ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 315

พวกเยว่อันที่จริงก็กระตือรือร้นอยากที่จะลอง

ไม่เคยเห็นกระบี่เยี่ยงนี้มาก่อน ดุร้ายจนแทบจะฆ่าล้างโลก

ถึงตอนนี้จิตวิญญาณกระบี่จะดูแล้วแรงกล้าจนน่ากลัว โดนมันควบคุมกลับได้ง่ายมาก ธาตุไฟเข้าแทรกเข้าจิตมาร หรืออาจจะกลายเป็นเครื่องมือฆ่าคน แต่คนเรามักเป็นอย่างนี้ ไม่ลองสักหน่อย จะรู้ได้อย่างไรว่าตนไม่ได้?

"แม่นาง ขอข้าน้อยไปลองหน่อยได้หรือไม่?" เฉิงสิบไม่เคยคิดว่าตนจะได้กระบี่นี้มา แต่แม่นางของเขาบอกต้องการ เขาก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

โหลวซิ่นหันมองโหลชีเช่นกัน

โหลชีลังเลเล็กน้อย พลางว่า "ได้ พวกเจ้าไปลองดู จำไว้นะ หากเห็นท่าไม่ดีรีบถอยทันที"

"ข้าน้อยเข้าใจ"

"ข้าน้อยก็จะไปด้วย" เยว่แตะปลายเท้าที่พื้น พุ่งไปหาชายฉกรรจ์นั่น

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นมองสบตากัน แยกกันครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจโจมตีจากทั้งสองข้าง

ยู่ไท่จื่อทำสัญญาณมือ มีสองเงาผ่านร่างด้านหลังเขาไป ประหนึ่งนกยูงสีเทาสองตัวพุ่งเข้าไปในสนามรบอย่างคล่องแคล่ว

"ยู่ไท่จื่อสนใจกระบี่นี้ด้วยรึ?" โหลชีถาม

"อาวุธวิเศษ ดูท่าทุกคนคงสนใจกันหมด ได้ยินว่าวิทยายุทธ์พระสนมไม่เลว รึว่าไม่อยากลองรึ?" ยู่ไท่จื่อมองนางกรุ้มกริ่ม

เซียวฉิงพยุงเซียวหั่วกับเซียวชงหลบไปอีกทางหนึ่ง เซียวหยงไม่มีกระบี่ล้ำค่าอยู่ในมือ เรี่ยวแรงที่พยายามทนไว้ก็หายหมด เป็นลมสลบอยู่กับพื้น นางฆ่าคนไปมากมายขนาดนี้ เป่ยฝูหรงให้ทหารองครักษ์คุมตัวนางออกไป คนตระกูลเซียวก็ไม่กล้าพูดอะไร เซียวฉิงกำลังเป็นกังวล พอได้ยินยู่ไท่จื่อเรียกโหลชีอย่างนี้ ในใจพลันสะท้านเยือก

อันที่จริงในตอนที่เห็นโหลชีกับเฉินซ่านั่งอยู่ด้วยกัน เขาก็เดาได้แล้วว่า นางเป็นพระสนมที่อยู่ในประกาศที่โด่งดังไปทั่วใต้หล้าก่อนหน้านั้น แต่พอมาได้ยินคนเรียกนางเยี่ยงนี้จริงๆ เขาก็รู้สึกสับสนอยู่

ถึงจะรู้ว่าตอนนี้เขาไม่ควรเอ่ยปาก แต่ก็ทนไม่ไหวพูดว่า "กระบี่นี้ดุร้ายนัก คุณ...พระสนมอย่าเอาไปเลยจะดีกว่า"

เขารู้ว่าโหลชีมีแส้ปลิดวิญญาณ วัตถุดิบของแส้ปลิดวิญญาณอาจเทียบไม่เท่ากระบี่เล่มนั้น แถมจิตวิญญาณกระบี่ก็อ่อนแอหน่อย แต่กลไกซับซ้อนยุ่งยากของมันสามารถทดแทนกันได้ แถมแส้ปลิดวิญญาณกลับดูเหมาะกับโหลชีอย่างน่าประหลาด ในมือนาง แส้ปลิดวิญญาณถึงจะสามารถแสดงอานุภาพออกมาได้มากที่สุด

