ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 303

คนคนนี้เดิมที่เป็นหนึ่งในองครักษ์ลับส่วนตัวของโหลฮ่วนเทียน หลงเอี๋ยน โหลฮ่วนเทียนไม่สะดวกออกมาด้วยตัวเอง ก็เลยส่งองครักษ์ลับของตนเองให้นางด้วย

และอาจเพราะนิสัยของหลงเอี๋ยนคนนี้ค่อนข้างคึกคักร่าเริงในบรรดาองครักษ์ลับ ขอกับนางว่าจะเรียกนางว่าประมุขเสี่ยวชีให้ได้ เช่นนี้จะได้แยกแยะกับประมุขตึกคนก่อนได้ง่ายกว่า

โหลชีก็ไม่ได้ถือสาเรื่องพวกนี้ ก็ตามใจเขาไป

"ตึกบุษบาพันธ์เปิดห้าวันสามารถทำเงินได้ไม่น้อยใช่ไหม?"

หลงเอี๋ยนพยักหน้า: "แน่นอน"

"แต่ว่าเงินน่ะไม่มีรังเกียจว่ามีเยอะเกินไปใช่ไหม?"

หลงเอี๋ยนพยักหน้าอีก จากนั้นก็เห็นโหลชีมองดูเขาด้วยสายตาเป็นประกาย เกี่ยวนิ้วมือให้เขาเอาหัวเข้ามาใกล้ "ไป ให้คนในหอเป็นเจ้ามือเปิดบ่อนเดิมพัน เงินเดิมพันในการพนันให้เยอะหน่อย ทำรายชื่อของคนที่มีกำลังความสามารถคนหกแรกที่เข้าไปออกมา เปิดบ่อนเดิมพัน"

"เปิดบ่อนเดิมพัน?" หลงเอี๋ยนอึ้งไปครู่หนึ่ง

"ใช่ เป่ยฝูหรง จิ่งหยาว นางฟ้าหลิวอวิ๋นแล้วก็พวกเรา ผัวเมียชุดแดงคู่หนึ่ง จ้าวหยุน ใส่เข้าไปในรายการให้หมด กลุ่มไหนที่ต้องจ่ายในอัตราที่สูงกว่า เจ้าเข้าใจใช่ไหม?" สายตานางเปล่งประกาย

หลงเอี๋ยนครุ่นคิด ดวงตาก็เป็นประกายเช่นกัน "เข้าใจขอรับ!"

"อืม รีบไปเถิด ปล่อยข่าวไปให้นางฟ้าเมิ่งปี้ด้วย คาดว่านางคงจะสนใจอยู่เหมือนกัน"

"อีกอย่าง คนที่เพิ่งจะเข้าร่วมสามสี่ท่านเมื่อครู่นี้ ล่อให้พวกนางวางเดิมพันก่อน"

"สามสี่ท่านนี้? พวกนางกำลังจะขึ้นไปบนเรือสำราญแล้วไม่ใช่หรือ?" หลงเอี๋ยนไม่เข้าใจเล็กน้อย ไหนเลยจะตามทันได้?

กำลังมึนงงอยู่ ก็เห็นโหลชีหมุนตัวแล้วยื่นมือไปผลักฝ่าบาทบางคนที่ยืนบังอยู่ด้านหน้าของนางและไม่มีการระวังตัวเลยออกไปอย่างไร้ความปรานี

"ไอ๊หยา นายท่าน ท่านก็ต้องการร่วมตะลุยด่านหรือ? เช่นนั้นข้าน้อยจะต้องเอาเงินส่วนตัวทั้งหมดเดิมพันว่าท่านชนะแน่นอน!" ขณะที่โหลชีกำลังกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน ก็ส่งสัญญาณมือให้หลงเอี๋ยนไปด้วย รีบไปจัดการ รีบไปจัดการ ไม่เห็นว่าข้าสังเวยฝ่าบาทออกไปเพื่อถ่วงเวลาหรือ?

