ชุดสีชมพูอ่อนของนางบัดนี้ถูกย้อมไปด้วยเลือด ผมสีดำซึ่งกระจายนั้นดูจะมีเลือดติดด้วย จนมันกระจุกอยู่ด้วยกันเป็นช่อๆ
นางดูจะเหน็ดเหนื่อยมาก แต่แรงที่นางกุมกระบี่แทงลงไปนั้นมากนัก ทุกการแทงล้วนแทงทะลุศพ จากนั้นดึงออกมาอย่างเร็ว
มันช่างแปลกประหลาดอย่างที่สุด ทำให้คนที่มาถึงพากันตะลึงงุนงง ณ จังงัง
เมื่อครู่เซียวชงไม่ได้เกิดเรื่อง หากตกใจกับฉากเบื้องหน้านี้ ขาอ่อนยวบทรุดลงพื้น และพอดีไปจับโดนซากศพหนึ่งซึ่งโดนฟันหัวขาดไปครึ่งหนึ่ง เลยตกใจเกือบตาย
"หยงเอ๋อร์?" เซียวหั่วอุทานด้วยเสียงสั่นเทา
สตรีผู้นั้นหันกลับมา มีคนหายใจสะท้านเยือก
สตรีผู้นี้คือคุณหนูห้าเซียว เซียวหยง จุดนี้มิต้องสงสัยละ แต่เซียวหยงที่เดิมอ่อนช้อยงดงาม ตอนนี้กลับดูน่าสะพรึงกลัว ใบหน้านางถูกย้อมไปด้วยเลือดแดงสด และสิ่งที่ทำให้คนหวาดกลัวคือดวงตาของนาง โหลชีจำได้ว่าดวงตาของเซียวหยงเดิมยังสวยกระจ่าง แต่ตอนนี้ดวงตาคู่นั้นของนางมีตาขาวค่อนข้างมาก ดวงตาดำกลับหดลงเหลือนิดเดียว และยังเป็นสีแดง! เหมือนยัดเม็ดเลือดเข้าไปสองเม็ด
"หยงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้ากลายเป็นเยี่ยงนี้ไปได้? รีบวางกระบี่นั่นลง..." เซียวหั่วกลืนน้ำลายเอื๊อก ถึงจะเป็นลูกสาวตน หากเห็นนางในสภาพนี้ก็อดรู้สึกกลัวมากไม่ได้
สายตาทุกคนต่างเบนไปที่กระบี่เล่มนั้นที่นางกุมไว้
เห็นเพียงแวบเดียว คนไม่น้อยรู้สึกว่ามีรังสีเย็นเยือกชนิดหนึ่งออกมาจากกระบี่นั่นปะทะเข้าหน้า บางคนทนไม่ไหวอุทานออกมาด้วยความตกใจ และใช้แขนกั้นไว้ข้างหน้า เอียงคอหลบหลีกมัน
โหลชีเห็นกระบี่นั่น ถึงจะไม่ได้ตกใจ แต่อดใจสะท้านไม่ได้ ด้านหนึ่งของตนซึ่งโหดเหี้ยมโดยที่ตนพยายามกดไว้เริ่มค่อยๆออกมา นางยืดอกตรง สีหน้าเย็นชาเคร่งขรึม สายตาเริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา พริบตาเดียว เสมือนเป็นคนละคน
แต่คนอื่นรอบข้างกลับมองกระบี่นั้นอย่างหวาดกลัว ไม่มีใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของนาง นอกจากเฉินซ่าที่หันคอมองนางอย่างรู้สึกได้ เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นยื่นมือมากุมมือนางไว้ และลงแรงบีบหนึ่งที
เขาไม่เคยเห็นโหลชีในสภาพนี้มาก่อน ต่อให้เมื่อก่อนนางจะพูดกับเขาอย่างโหดเหี้ยมว่าถ้าเขามีสัมพันธ์ใดๆกับน่าหลานฮั่วซิน นางจะฆ่าเขา นางก็เพียงแค่เย็นชาและเคร่งขรึมมาก มิเหมือนตอนนี้ที่ดูเย็นมากและยังแฝงแววอำมหิตด้วย