มีแส้เทพเยี่ยงนั้น นางมิจำเป็นต้องไปเสี่ยงอีก

การออกเสียงของเขาทำทุกคนอึ้งกันหมด

เฉินซ่าหรี่ตาลงเล็กน้อย เป่ยฝูหรงยิ้มบอก "คุณชายรองเซียวรู้จักกับพระสนมหรือ? ดูเป็นห่วงพระสนมจริงเชียว

เดิมจิ่งหยาวยังมองนางฟ้าเมิ่งปี้ที่อยู่ในแวดวงสู้รบอย่างเป็นกังวล พอได้ยินดังนั้นก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า "ไม่ทราบว่าพระสนมรู้จักกับคุณชายรองเซียวได้อย่างไรกัน จิ่งหยาวล่ะอยากรู้จริงๆ"

เมื่อครู่ที่เอ่ยปากเซียวฉิงก็รู้แล้วว่าตัวเองมิบังควร ตอนนี้พอเห็นพวกเขามองไปทางโหลชีกันหมด ภายในคำพูดมีแววใส่ร้าย สีหน้าร้อนผ่าว ใจเริ่มโกรธ แต่ไม่กล้าพูดอะไรอีก

แต่เขาไม่กล้าพูดอะไร กลับมีคนกล้า ศิษย์หญิงเขาปี้เซียนด้านหลังจิ่งหยาว สาวน้อยคนนั้นที่เริ่มพูดจาว่าร้ายโหลชีตั้งแต่ที่ด้านหน้าตึกบุษบาพันธ์พูดกับจิ่งหยาวด้วยสีหน้าประชดประชันว่า "คุณหนู ท่านมิรู้ดอก สตรีผู้หนึ่ง พาองครักษ์หน้าตาดีสองคนไปจากพั่วอวี้ อยู่ด้านนอกสองสามเดือน หนึ่งหญิงสองชายพบเจอหน้ากันทุกวัน---"

นางยังพูดไม่ทันจบ รังสีอำมหิตประดุจออกมาจากนรกพุ่งตรงมาสะกดนาง คำพูดที่เหลือค้างอยู่ในลำคอ นางไม่กล้าพูดอะไรอีก และก็พูดไม่ออกด้วย

นางคิดจะหันกลับอย่างตกใจ แสงเย็นเยียบสายหนึ่งพุ่งเข้ามา นางจะร้องอุทานอย่างกลั้นไม่อยู่ แสงเย็นนั้นกลับพุ่งเข้าปากนางพอดี และยังทำนางฟันร่วงไปหลายซี่ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านออกจากปาก จากนั้นก็เลือดสดกลบปาก แต่นางพบว่าปิดปากตนเองไม่ได้ เพราะสิ่งที่แทงเข้ามาในปากนางกลับเป็นมีดสั้นเล่มหนึ่ง! ด้ามมีดสั้นโผล่อยู่ข้างนอก

น้ำเสียงเคร่งขรึมของเฉินซ่าลอยเข้าหูนาง "ใครก็ได้ ไปเอามีดสั้นข้ากลับมา"

"ขอรับ!" ตู้เหวินฮุ่ยรีบเข้าไป ศิษย์คนอื่นแห่งเขาปี้เซียนได้สติคืนกลับ คิดจะขวางกั้นหน้าสาวน้อยคนนั้นอย่างทั้งโกรธและตกใจ เฉินซ่าพูดเสียงเย็นว่า "ข้าไม่ถือสาจะทำลายล้างเขาปี้เซียนดอกนะ"

คำพูดนี้ทำทุกคนลืมขยับตัวไปเลย ตู้เหวินฮุ่ยเข้าไปจับใบหน้าสาวน้อยคนนั้น ตอนกำลังจะดึงมีดสั้นออก ก็ได้ยินเฉินซ่าพูดอีกว่า "นางคงมิต้องการลิ้นแล้ว ช่วยนางตัดหน่อยแล้วกัน"

"ขอรับ!"

