ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 313

เสียงฮือฮาโดนกดทับลงไปทันที ทุกคนล้วนแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา พวกเขาลองครุ่นคิดดูอีกที เมื่อครู่เซียวหั่วราวกับพูดแบบนั้นจริงๆ?

เซียวหั่วกลับไม่ได้สนใจใบหน้าคุณชายชีอย่างที่เซียวฉิงสนใจก่อนหน้านี้มากนัก และไม่ได้คิดไปในแง่นั้นด้วย ดังนั้นเลยจำโหลชีไม่ได้ เขาเพียงเก็บงำความตื่นเต้นเมื่อครู่ และพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า "ใช่ อาวุธวิเศษเล่มนี้ได้สร้างจิตวิญญาณออกมา แต่จิตวิญญาณกลับหายไป..."

"เจ้าบ้านเซียว!"

เป่ยฝูหรงลุกขึ้นยืน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเล็กน้อย "อาวุธวิเศษเล่มนี้เป็นกระบี่กระมัง? เช่นนั้นเมื่อเป็นกระบี่ล้ำค่า ย่อมต้องเป็นจิตวิญญาณกระบี่ จิตวิญญาณกระบี่จะเป็นเยี่ยงไร ต้องรอกระบี่ได้ไปอยู่ในมือนักดาบที่แท้จริงเสียก่อนจึงจะรู้ผล เจ้าบ้านเซียวมิใช่นักดาบ จะแน่ใจได้อย่างไรว่า จิตวิญญาณกระบี่ของกระบี่นี้หายไป?"

"องค์หญิงใหญ่พูดถูก" มีคนด้านล่างเวทีเห็นด้วย

เซียวหั่วสายตาส่อแววดิ้นรน "องค์หญิงใหญ่..."

เป่ยฝูหรงกลับไม่ให้โอกาสเขาพูดต่อไป "ตอนนี้ฝ่าบาท ยู่ไท่จื่อ เขาเฉินอวิ๋นเขาปี้เซียนล้วนมายังเมืองนั่วราแห่งเป่ยชางกันหมดแล้ว มาเพื่ออาวุธวิเศษเล่มนี้ เหตุใดให้พวกเขาดูมันหน่อยเล่า?"

น้ำเสียงนางแฝงแววกดดันของผู้อยู่เบื้องบน เซียวหั่วสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย กลืนคำกลับลงคอ "ขอรับ"

"รบกวนคุณชายรองเซียวช่วยเปิดกล่องกระบี่ออกเถิด" เป่ยฝูหรงลงนั่งตามเดิม

เซียวฉิงหันมองทางโหลชีโดยไม่รู้ตัว

โหลชีเลิกคิ้ว สายตาจับจ้องไปที่กล่องกระบี่นั่น

รู้สึกว่านางน่าจะอยากเห็นกระบี่ล้ำค่านี้ เซียวฉิงยื่นมือออกไปค่อยๆเปิดกล่องออก

เพื่อให้คู่ควรกับกระบี่ล้ำค่าเล่มนี้ พวกเขาลงทุนเงินไปจำนวนมาก หาไม้หอมชั้นดี และหาช่างแกะสลักไม้ที่เก่งฉกาจด้านการแกะสลักที่สุดของเมืองนั่วรา มาสลักกล่องกระบี่ที่ดูโบราณแต่หรูหราเยี่ยงนี้ วัสดุที่ใช้ไม่ตระหนี่เลยสักนิด เพียงแค่ตัวกล่องก็มีราคาแล้ว

เซียวฉิงค่อยๆเปิดสลักออก ผู้คนด้านล่างเวทีนั่งไม่ติดเก้าอี้กันแล้ว พากันลุกขึ้น เดินเข้ามาใกล้

พอสลักถูกเปิดออก เซียวฉิงก็ได้กลิ่นคาวเลือดก่อนเลย เขาสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน!

เซียวหั่วก็อยู่ด้านข้าง ย่อมได้กลิ่นคาวเลือดนี้เช่นกัน เขาเองก็มีสีหน้าเปลี่ยนสี รีบชะโงกหัวเข้าไปดู สีหน้าที่เปลี่ยนสีไปแล้วนั้นซีดเผือดทันที

เป่ยฝูหรงเห็นอย่างนั้น ในใจร้องว่าไม่ดีทันที หรือว่ากระบี่โดนขโมยแล้ว?

