โหลชีสงสัยจริงๆว่าซู่อวิ๋นซิงจะเอาหลักฐานอะไรออกมา
ซู่อวิ๋นซิงเห็นท่าทีนางไม่ยี่หระกังวลใดๆ ในใจยิ่งแค้น นางไม่กล้าแค้นซู่หลิวอวิ๋น และเกลียดเฉินซ่า แค้นโหลชีด้วย นางคิดว่าซู่หลิวอวิ๋นแย่งชิงโอกาสที่นางจะได้คารวะอาจารย์เขาเฉินอวิ๋นไป หากมิใช่ซู่หลิวอวิ๋น ตอนนี้ผู้ที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งใต้หล้าต้องเป็นตนเอง และนางก็จะถูกผู้คนใต้หล้าจับไปอยู่รวมกันกับเฉินซ่า นางควรจะเป็นคนที่คู่ควรกับการเป็นคนของจักรพรรดิ
ส่วนเฉินซ่าก็ไม่ดี และไม่ถูก เพราะเหตุใดเขาจึงยอมให้ผู้คนใต้หล้าคิดว่า ซู่หลิวอวิ๋นคู่ควรกับเขา สามารถเป็นจักรพรรดินีให้เขาได้? เขาควรจะมองออกถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของซู่หลิวอวิ๋นถึงจะถูกสิ!
ส่วนโหลชี ตนเองแอบแย่งชิงกับซู่หลิวอวิ๋นมาหลายปีขนาดนี้ ไม่เคยได้อะไรเลย โหลชีถือดีอะไรพอมาก็ได้รับความรักจากเฉินซ่าเลย? นางเป็นตัวอะไรกัน?
ยังไงซะ นางจะดึงทั้งสามคนนี้ลงมาเหยียบให้จมดิน ใครก็อย่าหวังจะรอดได้
เรื่องในคืนนี้มิใช่ยิงธนูนัดเดียวได้นกสามตัวหรอกรึ?
โหลชีเป็นนังงูพิษที่จิตใจอำมหิตทำร้ายสาวใช้นาง
ซู่หลิวอวิ๋นท่าทีเยื้องกรายเลื่อนลอยประดุจเซียน อันที่จริงก็เป็นนังแพศยาที่แอบกดเหยียบลูกพี่ลูกน้องจมดิน และยังหน้าด้านเสนอตัวให้บุรุษ
สำหรับเฉินซ่า นั่นน่ะโง่เง่า กลับมีสัมพันธ์กับสตรีสองนางนี้
"เจ้าคิดว่าข้าเอาหลักฐานออกมาไม่ได้รึ?" ซู่อวิ๋นซิงหยิบเศษผ้าเส้นหนึ่งออกจากในแขนเสื้อ ยกแขนขึ้นสูง ให้ทุกคนเห็นผ้าในมือนาง "เห็นแล้วหรือไม่ นี่เป็นเศษผ้าที่สาวใช้ข้ากระชากจากกระโปรงนางยามนางฉุดกระชากกับสาวใช้ของข้า! เจ้ากล้าออกมายืนเทียบหรือไม่เล่า?"
"ไม่ต้องเทียบหรอก เป็นของข้า" โหลชียังคิดว่านางจะเอาอะไรออกมา ที่แท้ก็สิ่งนี้เอง ตอนนางหยิบออกมา นางก็นึกขึ้นได้แล้ว ตอนนั้นที่นางกำลังจะไปจากห้องโดยสารใต้ท้องเรือนั่น กระโปรงก็เหมือนโดนอะไรเกี่ยวไว้ แต่นางไม่ได้สนใจ ดูท่าหลังจากนั้นซู่อวิ๋นซิงจะไปที่นั่น และโดนกลไกเข้า สาวใช้เลยได้รับบาดเจ็บ นางเห็นเศษผ้าผืนนี้เลยคิดวิธีนี้ออกมากระมัง
แต่ว่านางไม่ค่อยเข้าใจว่า ให้ร้ายนางแบบนี้มีความหมายอะไร?
"...เจ้ายอมรับแล้ว?!" เดิมซู่อวิ๋นซิงคิดว่านางจะแก้ตัวอีกสักหน่อย ไม่คิดว่านางจะไม่คิดเลยสักนิดก็ยอมรับออกมาเลย
"ใช่ไง ตอนข้ากำลังผ่านด่านเกิดไม่ระวังกระโปรงโดนเกี่ยว ยังมีอะไรไม่ควรยอมรับกัน? เจ้าต่างหาก หยิบเศษผ้ามาผืนหนึ่งก็คิดจะกัดคน นางฟ้าหลิวอวิ๋นปล่อยเจ้าออกมาได้ยังไง? ข้าหาปลอกคอให้เจ้าสักอันไหม แบบที่มีโซ่เหล็กด้วยนะ พอใส่แล้วก็รีบลากกลับบ้านไปเสียเถิด"
บางคนฟังคำพูดโหลชีไม่เข้าใจ พวกที่เข้าใจก็ไม่กล้าพูดอะไร นั่นน่ะศิษย์เขาเฉินอวิ๋นนะ พวกเขามีหรือจะกล้าหือ? โหลฮ่วนเทียนที่ฉลาดตอนนี้กลับเตะก้นข้ารับใช้ชุดเขียวข้างกายเขาคนหนึ่ง
ไอ้โง่ รีบช่วยพูดสิ!
ข้ารับใช้ชุดเขียวคนนั้นเดิมเป็นคนรับเดิมพัน ปราดเปรียวว่องไวมาก พอโดนเตะก้นไปที ก็รีบหัวเราะร่าบอก "ฮะฮะ พระสนมนี่จะให้นางฟ้าหลิวอวิ๋นใส่ปลอกคอหมากับน้องสาวงั้นรึ?"