ตู้เหวินฮุ่ยกุมมีดสั้นไว้แน่น บิดและปาด และดึงออกมาอย่างรวดเร็ว เอาลิ้นครึ่งหนึ่งออกมาด้วย!

"อ๊า!"

สาวน้อยคนอื่นร้องกรี๊ดออกมา

สีหน้าจิ่งหยาวเขียวปั๊ด มองเฉินซ่าอย่างไม่เชื่อสายตา "ฝ่าบาทนี่หมายความว่าอะไร? โหดร้ายเกินไปหรือไม่? นางแค่ล้อเล่น..."

"นางคิดว่านางเป็นตัวอะไร?" เฉินซ่าปรายตามองเหล่าศิษย์เขาปี้เซียนอย่างเย็นชา จนไปหยุดที่ตัวสาวน้อยที่โดนหั่นลิ้นไปกว่าครึ่ง กำลังมือกุมปากน้ำตาและเหงื่อไหลพรากเนื้อตัวสั่นเทาคนนั้น สายตานั้นทำให้นางหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก และหันมองจิ่งหยาวอีก "เจ้าคิดว่า เจ้าเล่าเป็นตัวอะไร?"

เขาปี้เซียน ครึ่งปีก่อนเขาอาจจะยังลังเล ตอนนี้เขามีพลังมากพอที่จะทำลายได้แล้ว ครึ่งปีมานี้คิดว่าเขาเอาแต่เล่นรึ?

สามหุบเขาสามสำนัก ถือว่าพวกเขาดีเด่นอยู่เหนือผู้อื่น ควบคุมอยู่เหนือตำหนักจิ่วเซียวของเขาตลอดกาล อยู่เหนือหัวเขาเฉินซ่าหรือไง?

ร่างจิ่งหยาวเอนเอียงไปมา หวาดหวั่นขวัญหายยิ่งนัก

เฉินซ่าไม่ยำเกรงเขาปี้เซียนแล้ว!

การรับรู้นี้ไม่รู้ทำไมถึงทำให้นางรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา

ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ซู่หลิวอวิ๋นใจกระตุก

ยู่ไท่จื่อกับเป่ยฝูหรงสบตากันหนึ่งครั้ง ล้วนเห็นแววเคร่งเครียดจากดวงตาอีกฝ่าย หรือว่า บัดนี้กำลังของเมืองพั่วอวี้ได้เพิ่มพูนขึ้นถึงระดับที่พวกเขาคาดคิดไม่ถึงแล้ว?

เซียวฉิงไม่คิดเลยว่าคำพูดคำเดียวของตนจะทำให้เกิดผลลัพธ์เยี่ยงนี้ อดเม้มปากแน่นไม่ได้ พลางหันมองโหลชี แต่พบว่านางมิสนใจด้านนี้เลย ซึ่งนางกำลังดูการสู้รบด้านนั้นอย่างเพลิดเพลิน และยกหมัดขึ้นตะโกนว่า "นี่ องครักษ์เยว่ เจ้าได้ยินคำพูดนายท่านของเจ้าหรือยัง? ทำไมยอมยายแก่คนนั้นล่ะ ถีบนางสิ!"

นางฟ้าเมิ่งปี้ที่กำลังเหาะเหินกลางอากาศ พอได้ยินคำนี้เกือบตกลงกลางอากาศ ยายแก่? หมายถึงนาง? นางดูแล้วพึ่งจะยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด และยังไม่ได้ออกเรือนด้วย!

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นางไม่ได้พลาดฉากที่เฉินซ่าสั่งคนตัดลิ้นศิษย์หญิงสำนักนางด้วย เพียงแต่มิอาจแยกตัวไปช่วยได้เท่านั้น ตอนนี้โดนโหลชียุยง นางมีหรือจะทนไหวอีก

หันไปตะคอกดังใส่โหล่ชีทันทีว่า "เฉินซ่าทำราวกับเจ้าเป็นสิ่งล้ำค่า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นตัวอะไรกัน---"