นางแตะฝีเท้า ทะยานร่างขึ้นมาบนเวทีทันที เดินเพียงสองก้าวและชะโงกหน้ามองดู นางสีหน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน

เห็นเพียงกล่องว่างเปล่า! กระบี่เล่า? กระบี่เล่า?!

สีหน้าเป่ยฝูหรงเย็นชาลงทันที "เจ้าบ้านเซียว นี่มันเรื่องอะไรกัน?"

ไม่เพียงกระบี่หายไปแล้ว ในกล่องกระบี่ยังมีคราบเลือด ผ้ากำมะหยี่สีแดงม่วงที่เบาะก็ถูกย้อมไปด้วยเลือด อาจเป็นเพราะเลือดแห้งแล้ง ดังนั้นก่อนเปิดกล่องพวกเขาจึงไม่ได้กลิ่นคาวเลือด แต่กลับมาได้กลิ่นหลังจากเปิดกล่องแล้ว

ตระกูลเซียวสามคนพากันอึ้งตะลึงอยู่กับที่

เมื่อคืนหลังจากพวกเขาออกจากห้องลับก็ไม่ได้เข้าไปอีกเลย ตอนออกมา กล่องกระบี่ก็ปิดไว้ดี ตอนนั้นกระบี่ยังวางอยู่ในกล่องอย่างดีนี่นา! อีกอย่างพวกเขาเองก็ไม่กล้าหยิบกระบี่นี่

"องค์หญิงใหญ่ เรื่องนี้พวกข้าก็ไม่รู้เช่นกัน!" เซียวหัวตกใจ

โหลชีเห็นท่าทางพวกเขาแบบนี้ มีหรือจะนั่งต่อไหว รีบกระโดดขึ้นเวทีไปดู และตะลึงเช่นกัน

บอกว่าอาวุธวิเศษออกสู่โลก สุดท้ายอาวุธวิเศษหายไปแล้ว ในกล่องกลับมีแต่กองเลือด

ไม่เพียงเป่ยฝูหรงโกรธจัด ขนาดซู่หลิวอวิ๋น ยู่ไท่จื่อ หรือแม้แต่นางฟ้าเมิ่งปี้ที่คาดหวังถึงกระบี่ล้ำค่าครอบครองใต้หล้านี้ก็โกรธจัดเช่นกัน

"เจ้าบ้านเซียวคงมิใช่เห็นว่า กว่าจะสร้างอาวุธวิเศษออกมาสักเล่มมันยากนัก เลยจะเก็บไว้เอง ไม่อยากนำออกมาแล้วกระมัง?" คนแรกที่เอ่ยปากสงสัยคือนางฟ้าเมิ่งปี้

นางฟ้าเมิ่งปี้จิ่งเมิ่ง อายุสามสิบเจ็ด หน้าตางดงามไร้ที่ติ ดูแล้วพึ่งจะยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดเท่านั้น ถึงจะรู้ว่าอายุนางไม่น้อยแล้ว หากยังมีบุรุษไม่น้อยสายตาเป็นประกายเมื่อมองนาง

นางฟ้าเมิ่งปี้ดูจะรังเกียจสายตาเช่นนี้นัก หากนางมิได้ห้ามปราม

เซียวหั่วได้ยินดังนั้นโกรธจัดทันที "นางฟ้าเมิ่งปี้จะพูดจาอะไรต้องมีหลักฐาน! หากข้าต้องการกระบี่ล้ำค่าเล่มนี้ไว้เองล่ะก็ ต้องปล่อยข่าวออกมารึ? เก็บไว้เองมิดีกว่ารึ?"

"บางทีเจ้าบ้านเซียวอาจกลัวเก็บไว้แล้วไม่มีชื่อเสียง เลยอยากได้ทั้งชื่อเสียงและกระบี่ไว้เล่า?" เพราะผิดหวังแล้วใจสลาย นางฟ้าเมิ่งปี้เลยพูดจาไม่เกรงใจเลยสักนิด

แต่นางกลับพูดแทนเสียงในจิตใจมุมมืดของคนส่วนน้อยออกมา

เซียวหั่วโกรธจนสั่นไปทั้งตัว

ตอนนี้เอง ยู่ไท่จื่อพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า "เจ้าบ้านเซียวมิน่าจะเป็นคนเช่นนี้"