หลงเอี๋ยนรีบไปอย่างตื่นเต้น สักพักก็มีบริกรชุดสีครามของตึกบุษบาพันธ์ยกโต๊ะพร้อมพู่กันหินหมึกออกมา เตรียมรับแทงเดิมพัน

ชุดแดงหน้ากากทองคำ รูปร่างดีมีสง่า ชายหนุ่มผู้ลึกลับถูกเปิดเผยออกมาภายใต้การจ้องมองของทุกคน ทำให้ฝูงชนที่รายล้อมตกตะลึงไปอีกครั้ง

เมื่อครู่นี้ความสนใจของพวกเขาล้วนอยู่ที่สาวงามสามท่านนั้น อย่างไรเสียนั่นก็เป็นสาวงามแล้วยังเป็นคนดัง ผู้ที่เบียดอยู่ในฝูงชนก็ย่อมไม่เป็นที่สนใจอยู่แล้ว ตอนนี้จู่ๆชายคนนี้ก็ออกมาจากฝูงชนกะทันหัน ชิงความโดดเด่นของสาวงามสองสามท่านนี้ไปเล็กน้อยในทันที

เดิมทีสวมชุดแดงดูแล้วน่าจะร้อนแรงและจองหองอวดดี คิดไม่ถึงว่าพวกเขากลับรู้สึกเพียงแค่ความเย็นยะเยือกจู่โจมคน อดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้

เฉินซ่ากัดฟัน

ดี ดีมาก นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะผลักเขาออกมาได้ เพียงเพื่อให้เขาเสียสละรูปลักษณ์ถ่วงเวลา เพื่อให้ตึกบุษบาพันธ์หาเงินได้เพิ่มมากขึ้นอีกเล็กน้อย?

ยิ่งอยู่ก็ยิ่งใจกล้ามากขึ้นจริงๆ! นางรู้สึกว่าเขาโปรดปรานนางยอมนาง ก็เลยไม่กล้าลงโทษนาง? หรือว่าตอนนี้นางมีพี่ใหญ่คอยหนุนหลังแล้ว เลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา?

ถึงแม้ในใจจะโกรธจนแทบจะกระอักเลือด เขาก็ยังตอบรับตามคำพูดของนาง "เจ้าไม่เดิมพันข้าชนะ ยังจะเดิมพันให้ใครชนะได้อีก?"

"มีคนเปิดการเดิมพัน?" ด้านข้างก็มีคนถามออกมา

ผู้ที่คุ้นเคยและชอบชีวิตกลางคืน ผู้ชายที่กินดื่มเที่ยวเล่น เกี่ยวกับการเดิมพันสักครั้งแทบจะไม่มีคนที่ไม่ชอบ โดยเฉพาะในตึกบุษบาพันธ์ที่มีชีวิตชีวาเช่นนี้ ยิ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะพบเจออีกเมื่อไหร่ ดังนั้นพวกเขาก็ไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้คือยามใด รู้เพียงแต่ว่ามันทั้งสนุก ทั้งน่าสนใจ

บริกรชุดสีครามของตึกบุษบาพันธ์ก็เป็นพวกมีไหวพริบ เวลานี้ก็ตะโกนขึ้นมาคำหนึ่งทันที "ตึกบุษบาพันธ์เป็นเจ้ามือ คนที่จะเล่นรีบมาดูกันเร็ว"

ที่นี่มีเพียงซู่หลิวอวิ๋นกับซู่อวิ๋นซิงเท่านั้นที่รู้เรื่องเฉินซ่า เห็นเขาก็เตรียมขึ้นเรือสำราญเพื่อตะลุยด่าน ทั้งสองคนดูดีใจมาก

โหลชีหันหน้ามาก็เห็นซู่หลิวอวิ๋นกับซู่อวิ๋นซิงมองไปที่เฉินซ่าด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน

ซู่หลิวอวิ๋นไม่อยากให้เป่ยฝูหรงกับจิ่งหยาวรู้ถึงฐานะของเฉินซ่าข้อนี้นางรู้สึกเข้าใจได้ง่ายมาก อย่างไรเสีย ก็มีความปรารถนาที่จะครอบครองคนเดียวเล็กน้อยอยู่แล้ว แต่ซู่อวิ๋นซิงกับนางรู้ใจกันเช่นนี้ได้ ไม่เปิดเผยทั้งสีหน้าและคำพูดด้วยเช่นกัน?

กับซู่อวิ๋นซิงที่พวกเขาเคยเห็นก่อนหน้านี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงออกเช่นนี้ได้ ก่อนหน้านี้นางเสแสร้ง หรือนางเสแสร้งตอนนี้กันแน่?