"ถุย! เจ้าคิดว่าเจ้าล่ะเป็นตัวอะไร!" โหลวซิ่นถุยน้ำลายใส่กระบี่ในมือและพุ่งฟันไปที่ข้อมือนาง เฉิงสิบเองก็พุ่งกระบี่ยาวไปที่ดวงตานางในเวลาเดียวกันด้วยใบหน้าเย็นชา องครักษ์เยว่ยืดตัวขึ้น ซัดฝ่ามือไปที่เหนือหัวนาง ทั้งสามคนละทิ้งคนอื่น รวมพลังกันโจมตีนางฟ้าเมิ่งปี้คนเดียว

ทั้งสามคนไม่ว่าใครสู้เพียงคนเดียวล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของนางฟ้าเมิ่งปี้ แต่ถ้าทั้งสามคนร่วมมือกัน เพียงพอให้นางฟ้าเมิ่งปี้มิอาจดูเบาได้

นางเบิกตาถลนด้วยความโกรธ พลันแววตาฉายแสง ร่างนั้นพลันลอยขึ้นแม้ไม่มีลม ผมเริ่มพลิ้วไสวขึ้นมา

โหลชีรู้ทันที รีบตะคอกดัง "รีบถอยห่าง!"

นางฟ้าเมิ่งปี้หัวเราะเสียงดัง "ช้าไปแล้ว!"

นางสองไหล่สั่นเทา มีลมปราณกลุ่มหนึ่งออกจากร่างนางพุ่งออกไปรอบทิศทาง ผู้คนรอบตัวนางโดนโจมตี โดยเฉพาะองครักษ์เยว่

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นรู้สึกเจ็บหน้าอกฉับพลัน มีกลิ่นคาวเลือดในปากขึ้นมา และกระอักเลือดคำโตพร้อมโดนกระแทกลอยออกไป โหลชีสีหน้าเปลี่ยน รีบให้พวกถูเปินไปพยุงพวกเขามาไว้ด้านข้าง นางรีบเหาะเข้าไปหา และเทยาหลายเม็ดให้พวกเขากลืนลงไป

เยว่อยู่เหนือหัวนางฟ้าเมิ่งปี้ เลือดลมพลุ่งพล่าน เขาเห็นเฉิงสิบกับโหลวซิ่นลอยกระเด็นออกไป เขากัดฟันกรอดก่อนจะซัดฝ่ามือลงมา

ปึ้ง

กระบี่ยาวส่งเสียงหวีดแผ่วเบา รังสีอำมหิตแผ่ซ่านไปมั่ว ไม่มีใครเห็นนางฟ้าเมิ่งปี้ขยับหลบ แต่ร่างของนางพลันหนีหายจากขอบเขตการโจมตีขององครักษ์เยว่ สะบัดมือคว้าจับกระบี่เล่มนั้นไว้

"ฮะฮะฮะ อาวุธวิเศษนี้เป็นของข้าแล้ว!"

นางฟ้าเมิ่งปี้ยกกระบี่ขึ้นเหนือตา เย็นเยียบและมืดมิด สะท้อนประกายตาอันปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งบางๆของนาง คนตาดีหลายคนสามารถมองเห็นถึงเส้นเลือดเส้นหนึ่งฉายแวบในดวงตานาง

เมื่อครู่เยว่โจมตีไม่โดน และผันร่างอีกครั้ง กระบี่ยาวพุ่งแทงข้อมือนาง อยากจะบังคับให้นางปล่อยอาวุธวิเศษนั่น

นางฟ้าเมิ่งปี้สะบัดข้อมืออย่างเย่อหยิ่ง สะบัดอาวุธวิเศษขึ้นรับกระบี่ขององครักษ์เยว่ เสียงชิ้งดังขึ้น ที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงคือ กระบี่ยาวในมือองครักษ์เยว่กลับโดนอาวุธวิเศษทำเอาสะท้านแตกหักไปเลย

เขาตกใจ รีบถอยกลับ แต่ยังช้าไปก้าวหนึ่ง นางฟ้าเมิ่งปี้แค่ส่งอาวุธวิเศษมาข้างหน้าเล็กน้อย รังสีกระบี่ก็ฟันเข้าที่ไหล่ขวาของเขา