เซียวหั่วไปหันคารวะยู่ไท่จื่ออย่างขอบคุณ พลางพูดเสียงขรึมว่า "ข้าสาบานต่อฟ้าได้ว่ามิเคยมีความคิดเช่นนี้เลย องค์หญิงใหญ่ ตระกูลเซียวจงรักภักดีต่อราชวงศ์แค่ไหน เชื่อว่าองค์หญิงใหญ่คงรู้ดีแก่ใจ"

อาวุธวิเศษที่ตระกูลเซียวไม่เก็บเงินแม้แต่น้อยและส่งเข้าวังมิได้มีแค่กระบี่มังกรหงส์คู่นั้น ยังมีอาวุธอีกมากที่เทียบขั้นอาวุธวิเศษส่งเข้าวังไปอยู่ในมือเหล่าองค์หญิงองค์ชาย ขนาดเป่ยฝูหรงกับเป่ยสาวเย่ายังมีคนละเล่ม หากนำพวกนั้นออกมาประมูล ตระกูลเซียวคงร่ำรวยมหาศาลไปนานแล้ว

พอมาครั้งนี้ เมื่อเป่ยฝูหรงบอกว่าจะเอาอาวุธวิเศษชิ้นนี้ออกมาทำประโยชน์ให้นาง เซียวหั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธ

พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าเป่ยฝูหรงดีขึ้น "แต่เจ้าบ้านเซียวควรจะอธิบายสักหน่อยดีหรือไม่ ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่"

อาวุธวิเศษมาหายในตระกูลเซียวเอง ไม่ถามตระกูลเซียว แล้วจะถามใคร?

"ฉิงเอ๋อร์ ฉงเอ๋อร์ หลังจากออกมาเมื่อคืนพวกเจ้ามีกลับเข้าไปดูกระบี่นี่อีกหรือไม่?" เซียวหั่วหันมองลูกชายสองคน

เซียวฉิงและเซียวชงส่ายหัวพร้อมกัน "ท่านพ่อ มิมีเลย ช่วงนี้พวกข้าเหนื่อยแทบขาดใจ เมื่อคืนพอกลับไปก็เข้านอนเลย"

"ท่านพ่อ ข้าก็ด้วย" เซียวชงบอก

"เช่นนั้นกระบี่อยู่ไหนเล่า? จะให้พวกเรามาเสียเที่ยวหรือไง?" นางฟ้าเมิ่งปี้พูดเสียงเย็น "ต่อให้ข้าเห็นด้วย ดูท่าสหายยุทธภพมากมายขนาดนี้คงหายมิทั่วท้องกระมัง?"

แถวสุดท้ายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงจากทุกหนแห่งในยุทธภพ ผู้ถือหางเสือของสำนักต่างๆ เป่ยฝูหรงเป็นตัวแทนราชวงศ์แสดงออกว่าไม่เข้าร่วมแย่งชิงอาวุธวิเศษ ส่วนยู่ไท่จื่อ ฝ่าบาทพั่วอวี้ และเขาปี้เซียน ถึงสามแห่งนี้จะฝีมือน่าตกใจ พวกเขาก็มิใช่ด้อยฝีมือ ใครจะได้อาวุธวิเศษไปยังไม่แน่ดอก

และครั้งนี้ เพราะเป่ยชางปล่อยข่าวช้าแล้ว พวกเขารีบเร่งมาร่วม ต่างขยับเคลื่อนเส้นสายทุกทางที่ทำได้ มาที่นี่ก็ล้วนตระเตรียมทุกอย่างมาอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะด้านเงินทอง คน พวกนี้ล้วนทำให้พวกเขาไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืนแล้ว หากอาวุธวิเศษมาหายไปอย่างนี้ พวกเขาต้องไม่เห็นด้วยแน่

ดังนั้น เลยมีคนร้องขึ้นมา "เจ้าบ้านเซียว เดิมพวกข้านับถือท่านเป็นอาจารย์มีชื่อเสียง ตอนนี้ไม่ว่าเรื่องจริงเป็นเยี่ยงไร อาวุธวิเศษก็หายไปในจวนตระกูลเซียวอยู่ดีจริงหรือไม่? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องไปหาที่จวนตระกูลเซียวสิ!"

หลายคนเสริมด้วย "ใช่ หายที่ไหนก็ต้องไปหาที่นั่น"

เซียวหั่วกัดฟันบอก "องค์หญิงใหญ่คิดเห็นประการใด?"

