฉินซ่า: "......"

โหลชี: "......"

ตู้เหวินฮุ่ยกับเสี่ยวโฉวที่อุ้มจิ้งจอกม่วงเป็นของตกแต่งอยู่ในมุมห้องมาตลอด: "......"

จิ้งจอกม่วง: "วู๊วู......"

"เช่นนั้น..." ถึงแม้จะเป็นแม่นางโหลชีที่เคยเห็นคลื่นใหญ่ลมแรงมาแล้วนับไม่ถ้วนก็ยังอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้ กล่าวถามอย่างระมัดระวัง: "ท่านเอากำลังอำนาจให้ข้าหมด แล้วตัวท่านล่ะ?"

อายุเพียงยี่สิบกว่าๆ จะสร้างกำลังอำนาจพวกนี้ขึ้นมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายอะไรเลย ก็ไม่รู้ว่าเขาต้องลำบากขนาดไหนกว่าจะสร้างบุษบาพันธ์สิบสามตึกขึ้นมาได้ ยากเย็นแค่ไหนกว่าจะเปลี่ยนหอบังคับกฎให้กลายเป็นหอลงทัณฑ์ส่วนบุคคลของตนเอง ตอนนี้จะยกทั้งหมดนี่ให้กับนาง แล้วตัวเขาเองล่ะ?

โหลฮ่วนเทียนโบกมือแล้วกล่าวว่า: "พี่ใหญ่ไปสร้างฐานกำลังอำนาจให้เจ้าต่อ เสี่ยวชีเจ้ายังขาดองครักษ์ลับหนึ่งหน่วย ธรรมดาเราไม่เอา พี่ใหญ่ไปแสวงหาคนเก่งๆให้เจ้า!"

โหลชีรู้สึกจุกในลำคอ มองดูเขาอย่างตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก

"เสี่ยวชี" โหลฮ่วนเทียนมองดูนางอย่างแน่วแน่: "พี่ใหญ่มีคำขอแค่ข้อเดียว สมัยก่อนตอนที่เจ้าหายไป ท่านแม่แทบจะแหลกสลาย โชคดีที่ตอนนั้นนางเก็บผมที่เพิ่งหลุดร่วงสองสามเส้นของเจ้าได้ ใช้เวทมนต์ปลุกลมหายใจแห่งจิตวิญญาณของเจ้าออกมาเล็กน้อย เก็บไว้ในกระดิ่งที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะอันหนึ่ง นางก็อาศัยกระดิ่งลมพักวิญญาณอันนั้น หลายปีมานี้ถึงได้เชื่อมั่นว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ขอแค่เอาเส้นผมสองสามเส้นของเจ้ากลับไป หากสามารถทำให้กระดิ่งดังได้โดยไม่มีลม ไม่ต้องสงสัย เช่นนั้น ท่านแม่จะต้องดีใจจนแทบคลั่งแน่!"

"กระดิ่งลมพักวิญญาณ?" โหลชีอึ้งไปครู่หนึ่ง ยังมีของแบบนี้ด้วย?

"ใช่ อีกอย่าง ที่ฝ่าบาทกล่าวก็ไม่ผิด ตอนนี้เจ้าเป็นพระสนมแห่งพั่วอี้ พี่ใหญ่จะรับเจ้ากลับไปเงียบๆโดยไม่ทำอะไรเลยแบบนี้ไม่ได้ ถึงแม้เราจะไม่กลับตระกูลโหล แต่อย่างน้อยก็ต้องให้ภูติผีปีศาจที่แอบซ่อนตัวในที่มืดพวกนั้นได้รู้ พวกมันอยากจะทำร้ายเสี่ยวชี ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด! เสี่ยวชียังมีชีวิตอยู่! ข้าจะให้ท่านแม่มองดูกระดิ่งลมพักวิญญาณของเจ้าดังขึ้นมา ต่อหน้าทุกๆคนในตระกูลโหล!"

โหลฮ่วนเทียนกล่าวถึงช่วงสุดท้าย น้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อย

โหลชีรู้ว่า ต้องมีบางอย่างที่เขายังไม่ได้บอกนางแน่ อย่างเช่นความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่นางหายตัวไป หลายปีมานี้ ทำไมตระกูลโหลถึงไม่มีใครตามหานาง มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ตามหา ยังมีพ่อของเขา เขาก็ไม่ได้เอ่ยถึงเลย

แต่ว่า พี่ใหญ่เช่นนี้ นางรับ! นางรับ!

"ได้ ข้ารับปาก" ต้องการแค่ผมของนางเท่านั้นเอง! นางก็อยากได้ข้อสรุปที่แน่ชัดข้อนี้เช่นกัน นางก็ต้องการเช่นกัน!

