ถึงเผ่าชักมังกรจะเหลือคนในเผ่าแค่หลายสิบคน หนึ่งในนั้นยังมีคนแก่สิบกว่าคน คนในเผ่าสี่คนนั้นถือว่าสำคัญมาก แต่โหลชีกลับไม่เชื่อเต็มร้อย เพียงแค่จะหาคนในเผ่าสี่คน ก็ทำให้หัวหน้าเผ่าชักมังกรยอมออกปากแบบนี้ รับปากทุกเงื่อนไข ?
ได้ยินว่าน้ำชักมังกรล้ำค่ามาก หากพวกเขาต้องการน้ำชักมังกรทั้งหมดล่ะ ก็รับปากด้วย?
เฉินซ่าเองก็ไม่โง่
"บัดนี้เผ่าชักมังกรของพวกเจ้ามิมีสิ่งของที่ข้าต้องการ"
เฉินซ่าพูดพลางจะวางผ้าม่านลง
น้ำชักมังกรของเผ่าชักมังกรไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก พวกตัวหญ้าเหล่านั้นของเผ่าชักมังกรต้องใช้ในเผ่าเขาเท่านั้น และไม่เคยได้ยินว่าเผ่าชักมังกรยังมีอะไรที่ดึงดูดพวกเขาอีก เขาไม่ได้ว่างขนาดนั้น ถ้าว่างมิสู้รีบกลับพั่วอวี้ ยังจะไปช่วยพวกเขาหาคนอีก?
สือเหล่ยร้อนใจ รีบพูด "พวกเราไม่เพียงจะหาคน ในเขตหวงห้ามยังมีสมบัติหายากด้วย!"
โหลชีโผล่ออกมาจากด้านหลังเฉินซ่า กะพริบตาปริบๆถาม "สมบัติหายากอะไร?"
สมบัติหายากอะไร หาสมบัติอะไร นางสนใจ สนใจ แน่นอนอันดับแรกสมบัตินี้นางต้องมีส่วนได้ด้วย ไม่งั้นให้ไปเป็นแรงงานฟรีให้คนอื่นนางไม่เอาด้วยหรอก
"ข้าน้อยขอขึ้นไปพูดบนรถได้ไหม?" สือเหล่ยกะพริบตาปริบๆ
ชายอายุสามสิบกว่าแกล้งทำตัวน่าสงสาร มันทำให้คนขนลุกขนพองจริงๆ
ถ้าเป็นตัวเฉินซ่าเอง คงตะเพิดคนออกไปแล้วรีบเร่งเดินทางแล้ว หาสมบัติอะไรนั่นยังไม่สำคัญเท่าตัวเขากลับไปสร้างประเทศตน
แต่โหลชีสนใจ
เขาถอยมาข้างหลัง กลับสู่ที่นั่งเดิม
โหลชีรู้ว่านี่คือเห็นด้วย เลยบอกกับสือเหล่ยว่า "ขึ้นมา"
สือเหล่ยดีใจ รีบพุ่งขึ้นรถม้าทันที
รถม้าคันนี้ใหญ่นัก สิบคนก็นั่งได้หมด สือเหล่ยขึ้นมาก็ยังเหลือที่ว่างอีกมาก
"เยว่ เข้ามา" เฉินซ่าเรียกองครักษ์เยว่เข้ามาด้วย
รถม้าเดินทางต่อไป โหลชีเลื่อมใสในฝีมือช่างรถม้าที่นี่มาก รถม้าใหญ่ขนาดนี้ ลดแรงสั่นสะเทือนได้ดีมาก บวกกับปูพรมหนาๆไว้ในรถม้า ดังนั้นเลยนั่งสบายมาก
แน่นอนว่าเยว่ไม่ได้เข้ามาเพื่อฟังเท่านั้น เขาหยิบเตาผิงเล็กออกมาต้มน้ำชงชา และหยิบขนมและผลไม้อบแห้งออกมาให้โหลชี ทำท่าเตรียมกิน
"พระสนมจะดื่มชาผลไม้หรือไม่?"
"เอาชาเปล่าเฉยๆ กินคู่กับผลไม้อบแห้ง ดีที่สุดแล้ว" โหลชีแสดงท่าทีพอใจมาก จะฟังเรื่องเกี่ยวกับสมบัติหายาก ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสิ
รอจนกาเล็กบนเตาผิงเล็กเดือดปุดๆ โหลชีก็หันไปบอกสือเหล่ยว่า "เอาล่ะ เชิญเล่าได้เลย"
สือเหล่ยอึ้ง เชิญเล่า? นี่คิดว่าเขาเป็นนักเล่านิทานรึ?
