สาวใช้ก้มหน้าแล้วกล่าวว่า: "สาวใช้ของประมุขตึกบอกมาเช่นนี้"
"เจ้าบอกว่า เวลานั้นเขายังอยู่ในห้องกาญจน?"
"ทูลองค์หญิง ใช่เพคะ"
เป่ยฝูหรงโกรธจนหัวเราะออกมา "นี่มันเกิดอะไรขึ้น แขกของห้องกาญจน ฐานะสูงส่งกว่าข้าอีกหรือ? ไป ข้าต้องไปพบแขกในห้องกาญจนนั่นหน่อยแล้ว!"
และห้องปิตาภรณ์ จิ่งหยาวกัดฟันเอาไว้ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ มองดูนางฟ้าเมิ่งปี้ที่นั่งอยู่บนเตียง เหยียดมือเรียวยาวออกมา สาวใช้ที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นช่วยนางเช็ดสีที่ใช้ทาเล็บออก
"ท่านอา ทำไมท่านถึงไม่ช่วยข้าสั่งสอนนังแพศยานั่น? ท่านลืมไปแล้วหรือ ว่าศิษย์พี่หญิงเมิ่งจวินถูกนางทำร้าย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ร่องรอย!"
นางฟ้าเมิ่งปี้เหล่มองนางเบาๆครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า: "ตอนนี้นางอยู่ในห้องอินทนิล ตามกฎของตึกบุษบาพันธ์ ห้องปิตาภรณ์จะไปหาเรื่องห้องอินทนิล คือการรนหาที่ตายชัดๆ หยาวเอ๋อร์ จุดประสงค์หลักของการมาเมืองนั่วราในครั้งนี้คืออาวุธวิเศษ ครั้งนี้เจ้าจะอดทนหน่อยไม่ได้หรือ? รอให้อาได้อาวุธวิเศษแล้ว ยกระดับสถานะของเขาปี้เซียนให้สูงขึ้น ในอนาคตยังต้องกลัวว่าจะไม่มีโอกาสแก้แค้นให้เจ้ากับเมิ่งจวินอีกหรือ?"
จิ่งหยาวอัดอั้นความคับแค้นใจอยู่ในอกไม่สามารถระบายออกมาได้ แต่ก็รู้ว่านางฟ้าเมิ่งปี้พูดถูก ตอนนี้ในสามเขาสามสำนัก เขาปี้เซียนอยู่ในอันดับที่สามแล้ว หากยังไม่มีอะไรพัฒนาขึ้นมาอีก เกรงว่าถึงเวลานั้นเขาปี้เซียนจะไม่มีโอกาสมีชื่อเสียงระดับเดียวกันกับอีกสองเขาสองสำนักได้อีกเลย
"ก็ได้ก็ได้ ข้าอดทนเอาไว้ก็ได้ ท่านอา ข้าออกไปเดินเล่นหน่อยนะ"
"ไปเถิด ทุกครั้งที่ตึกบุษบาพันธ์เปิด ข้างนอกก็จะมีตลาดรวมสมบัติกลางคืน แล้วก็เป็นจุดเด่นของตึกบุษบาพันธ์เช่นกัน เจ้าไปดูเลย มีอะไรที่ชอบก็ซื้อเลย อาซื้อให้เจ้า"
"ขอบคุณค่ะท่านอา"
จิ่งหยาวถึงได้ดีใจขึ้นมา พาสาวใช้ของตนเองออกไปจากห้องเตรียมตัวลงไป
ที่มุมตรงชั้นสอง นางเกือบจะชนเข้ากับซู่อวิ๋นซิงที่เพิ่งพุ่งขึ้นมา
"เดินอย่างไงเนี่ย?" ซู่อวิ๋นซิงจ้องมองนางอย่างโกรธเคืองครู่หนึ่ง "หากทำให้ข้าเสียเรื่อง พี่สาวข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่!"