จังหวะนี้เฉินซ่าค้นพบว่าตนยังเข้าใจนางไม่มากพอ แต่ก็รู้ตัวตอนนี้เช่นกันว่า นางยังมีอีกหลายสิ่งที่มีค่าพอให้เขาไปศึกษา
โหลชีเหลือบตาขึ้นมองเขา
นิสัยที่แท้จริงของนางโดนกระบี่นี่กระตุ้นออกมา คิดได้เลยว่าจิตวิญญาณของกระบี่นี่แข็งแกร่งแค่ไหน ดังนั้นมันควบคุมเซียวหยง เซียวหยงโดนมันควบคุมจิตใจ มิใช่นางถือกระบี่และควบคุมมัน
นางเองยังดี เพราะนิสัยนี่เป็นของนางเหมือนกัน นางไม่เคยปฏิเสธนิสัยนี้ของตนเอง ดังนั้นเลยไม่โดนควบคุม
โหลชีเดาว่าพวกที่มีสองนิสัยแอบอยู่คงโดนกระตุ้นจนส่งนิสัยด้านมืดออกมา ส่วนพวกที่ไม่มีก็จะโดนจิตวิญญาณกระบี่ควบคุม พวกตบะน้อยเป็นไปได้อย่างมากจะได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่พวกที่อยู่ที่นี่ตบะไม่น้อยเลยกันเลย
แต่เฉินซ่ากลับไม่มีร่องรอยได้รับผลกระทบใดๆเลย
"ข้ามิเป็นไร" โหลชีส่ายหัวเบาๆ
เฉินซ่าหรี่ตามองนางเล็กน้อย ใจกระตุก โหลชีในยามปกติเฉลียวฉลาดซุกซน ชอบแกล้งยั่วโมโหคน แต่โหลชีในตอนนี้ เขากลับรู้สึกว่ามีราศีสูงส่งบางอย่างที่บรรยายไม่ได้
ผู้คนในที่นั้นที่ตบะน้อยไม่กล้ามองกระบี่นั่นตรงๆอีก ส่วนพวกตบะสูงพอมองดูกระบี่นั่นก็มีผิดปกติอยู่บ้าง
เฉินซ่ากวาดตามองโดยรอบ ส่งเสียงผิวปากออกมาหนึ่งครั้ง เสียงผิวปากใสกระจ่างไปไกล แฝงไอเย็นเล็กน้อย
ปลุกคนทั้งหมดให้ตื่นคืนสติขึ้นฉับพลัน
ยู่ไท่จื่อมองเฉินซ่า พลางถาม "ฝ่าบาทมิได้รับผลกระทบจากกระบี่นี่รึ?"
เมื่อครู่เขายังโดนเลย
เฉินซ่าพูดเสียงเรียบว่า "ไม่มีสิ่งใดสามารถควบคุมข้าได้"
เยว่กับเฉิงสิบคืนสติกลับมา เสริมหนึ่งประโยคในใจพร้อมใจ นอกจากโหลชี
เซียวหยงยกกระบี่ขึ้นอีกครั้ง มันเป็นกระบี่ยาวที่ด้านนอกดูโบราณสีดำเล่มหนึ่ง มีแกะสลักมังกรเหินขึ้นฟ้าที่ด้ามกระบี่ ตัวกระบี่ยาว สีกระบี่ดุจน้ำค้างแข็ง เย็นเยียบและมืดมิด
"ราชันย์กระบี่" นางฟ้าเมิ่งปี้พูดเสียงต่ำ แววตาฉายประกายเร่าร้อนขึ้นมา
"มิเลว มิเลว กระบี่นี้คู่ควรเรียกได้ว่าราชันย์กระบี่จริงๆ" ผู้เฒ่าเคราขาวผู้หนึ่งลูบเคราพลางว่า
ไม่ต้องลองกระบี่ ใครก็ดูออกว่า กระบี่นี้มิธรรมดา
มีคนพูดขึ้นอีกว่า "ต่อให้เป็นราชันย์กระบี่ ก็เป็นกระบี่มารกระมัง? ดูคุณหนูห้าเซียวสิ โดนจิตวิญญาณกระบี่ควบคุม จนกลายเป็นมารแล้วน่ะ"
พอคำนี้ออกไป ทุกคนต่างสะท้านเยือก
เซียวฉิงได้สติกลับมา อดหันมองโหลชีไม่ได้ เพราะสีหน้าเย็นชาของเฉินซ่าเมื่อครู่ โหลชีเลยกดทับนิสัยนั้นลงไป และกลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