พอพูดปุ๊บ โหลฮ่วนเทียนก็เตะเขากระเด็น คนอื่นหันมาจึงหาไม่เจอว่าใครพูด
โหลชีหัวเราะพรืด
คนอื่นไม่เห็น แต่นางเห็นนี่
ซู่อวิ๋นซิงโกรธจะพูอต่อ โหลชีตัดบทนาง "ข้ารอเก็บเงินเดิมพันอยู่นะ ไม่มีเวลามาพล่ามไร้สาระกับเจ้า เจ้าบอกว่าเศษผ้านี้สาวใช้ของเจ้ากระชากออกมาตอนยื้อยุดกับข้าอยู่รึ?"
นางก้มหน้ามองชายกระโปรงตนเอง หัวเราะพรืดถามว่า "ไม่ทราบว่าสาวใช้ของแม่นางซู่คนนี้ตอนนั้นทำอย่างไร? นอนที่พื้น? ต่อให้นอนที่พื้น หากข้าจะทำร้ายนาง นางรีบลุกขึ้นมายื้อยุดกับข้าก็ได้แล้ว กระชากกระโปรงข้าทำอะไร? หมาที่ข้าเคยเลี้ยงเมื่อก่อนชอบทำอย่างนี้ ปกติแล้ว มันจะกัดชายกระโปรงข้าไม่ปล่อยยามข้าจะจากมา"
ทุกคนพากันหัวเราะครืน
ใช่เลย จุดที่เศษผ้านี้ขาดประหลาดนัก เป็นส่วนล่างที่สุดของกระโปรงเลยทีเดียว
โหลชีพูดอีก "อีกอย่าง ถ้าใช้มือฉีกจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะกระชากได้เศษผ้าแค่นี้ออกมา จะอย่างไรก็ต้องเป็นผืนเลย อืม ท่านอาจจะบอกว่า ตอนนั้นนางใช้สองนิ้วกระชากออกมา งั้นรบกวนท่านช่วยใช้กระโปรงของนางฟ้าหลิวอวิ๋นพี่สาวท่านลองดูสักหน่อย ท่านจะใช้นิ้วกระชากเศษผ้าเล็กเยี่ยงนี้ออกมาได้อย่างไร"
มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วจริงไหม?
"อีกอย่าง ข้ายื้อยุดกระชากกับสาวใช้ท่าน? แรงจูงใจเล่า? เป้าหมายเล่า? เรื่องพวกนี้ไว้ก่อนแล้วกัน หากข้าจะลงมือกับนางจริงๆ ตอนนี้นางยังจะมีลมหายใจอยู่รึ?" โหลชีบอก พลางยกเท้าขึ้นเบาๆและกระทืบลงพื้น
ทุกคนไม่เห็นนางใช้แรงอะไรมากมาย หากพื้นหินเขียวใต้ฝ่าเท้านางกลับแหลกละเอียด
ทุกคนสูดหายใจสะท้านเยือก ไม่คิดเลยจริงๆว่ากำลังภายในของพระสนมพั่วอวี้ลึกล้ำปานนี้! นางพึ่งจะอายุเท่าไหร่กันเชียว! ตบะกำลังภายในน่าตกใจยิ่งนัก
เป่ยฝูหรงสายตาหวั่นไหว หากโหลชีบอกว่ามิได้กินไขหินพันปีเข้าไป นางไม่เชื่อจริงๆ! แต่ตอนนี้เรื่องมันผ่านมานานขนาดนี้แล้ว มาพูดเรื่องไขหินพันปีจะมีประโยชน์อะไร? อีกฝ่ายดูดซึมเข้าไปหมดแล้ว มาพูดอีกตอนนี้ จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย
ยังไงซะนางก็ไม่เชื่อคำพูดซู่อวิ๋นซิง โหลชีมิจำเป็นต้องลงมือกับสาวใช้เช่นนี้ หากเจ้าบอกว่าสาวใช้นี้ยั่วโมโหเฉินซ่า ยังเป็นไปได้มากกว่าที่เขาจะลงมือ แต่ไม่มีทางเจ็บถึงขนาดนี้
ซู่อวิ๋นซิงคิดไม่ถึงเลยว่าโหลชีจะวิเคราะห์และพูดออกมาได้เป็นข้อๆเยี่ยงนี้อย่างไม่รีบร้อนในสถานการณ์เช่นนี้ นางชะงักพูดไม่ออกทันที
ซู่หลิวอวิ๋นกำลังจะพูด เจ้าของแผงที่โดนคนเมินเฉยอยู่นานพลันพูดขึ้น "สาวใช้ผู้นั้นโดนกลไกด้านในนั้น และถูกไฟแผดเผาเข้า ต่อมาก็รักษาไม่ดีใช่หรือไม่ โดนใครมิทันระวังกระชากผิวหนังออกมาขนาดนี้ บาดแผลเช่นนี้เกิดจากการโดนเผาไหม้" ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเอ่ยเสริมอีกว่า "กลไกตรงนั้นวางสมบัติตระกูลข้าไว้ มีผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ล่วงลับไปแล้วของตระกูลข้าเฝ้าดูอยู่ หากมิมีความละโมบอยากได้สมบัติก็จะไม่โดนกลไก"
ความหมายก็คือ พวกเจ้าเกิดละโมบอยากได้สมบัติตระกูลข้า ได้รับบาดเจ็บมาแล้วจะโทษใครกัน?
ซู่อวิ๋นซิงแทบกระอักเลือด!
ไอ้พี่คนนี้เนี่ย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