จิ่งหยาวมากน้อยก็ยังพอมีแผนในใจอยู่บ้าง ได้ยินนางพูดถึงพี่สาว ก็นึกได้ว่าซู่หลิวอวิ๋นมีน้องสาวลูกพี่ลูกน้องอยู่คนหนึ่ง เพราะพ่อแม่ของนางได้รับบาดเจ็บเพื่อช่วยซู่หลิวอวิ๋นตอนเด็ก ต่อมาซู่หลิวอวิ๋นเลยรับตัวน้องสาวลูกพี่ลูกน้องคนนี้ไปที่เขาเฉินอวิ๋น ให้นางฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์อาของตนเอง และปกป้องนางทุกทาง
เพราะเหตุนี้ คนในยุทธภพที่เคยได้ยินเรื่องนี้ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่านางฟ้าหลิวอวิ๋นเป็นคนดีที่รู้จักตอบแทนบุญคุณคนที่เคยช่วยเหลือ นางฟ้าหลิวอวิ๋นก็มีเจตนาสร้างสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับเฉินซ่าเช่นกัน หากว่านางหานางฟ้าหลิวอวิ๋น แล้วยืนข้างเดียวกับนาง ไม่เพียงแค่มีประโยชน์ต่อสำนักปี้เซียนเท่านั้น ถึงเวลาก็จะมีพันธมิตรที่จะร่วมจัดการโหลชีเพิ่มขึ้นอีกคนใช่ไหม?
เมื่อคิดเช่นนี้ จิ่งหยาวก็เก็บสีหน้าความโกรธเอาไว้ กล่าวด้วยท่าทีอ่อนโยนและน้ำเสียงนิ่มนวล: "ที่แท้ก็แม่นางซู่นี่เอง ขอโทษด้วย เป็นความผิดของจิ่งหยาวเอง"
"จิ่งหยาว? คนของสำนักปี้เซียน?" ความโกรธของซู่อวิ๋นซิงก็ลดลงมาเล็กน้อยในทันที ถึงอย่างไรสำนักปี้เซียนกับสำนักของพวกนางไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน และเวลาส่วนใหญ่ก็ยังเป็นพันธมิตรกัน ดังนั้นหลังจากที่รู้ว่าเป็นจิ่งหยาวแล้วนางก็เลยผ่อนสีหน้าลงมา "เคยพบกันเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่ได้พบกันหลายปี เลยจำไม่ค่อยได้แล้ว"
"ข้าก็เหมือนกัน เกือบจะจำเจ้าไม่ได้เลย เจ้ารีบร้อนขนาดนี้จะไปทำอะไร? หรือว่าเกิดเรื่องขึ้น?"
"ไม่ใช่ไม่ใช่ ตลาดรวมสมบัติกลางคืนข้างนอกมีของดี ข้าจะเรียกพี่สาวไปดู หากไปช้ากลัวจะถูกคนอื่นซื้อไป ครั้งหน้าค่อยคุยกับเจ้านะ" ซู่อวิ๋นซิงพูดไปก็วิ่งไปทางชั้นบน
จิ่งหยาวตาเป็นประกายขึ้นมา มีของดี? เช่นนั้นนางก็ต้องไม่พลาดเช่นกัน! นางรีบพาสาวใช้ออกไปทันที
โหลชีในเวลานี้กำลังติดตามโหลฮ่วนเทียนพบกับรองหัวหน้าตึกบุษบาพันธ์และผู้จัดการสาขาหลักสองสามคนอยู่ รับป้ายอาญาสิทธิ์ของประมุขตึกสูงสุด ฟังเขาแนะนำสถานการณ์ของตึกบุษบาพันธ์จบแล้ว กำลังทำความเข้าใจในสิ่งที่ตนเองได้ยิน ก็ได้ยินบริกรในชุดสีครามของตึกบุษบาพันธ์รีบร้อนมารายงาน
"ประมุขตึก ตลาดรวมสมบัติกลางคืนในคืนนี้มีของล้ำค่า!"