เป่ยฝูหรงกำลังจะบอก ก็มีเสียงร้องด้วยความตกใจของสตรีจากด้านหลัง

"ท่านพ่อ ท่านพ่อ! ท่านพี่หญิงบ้าไปแล้ว!"

เซียวหั่วสะอึก "เสียงของเฉี่ยวเอ๋อร์"

คุณหนูหกเซียวเซียวเฉี่ยว โหลชีหันไปมอง เห็นเซียวเฉี่ยววิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน ผมของนางถูกฟันขาดไปครึ่งหนึ่ง เสื้อผ้าก็แหวกออกเป็นช่องใหญ่ บนเสื้อยังเต็มไปด้วยหิมะ

"พี่หญิงหกเป็นกระไรไปนี่?" เซียวฉิงกับเซียวชงสีหน้าเปลี่ยนเช่นกัน

ทุกคนพากันแหวกทางให้เซียวเฉี่ยววิ่งเข้ามา

เซียวเฉี่ยวพึ่งวิ่งมาถึงเวที ก็ขาอ่อนล้มลงพื้น เซียวฉิงกระโดดลงเวทีมาพยุงนางไว้ "พี่หญิงหก เกิดอะไรขึ้น? ท่านบอกว่าพี่หญิงบ้าไปแล้ว?"

"ใช่ เร็ว รีบไป พี่หญิงบ้าไปแล้วจริงๆนะ นางถือกระบี่เล่มหนึ่งไล่ฆ่าผู้คนอยู่น่ะ!"

"กระบี่?"

"อยู่ที่ไหน รีบพาพวกเราไป" ในใจเซียวหั่วรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี รีบดึงเซียวเฉี่ยวขึ้น

"ท่านพ่อ ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว พี่หญิงอยู่ที่จวนเซียววั่งโน่น!" เซียวเฉี่ยวร้องบอก

"อยู่ที่จวนเซียววั่ง?" สีหน้าเป่ยฝูหรงชะงัก รีบใช้วิชาตัวเบาทะยานไปทางทิศหนึ่ง ส่วนยู่ไท่จื่อก็ตามติดนางไปแทบจะในเวลาเดียวกัน

"ไปไปไป พวกเราก็ไปดูกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น!" นางฟ้าเมิ่งปี้ยืนขึ้น สะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย ตัวคนพุ่งออกไปหนึ่งจั้งแล้ว

โหลชีเห็นอย่างนั้นก็ตกใจ "วิชาตัวเบาของนางฟ้าเมิ่งปี้จะเลอเลิศปานนี้"

เฉินซ่าได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางเลยรีบถามว่า "ทำไมรึ มีสิ่งใดไม่ถูกกัน?"

เยว่ตอบแทนให้ "เมื่อก่อน วิชาตัวเบาของนางฟ้าเมิ่งปี้มิได้แข็งแกร่งเพียงนี้"

"พูดอย่างนี้ แสดงว่าวิทยายุทธ์ของนางพัฒนาขึ้น?" โหลชีถามต่อ

เฉินซ่าส่ายหัวบอก "กำลังภายในของนางมิได้เพิ่มพูนมากขึ้นแต่อย่างใด แต่ราศีของนางดูแปลกพิกล"

โหลวซิ่นรอไม่ไหว "แม่นาง พวกเขาตามไปกันหมดแล้ว พวกเราก็รีบไปเถิด อย่าให้อีกเดี๋ยวกระบี่ล้ำค่าจะถูกผู้อื่นแย่งไป"

โหลชีแอบส่งสัญญาณมือให้คนของตึกบุษบาพันธ์ จากนั้นตามไปจวนตระกูลเซียวเล็กกับเฉินซ่า

จวนตระกูลเซียวเล็ก โหลชีถือว่าคุ้นเคยอยู่ เคยไปมาก่อน ต่อมาได้ไปพักที่จวนตระกูลเซียว ตอนนางเข้าออกก็มีผ่านทางไม่น้อย

บัดนี้เซียววั่งยังไม่ได้ปล่อยกลับมา ในนั้นเหลือเพียงทหารรักษาจวนสาวใช้และแม่เฒ่าทำงานต่างๆ แต่ตอนพวกเขามากลับได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งนัก ซากศพกลาดเกลื่อนเต็มลานไปหมดยิ่งทำให้ผู้คนสะท้านเยือก

บนซากศพเหล่านั้นเต็มไปด้วยรอยกระบี่ มีบางคนใจกล้าย่อตัวลงไปดูรอยกระบี่โดยละเอียด เห็นแค่แวบเดียวก็ร้องอย่างตกใจว่า "รอยกระบี่นี่ลึกนัก!"