"คุณชายท่านนี้จะเรียกท่านว่าอะไร?" อาจเป็นเพราะเป่ยฝูหรงรู้สึกว่านี่คือเป่ยชาง นางมีความรู้สึกความเป็นเจ้าบ้าน ดังนั้นจึงเอ่ยปากกล่าวก่อน

"นี่คือสามีข้า" โหลชีก้าวไปข้างหน้าแล้ว คล้องแขนของเฉินซ่าเอาไว้อย่างเอาใจ กล่าวต่อคนอื่นๆไปด้วย: "เราจะไม่เอ่ยชื่อออกมาหรอก หากเรื่องไปถึงหูพ่อสามี เขาจะไล่ทั้งข้ากับสามีออกจากตระกูล เขาได้ยินมาตลอดว่าค่าใช้จ่ายในตึกบุษบาพันธ์สูงจนเกินควร มาครั้งหนึ่งจะต้องใช้ทรัพย์สมบัติหมดตระกูลแน่"

คนที่มาที่นี่คนไหนบ้างที่ไม่ได้ร่ำรวยมหาศาล เมื่อฟังคำพูดประโยคนี้ของนางก็รู้สึกว่าเป็นตระกูลเล็กตระกูลน้อยจริงๆ ถึงแม้ว่าลูกชายและลูกสะใภ้จะดูมีสง่าราศีมาก แต่เกิดในตระกูลเล็กตระกูลน้อยก็ได้แต่ใช้หน้ากากทองคำม่านบังหน้าทองคำอะไรพวกนั้นมาเพื่อให้มีหน้ามีตาแล้ว

ต่างก็หมดความสนใจในตัวเขาทันที

ด้านนั้น โต๊ะพนันเปิดให้วางเดิมพันแล้ว มีคนกล่าวขึ้นมาว่า "เพราะอะไรอัตราการเดิมพันนางฟ้าหลิวอวิ๋นผ่านด่านถึงแค่แทงหนึ่งจ่ายแค่หนึ่งเท่าเอง?"

บริกรชุดสีครามกลอกตา "ไร้สาระ นางฟ้าหลิวอวิ๋นสำเร็จไง วรยุทธนางสูงขนาดนั้น เดิมพันหนึ่งจ่ายสองเท่าก็ไม่เลวแล้ว หากไม่ได้เห็นแก่หน้าของตัวนางเอง ข้ายังไม่อยากนำชื่อนางเข้าไปในรายการวางเดิมพันด้วยซ้ำ พวกเจ้าไม่ลองเดิมพันคุณชายชุดแดงชนะล่ะ อัตราการเดิมพันแทงหนึ่งจ่ายสิบเท่า!"

มีคนโห่เขาทันที

"ล้อเล่นอะไรกัน คนคนนั้นก็มีแค่เปลือกนอกเท่านั้น ยังคิดจะเทียบชั้นกับท่านเหล่านี้?"

โหลชีไม่ชอบใจแล้ว: "พูดอะไรของเจ้า? ห้ามดูแคลนสามีข้านะ! อย่างไรเสีย ข้าก็จะเอาเงินทั้งหมดเดิมพันว่าเขาชนะแน่นอน!" พูดไป ก็หน้าไปมองดูสามีของนางอย่างมีความหวัง: "คุณพี่ ท่านจะชนะแล้วเอาของล้ำค่ามาอยู่ในมือใช่ไหม? ท่านต้องชนะให้ได้นะ ไม่อย่างนั้นเราจะเอาอะไรไปแลกเงินกลับบ้าน?"

เดิมทีเฉินซ่าอัดอั้นความโกรธอยู่เต็มอก แทบอยากจะจับนางเข้าห้องแล้วสั่งสอนในทันที แต่เมื่อได้ยินนางเรียกคำก็คุณพี่ สองคำก็คุณพี่ ในใจก็ค่อยๆยอมประนีประนอมขึ้นมา "อืม ข้าจะชนะ"

"ฮ่าๆๆ คู่นี้ตลกจริงๆ บอกจะชนะก็สามารถชนะได้หรือไง!"

"ยังจะเอาหินหงส์แดงไปแลกเงินกลับบ้านด้วย! ฮ่าๆๆ ตลกมากจริงๆ! พวกเขาเห็นหินหงส์แดงเป็นอะไรกัน!"

มีคนวางเดิมพันเขาถึงจะแปลก!

กำลังคิดเช่นนี้กันอยู่ ก็ได้ยินนางฟ้าหลิวอวิ๋นกล่าวขึ้นมาอย่างอ่อนโยน "คุณชายมีใจแบบนี้ก็ดีเช่นกัน ข้าวางเดิมพันหนึ่งหมื่นตำลึงทอง แทงว่าคุณชายชนะแล้วกัน"

คำพูดของนางเพิ่งหยุดลง ซู่อวิ๋นซิงก็กล่าวตามราวกับบริสุทธิ์ไร้เดียงสา: "ข้าตามพี่สาว แต่ว่าข้ามีเงินไม่มาก ข้าแทงคุณชายท่านนี้ชนะหนึ่งพันตำลึง"