"อ๋อ? ของล้ำค่าอะไร?" ทันทีที่โหลฮ่วนเทียนได้ยินคำนี้ก็กำลังคิดอยู่ว่า เขายังไม่ได้ให้ของขวัญพบหน้าอะไรกับเสี่ยวชีเลย หากว่ามีของล้ำค่าจริงๆก็สามารถซื้อเป็นของขวัญในการพบหน้าให้กับนางได้
โหลฮ่วนเทียนลืมไปแล้วว่าตนเองได้มอบตึกบุษบาพันธ์ทั้งสิบสามตึกและหอบังคับกฎออกไปแล้ว ที่ไหนมีของขวัญพบหน้าที่ล้ำค่าขนาดนี้กัน?
บริกรนั่นกล่าวว่า: "หินหงส์แดง!"
โหลฮ่วนเทียนลุกขึ้นมาในทันที ประหลาดใจมาก: "จริงหรือ? หินหงส์แดง?"
"เจ้าของแผงนั่นตั้งด่านเอาไว้ห้าด่าน ผ่านด่านได้ถึงจะได้รับหินหงส์แดง ตอนนี้ยังไม่มีใครทำได้ ดังนั้นในตอนนี้เลยยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่าเป็นหินหงส์แดงจริงๆหรือไม่ แต่ว่าห้าด่านนั่นไม่มีคนสามารถผ่านได้เลย"
นี่แสดงว่าเจ้าของแผงไม่ใช่นั่นคนธรรมดา ตั้งเอาไว้ห้าด่านยังไม่มีใครสามารถผ่านไปได้ หากของของเขาไม่ใช่ของดี ถึงเวลานั้นจะทำให้มวลชนขุ่นเคืองได้ ถึงแม้จะไม่ใช่หินหงส์แดง ก็น่าจะเป็นของดีอย่างอื่น
"เสี่ยวชี ข้าไม่สะดวกออกหน้าไปดู เจ้าพาคนไป นี่คือหน้าประตูตึกบุษบาพันธ์ของเราเอง มีคนกวนโมโหเจ้าก็ซ้อมมันเลย ไม่ต้องไว้หน้าใคร! รู้ไหม?" โหลฮ่วนเทียนกล่าว
เฉินซ่าที่อยู่ด้านนอกประตูทำเสียงขึ้นจมูกเป็นการเยาะเย้ย "เห็นข้าเป็นของตกแต่งหรือ?"
......
ทุกครั้งที่ตึกบุษบาพันธ์เปิด คนใต้หล้าต่างรู้ดีว่าผู้ที่มาจะเป็นคนมีเงินมีอำนาจมีความสามารถหรือไม่ก็ผู้มีวรยุทธสูงส่งทั้งนั้น ตึกบุษบาพันธ์เปิดมาห้าปี ได้มีการก่อตั้งตลาดกลางคืนที่เติบโตไปพร้อมกันแล้ว คนใต้หล้าเรียกมันว่าตลาดรวมสมบัติกลางคืน ตอนที่อากาศดีจะจัดขึ้นบนสะพานด้านนอกตึกบุษบาพันธ์ เจ้าของแผงที่ต้องการเข้ามาจะต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้กับตึกบุษบาพันธ์ ตอนที่อากาศไม่ดีต้องยืมใช้พื้นที่ด้านในของตึกบุษบาพันธ์ เงินที่ต้องจ่ายก็จะเพิ่มมากขึ้น
และคนที่มาซื้อของพวกนี้ส่วนใหญ่จะผ่านการแต่งตัวอำพรางตัวตนมาแล้วทั้งนั้น จะไม่ใช้ฐานะที่แท้จริงของตนเอง ดังนั้นเจ้าไม่รู้หรอกว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับใคร บางทีอาจจะเป็นท่านอ๋องแห่งราชวงศ์ตงชิงหรือไม่ก็เป่ยชางท่านหนึ่ง หรืออาจจะเพียงชาวนาสูงวัยในหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตภูเขาที่บังเอิญไปขุดเจอของล้ำค่าก็เป็นได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