โหลฮ่วนเทียนดีใจมาก

"เฉินซ่า ท่านลงมือ" นางหันกลับไปมองดูเฉินซ่า พิชิตวันอยู่ในมือเขา

จากนั้นฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ก็ทำท่าทางหนึ่งที่ทำให้โหลชีกับโหลฮ่วนเทียนไม่มีวันลืมไปเลยตลอดชีวิต

เขายื่นมือเข้าไปในอก จากนั้น----

หยิบถุงผ้าไหมสีแดงประณีตออกมาใบหนึ่ง ยื่นให้กับโหลฮ่วนเทียน

โหลฮ่วนเทียนแทบจะลมจับไปเลย "เฮ้ๆๆ! ข้าไม่ชอบแนวนี้!"

ไม่ชอบแนวนี้? แนวไหน?

เฉินซ่าที่ตอบสนองกลับมาแทบจะตบเขาให้ตายในฝ่ามือเดียว กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา: "เจ้าสามารถไร้ยางอายได้มากกว่านี้อีกหน่อยนะ ข้าจะได้มัดชีชีเอาไว้ไม่ให้นางยอมรับเจ้า นี่คือเส้นผมของชีชี"

ทีนี้แม้แต่โหลชีก็ตกตะลึงไป: "ทำไมท่านถึงมีเส้นผมของข้าได้?" นางรับถุงเหอเปานั่นมา เปิดออกดู ข้างในมีเส้นผมปอยหนึ่งจริงๆ ด้วยระดับความคุ้นเคยที่มีต่อคุณภาพเส้นผมตนเองของนาง นี่คือเส้นผมของตนเองไม่ผิด ประมาณสิบกว่าเส้น มัดด้วยไหมสีทองเส้นเล็กๆ พันกันเป็นก้อน

หรือเขาจะสารภาพว่าหลังจากที่นางจากมาแล้วเขาไปที่เตียงนอนที่นางเคยนอนในตำหนักด้านข้างคนเดียว บนเตียงของตนเอง หาผมของนางไปทั่วทุกที่บนเตียง เพียงเพราะฮั่วหยูฉุนคนไม่น่าเชื่อถือนั่นบอกว่า เก็บซ่อนเส้นผมของหญิงสาวเอาไว้เช่นนี้ จะทำให้นางลืมเจ้าไม่ได้ไปชั่วชีวิต?

ข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้ตั้งนานแล้วว่า เคล็ดลับที่ฮั่วหยูฉุนไต่ถามมาจากบรรดานักโทษในบริเวณเรือนจำล้วนเชื่อถือไม่ได้ทั้งนั้น!

"อะแฮ่มๆ" เฉินซ่างอนิ้วชี้ดันอยู่ใต้จมูก กระแอมไอสองครั้ง พึมพำไปสองคำไม่รู้ว่าพูดอะไร แต่โหลชีตาไวเห็นว่าปลายหูของเขาแดงขึ้นมาเล็กน้อย

นางส่งเส้นผมให้โหลฮ่วนเทียนด้วยความสงสัย

โหลฮ่วนเทียนก้มหน้าลงเล็กน้อย เก็บซ่อนดวงตาที่เริ่มแดงของตนเอง

"เสี่ยวชีมาเมืองนั่วราเพราะต้องการกระบี่ล้ำค่าของตระกูลเซียวหรือ?" โหลฮ่วนเทียนปรับอารมณ์ความรู้สึกเล็กน้อย มองดูนางแล้วกล่าวถาม "ข้าไปเอามันมาให้เจ้า"

"ไม่ต้อง ข้ามีอาวุธวิเศษ" โหลชีตบไปที่แส้ตรงเอวของตนเองเบาๆ

กระบี่ล้ำค่านั่น นางจะให้เฉินซ่าไปดูก่อนค่อยว่ากัน หากเหมาะสมพวกเขาค่อยเอา ไม่เหมาะสมก็ไปชมความครึกครื้นเพลินๆ

"เรียนถามท่านประมุขตึกอยู่ที่นี่ใช่ไหม? องค์หญิงของเรามีคำเชิญ"

เสียงสุภาพนุ่มนวลดังมาจากข้างนอก

"สาวใช้ของเป่ยฝูหรง" โหลฮ่วนเทียนฟังออกในทันที "เดิมทีนางมีความคิดที่จะร่วมมือกับตึกบุษบาพันธ์"

"ข้ากับเป่ยฝูหรง เป็นศัตรูกัน" โหลชีกะพริบตาแล้วพูดออกมาคำหนึ่ง

โหลฮ่วนเทียนกล่าวขึ้นมาในทันที: "เป่ยฝูหรงคนนี้ก็เคยรังแกเจ้า? อืม ข้าไม่ไปแล้ว ไม่ไปแล้ว"

......

เป่ยฝูหรงได้ยินคำตอบที่สาวใช้นำกลับมา ขมวดคิ้วทันที: "เขาบอกว่าไม่มีเวลาพบแขก?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