โหลฮ่วนเทียนที่แฝงตัวดูการแสดงอยู่ในฝูงชนก่อนหน้านี้ก็ได้ยินเรื่องทางด้านนี้แล้ว เดาความคิดของโหลชีออก ที่นางสร้างเรื่องพวกนั้นขึ้นมา เพื่อไม่มีใครเดิมพันเฉินซ่าชนะ ถึงเวลา นางกับตึกบุษบาพันธ์ก็จะได้กำไรจำนวนมหาศาล แต่ตอนนี้ซู่หลิวอวิ๋นกับซู่อวิ๋นซิงกลับมาไม้นี้ แทงหนึ่งจ่ายสิบเท่า เช่นนั้นตึกบุษบาพันธ์มิต้องจ่ายเงินหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นเต็มๆออกไปหรือ? ถึงแม้เงินก้อนนี้ตึกบุษบาพันธ์จะสามารถจ่ายได้ แต่ว่าเสี่ยวชีของเขาต้องไม่มีความสุขแน่นอน

คิดเอาไว้เช่นนี้ โหลฮ่วนเทียนก็อยากจะไปทำลายบ่อนการพนันนี้

ไหนเลยจะยังสนใจว่าคนอื่นจะว่าตึกบุษบาพันธ์กลับกลอกอะไรแบบนั้น อย่างไรเสีย เสี่ยวชีของเขาจะไม่มีความสุขไม่ได้

แต่ว่า เขายังไม่ทันได้เคลื่อนไหว ก็ได้ยินโหลชีมองพิจารณาขึ้นๆลงๆทางซ้ายและทางขวาสองพี่น้องตระกูลซู่อย่างแปลกประหลาด ยังวิ่งไปหมุนรอบตัวเขาหนึ่งรอบ มองพิจารณาด้านหน้าและด้านหลังไปหลายรอบ

"นี่ เจ้าทำอะไร?" ซู่อวิ๋นซิงทนไม่ไหว

ผู้คนที่รายล้อมอยู่ก็อยากจะรู้ว่าท่านผู้นี้กำลังทำอะไรอยู่!

โหลชีกลับไปข้างกายของเฉินซ่า ดึงแขนเสื้อของเขาอย่างน้อยใจ "คุณพี่ แต่ก่อนตอนที่ข้าน้อยบอกว่าชอบท่านตอนอยู่ข้างนอก ท่านยังบอกว่าข้าน้อยไร้ยางอาย แต่ว่าตอนนี้ท่านดูคนอื่นสิ สองพี่น้องต่างแย่งกันจะเป็นสนมของท่าน! ข้าน้อยไม่อนุญาตนะ ท่านจะตกลงให้พวกนางกลับไปด้วยเพราะคนหนึ่งสามารถจ่ายหนึ่งหมื่นตำลึง อีกคนสามารถจ่ายหนึ่งพันตำลึงไม่ได้นะ!"

ทุกคนตะลึงไปครู่หนึ่งก่อน ไม่รู้เลยว่านางจะมาไม้ไหน เมื่อหมดความตะลึงไป ต่างก็หน้าแดงขึ้นมากะทันหัน อยากหัวเราะออกมาแต่ก็ไม่กล้า

คนที่มีสายตาเฉียบแหลมต่างก็มองออกว่าคุณชายชุดแดงท่านนี้ไม่สามารถผ่านด่านและชนะได้ สามีภรรยาเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ภรรยาเชื่อใจสามี พูดคุยราวกับเกี้ยวพาราสีกัน ยังบอกอีกว่าหากชนะแล้วได้ของล้ำค่าจะเปลี่ยนเป็นเงินกลับบ้านเป็นการอธิบายกับพ่อสามี แถมเงินที่ใช้ก็ยังเป็นเงินส่วนตัวของภรรยา

พวกเจ้าสองคนตามไปร่วมครื้นเครงอะไรด้วย? ต่างก็ไปเดิมพันให้สามีของคนอื่นชนะพร้อมกัน! มันไม่ดูเหมือนว่าอยากจะตามไปสร้างครอบครัวกับเขาหรอกหรือ!

สีหน้าของซู่หลิวอวิ๋นกับซู่อวิ๋นซิงต่างก็เปลี่ยนไป!

พวกนางล้วนเป็นนางฟ้าที่ได้ชื่อว่าหลุดพ้นจากทางโลก ตอนนี้ถูกชี้หน้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ว่าสองคนพี่น้องประจบสอพลอกระตือรือร้นอยากจะไปเป็นสนมของเขา! แล้วยังจะไปแบบเสียเงินด้วย ไหนเลยที่พวกนางจะอดกลั้นไหว?