เยว่รู้สึกว่าเขาเข้าใกล้ความตายไปหนึ่งก้าว

เอวพลันโดนดึง จากนั้นเขาถูกดึงถอยหลังลอยออกไป ในเวลาเดียวกัน เสียงเฉินซ่าดังขึ้น "นางฟ้าเมิ่งปี้แอบฝึกวิชาลับ และยังได้อาวุธวิเศษ นี่คิดจะยึดครองใต้หล้ารึ?" ชุดสีแดงดำสะพัดไปตามลม เข้ารับนางฟ้าเมิ่งปี้ขวางกั้นหน้าองครักษ์เยว่

เยว่ชะงักเท้าลงพื้น พอหันไปมองก็พบว่าโหลชีช่วยเขา สิ่งที่พันเอวเขาและช่วยเขาดึงออกจากเส้นแบ่งความเป็นตายนั้นคือ แส้ปลิดวิญญาณ

"ข้าน้อยขอบพระทัยพระสนมที่ช่วยชีวิต" เยว่มือกุมไหล่ขวา ในใจยังอดตกใจไม่ได้ อาวุธวิเศษร้ายกาจยิ่ง ถึงเขาจะโดนดึงไปไกลแล้ว แต่รังสีกระบี่ของอาวุธวิเศษยังคงทำร้ายไหล่เขาจนได้รับบาดเจ็บจนได้

โหลชีมองไหล่เขาหนึ่งที หยิบขวดยาเล็กจากสายรัดเอวโยนให้ไป "ทาภายนอก" หลังจากให้ยานางรีบเดินผ่านเขาไป ไปดูเฉินซ่ากับนางฟ้าเมิ่งปี้

และเวลาแค่สองสามคำนี้ ดวงตาของนางฟ้าเมิ่งปี้กลับไม่มีอะไรต่างจากชายฉกรรจ์นั่นและเซียวหยงเมื่อครู่เลย ไม่ ดวงตาสีเลือดของนางยิ่งใหญ่กว่าหน่อย

"เฉินซ่า เจ้ามิเห็นเขาปี้เซียนของข้าอยู่ในสายตา ตอนนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเสียที่นี่ ข้าจะให้คนทั้งใต้หล้ารู้ว่า มิมีใครเทียบเคียงเขาปี้เซียนได้! ข้าจะให้พวกเจ้าศิโรราบแทบเท้าข้าจิ่งเมิ่ง!หยาวเอ๋อร์!" จู่ๆนางก็ตะโกนเสียงดังขึ้น

จิ่งหยาวเห็นนางได้กระบี่ก็ตื่นเต้นนัก ร้องรับเสียงดังว่า "ท่านอา หยาวเอ๋อร์อยู่ที่นี่!"

นางฟ้าเมิ่งปี้ชี้กระบี่ไปที่เฉินซ่า "เจ้าอยากได้เจ้าหนูนี่ใช่หรือไม่?"

"ท่านอา---" จิ่งหยาวหน้าแดง กระทืบเท้าด้วยความอาย

โหลชีหน่ายใจ ไม่ใช่ นี่เวลาอะไรแล้วเจ้าไม่ต้องมาแสร้งทำเขินอายได้ไหม?

"รอก่อน ไว้อาทำลายตบะเจ้าหนุ่มนี่แล้ว จะจับเขากลับเขาปี้เซียน ไปคำนับฟ้าดินกับเจ้า!"

โหลชีมองบน ร้องตะโกนว่า "นี่ ยายเฒ่า จะสู้ก็สู้ หลายปีมานี้เจ้าอาศัยคุยโวโอ้อวดสร้างชื่อเสียงมาได้หรือไรกัน?"

"เจ้าเรียกใครยายเฒ่า?" นางฟ้าเมิ่งปี้โกรธจัด

"ยังต้องถามอีกรึ? ที่นี่เจ้าแก่ที่สุดนี่นา อย่าคิดว่าฝึกวิชาลับอะไรแล้วดึงหน้ากลายเป็นสาวน้อยได้ ใบหน้าอ่อนเยาว์แต่กำเนิดน่ะอยู่นี่ต่างหาก มองมานี่ ที่นี่เลย" โหลชีดึงเสี่ยวโฉวมายืนข้างตน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