ได้ยินดังนั้น คนอื่นก็พากันดูบ้าง

รอยกระบี่ลึกมาก มิใช่แค่ลึกมาก บางรอยแทบจะฟันคนขาดเป็นสองท่อนแล้ว! บางรอยอยู่ที่ท้องน้อย และบ้างก็มีลำไส้ทะลักออกมาจากรอยแผลพวกนั้นแล้ว

คราวนี้ สตรีบางคนทนไม่ไหวโก่งคออาเจียนออกมา

สายตาซู่หลิวอวิ๋นดูสงสาร พูดเสียงเบาว่า "ผู้ใดกันลงมือ ช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว"

ยู่ไท่จื่อมองนางพลางพูดเสียงอ่อนว่า "หากนางฟ้าหลิวอวิ๋นรู้สึกมิสบาย มิสู้รออยู่ด้านข้าง อย่าพึ่งเข้าไปเลย"

"ขอบพระทัยยู่ไท่จื่อที่เป็นห่วง" ซู่หลิวอวิ๋นยิ้มละไมให้เขา "เช่นนั้นหลิวอวิ๋นจะรออยู่ที่นี่แล้วกัน"

ซู่หลิวอวิ๋นหน้าตางดงาม เหนือกว่าเป่ยฝูหรงเสียอีก บวกกับรอยยิ้มนี้ เรียกได้ว่าเป็นประกายสะดุดตา น้ำเสียงยู่ไท่จื่อแผ่วเบา "มีเรื่องอันใด สือยู่ค่อยมาเล่าให้แม่นางฟังแล้วกัน"

ทางนั้น เป่ยฝูหรงหันกลับมาพอดี จึงได้เห็นทั้งคู่ส่งสายตาประสานกัน อดกัดฟันกรอดไม่ได้ แต่ก็ผ่อนคลายลง "ไท่จื่อเข้าไปดูเหตุการณ์กับฝูหรงหน่อยเป็นไร?"

ยังไม่รอยู่ไท่จื่อตอบ ก็ได้ยินเสียงเซียวชงร้องเสียงหลงดังมาจากในประตูทรงกลมที่อยู่ห่างไปไม่ไกลเบื้องหน้า

สามพ่อลูกตระกูลเซียวรีบรุดมาได้เร็วที่สุด ถึงวิชาตัวเบาของพวกเขาจะมิได้อยู่ในระดับสูงมาก แต่พวกเขารู้จักทาง คนอื่นเลยได้แต่ตามติดมา

ซากศพเกลื่อนกลาดในสวน ไม่มีใครรอดเลย โหลชียังเห็นว่าหลายคนเป็นคนรับใช้จวนตระกูลเซียว ดูท่าคงตามมาหวังยับยั้งเซียวหยง แต่ก็โดนฆ่าอยู่ที่นี่

พวกเขาได้ยินเสียงเซียวฉิงร้องเสียงหลง ร่างในชุดเขียวก็พุ่งแซงพวกเขาเข้าไปในด้านในราวกับควันไฟแล้ว

โหลชีลากเฉินซ่าตามติดเข้าไป

หลังจากเหาะเข้าไปในประตูหินทรงกลมบานนั้น ฉากเบื้องหน้าที่ได้เห็นทำให้พวกเขาตะลึงอึ้งไปตามๆกัน

เห็นเพียงสตรีคนหนึ่งผมเผ้าสยายถือกระบี่ยาวไว้มั่นด้วยสองมือ แทงเข้าในตัวบุรุษที่ล้มลงใต้ต้นไม้ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาผู้นั้นแต่งกายเยี่ยงคนรับใช้ในเรือน และหมดลมไปนานแล้ว หากสตรีนางนั้นกลับมิหยุดมือ ยังคงแทงเข้าในร่างเขาไม่หยุด ปากก็พึมพำอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า "ข้าไม่ฆ่าแล้ว ข้าไม่ฆ่าแล้ว ข้าไม่ได้อยากฆ่านะ ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้า...."

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