โหลฮ่วนเทียนหยิบพัดออกมา เสียงเพียะดังขึ้นมาพัดก็เปิดออกเลย บังเอาไว้ข้างริมฝีปากหัวเราะจนเป็นตะคริว ฮ่าๆๆ เสี่ยวชีชอบเล่นสนุกมากเกินไปจริงๆ ช่างสนุกมากเลย!

ก่อนหน้านี้ซู่หลิวอวิ๋นกับซู่อวิ๋นซิงอยู่กับโหลชีครึ่งชั่วยามกว่าๆ เห็นนางก็ดูเป็นคนเคร่งขรึมและจริงจังดีคนหนึ่ง ทำไมจู่ๆถึงกลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้?

"เจ้า เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล!"

ซู่อวิ๋นซิงจ้องมองนางอย่าโกรธเคือง ภาพลักษณ์ของนางฟ้าหลิวอวิ๋นจะถูกทำลายไม่ได้ เพียงแค่ก้มหน้าเอาไว้ท่าทางเหมือนกับเสียใจเล็กน้อย

"ข้าพูดจาเหลวไหลที่ไหนกัน? มีเพียงข้าที่เป็นภรรยาเท่านั้นถึงจะเดิมพันสามีเพื่อให้เขามั่นใจและสบายใจ ทำไมหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานอย่างพวกเจ้าสองคนต้องมาแย่งเรื่องนี้กับข้าด้วย? บอกว่าพวกเจ้าไม่ได้ชอบสามีข้า ใครมันจะเชื่อ!"

ใช่ ใครจะเชื่อ!

"เราเดิมพันองค์หญิงใหญ่! เดิมทีเพราะเห็นใจพวกเจ้าสองคนหรอก ทำดีไม่ได้ดีจริงๆ!" ซู่อวิ๋นซิงเปลี่ยนคำพูด

โหลชีปรบมือแล้วกล่าวว่า: "ดีเลย ในที่สุดก็รับปากไม่แย่งสามีข้าแล้ว!"

หลังจากที่นางเอะอะเช่นนี้ ใครยังจะกล้าเดิมพันสามีนางชนะอีก? อีกอย่าง เดิมทีก็ไม่มีคนเชื่อว่าเขาจะสามารถเอาชนะได้อยู่แล้ว

เป่ยฝูหรงมองเฉินซ่าอย่างสงสัยครู่หนึ่ง รู้สึกว่าบุคลิกนี้ดูคุ้นตาเล็กน้อย แต่ว่า คนคนนั้นไม่เคยสวมชุดแดง และเป็นไปไม่ได้ที่จะใส่หน้ากากเช่นนี้ คิดว่าคงเป็นคนที่ดูคล้ายกันมั้ง?

เพราะเรื่องวุ่นๆนี้ นางก็ต้องเดิมพันพอเป็นพิธีหน่อย แทงหนึ่งหมื่นตำลึงทองเดิมพันนางฟ้าหลิวอวิ๋น ถือเป็นการตอบแทนตามมารยาท

มีการนำของพวกนาง ทุกคนต่างก็พากันสนใจกันขึ้นมา เดิมพันกันอย่างต่อเนื่อง และยังแทงกันไม่น้อยอีกด้วย ชั่วขณะหนึ่ง บริกรของตึกบุษบาพันธ์รับเงินเดิมพันกันจนมือไม้อ่อน

หลังจากทางนี้เกือบจะเสร็จแล้ว เจ้าของแผงนั่นก็กล่าวออกมาคำหนึ่งราวกับคำนวณเอาไว้แล้ว: "เอาล่ะ ตกลงพวกท่านยังจะขึ้นเรือกันไหม? อีกเดี๋ยวคุณชายหน้ากากเงินท่านนั้นผ่านด่านแล้ว พวกท่านขึ้นไปอีกก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!"

พวกซู่หลิวอวิ๋นกับเป่ยฝูหรงบินโฉบไปทางเรือสำราญทันที

ทันทีที่ยืนนิ่ง ก็เห็นคุณชายชุดแดงนั่นโอบเอวภรรยาของเขา เหยียบไปบนหมอกสองสามก้าวโฉบไปทางเรือสำราญอีกลำหนึ่งเช่นกัน

"นึกไม่ถึงว่าวิชาตัวเบาของเขาจะไม่ธรรมดาเช่นนี้? !"

เวลานี้ โหลชีเพิ่งจะเหยียบลงบนกระดานเรือก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