นิสัยของพระสนมนี่ทำเอาเขาจับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆ
"คือว่า ต้องเริ่มเล่าจากเผ่าของเรา"
โหลชีพูดอย่างเบื่อหน่าย "พูดเรื่องเผ่าเจ้าอีกแล้วหรือ?"
สือเหล่ยเหนื่อยใจ "สมบัติหายากนี่เกี่ยวพันกับเผ่าเรายิ่งนัก..."
"เอาเถิดเอาเถิด ว่ามา"
สือเหล่ยเล่าว่า "เผ่าชักมังกรเราใช้ชีวิตอยู่ในภูเขาลึกมาตลอด คนรุ่นก่อนๆเคยออกมาสัมผัสบุคคลเรื่องราวอื่นๆบ้าง แต่ต่อมาพบว่าคนภายนอกจิตใจชั่วร้าย คนในเผ่าบางคนต่างตายในมือคนชั่ว บางคนเห็นข้อดีของน้ำชักมังกร เกิดความละโมบ หลอกให้คนในเผ่าพาพวกเขากลับไป เผ่าก็เลยเผชิญการแย่งชิงหลายครั้ง"
"พอมีเหตุการณ์เช่นนี้หลายครั้งเข้า คนในเผ่าเริ่มกลัว อีกอย่างเดิมคนในเผ่าก็น้อยอยู่แล้ว พวกที่เป็นอัจฉริยะยิ่งน้อย หลายสิบปีมานี้ยิ่งทำให้คนรู้สึกแปลก คู่สามีภรรยาในเผ่ามากมายล้วนให้กำเนิดเด็กแค่คนเดียว หากจะอุ้มท้องเพิ่มกลับเป็นเรื่องยากลำบากยิ่ง..."
โหลชีกุมขมับ นางจะฟังเรื่องสมบัติหายากน่ะ สมบัติหายาก! ขืนให้เขาเล่าแบบนี้ต่อไป เมื่อไหร่ถึงจะพูดถึงสมบัติหายากล่ะ? นางรีบตัดบทเขาทันที
"หยุดหยุดหยุด ข้าเกริ่นนำให้เจ้านะ คนเผ่าชักมังกรน้อยมาก มีลูกหลานยาก เพื่อให้คนในเผ่ามีชีวิตต่อไป พวกเจ้าเลยเก็บตัวไม่ออกมาสู่โลกภายนอก เฝ้าแต่ถิ่นที่อยู่ของเผ่า แต่ยังพบว่าอนาคตดูน่ากังวล ตอนนี้คนสี่คนในเผ่าพบว่าเขตหวงห้ามมีสมบัติหายาก!" สีหน้าโหลชีเคร่งเครียดเศร้าหมองก่อน จากนั้นพอพูดถึงสมบัติหายาก แววตาก็เป็นประกายขึ้นมา ทำให้สามคนในรถอดตกตะลึงกับน้ำเสียงของนางอยู่ไม่น้อย
สือเหล่ยมองนางอย่างตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่ารอนางพูดต่อ โหลชีปาดเหงื่อ นิ้วมือเคาะโต๊ะเบาๆ "นี่ เจ้าเล่าต่อได้แล้ว ตกลงนี่เจ้าจะเล่าหรือให้ข้าเล่ากันเนี่ย?"
เยว่ทนไม่ไหวหัวเราะออกมา
ในแววตาเฉินซ่าก็มีแววขบขันเช่นกัน
"พระสนมรู้ได้อย่างไรว่าคนสี่คนนั่นพบว่าเขตหวงห้ามมีสมบัติหายาก?" สือเหล่ยรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อไปหน่อย เขาน่าจะไม่เคยพูดเรื่องนี้ถึงจะถูกสิ
โหลชีชี้นิ้วไปที่หัวตนเอง "แค่คิดก็คิดได้กระมัง คนสี่คนนั่นถ้าไม่ใช่หัวหน้าเผ่าส่งออกไป แล้วเข้าไปในเขตหวงห้ามเอง ก็ต้องเป็นเพราะพวกเขาค้นพบสมบัติหายาก ส่วนพวกเจ้าพึ่งนึกถึงสมบัติหายากได้หลังจากที่พวกเขาหายสาบสูญไปกระมัง"
สือเหล่ยพยักหน้า "พระสนมคาดเดาได้ใกล้เคียงนัก ลูกชายของครอบครัวสี่คนนั่นชื่อสือหมินจี เขาเป็นคนหนึ่งซึ่งซุกซนที่สุดในเผ่า สิบวันก่อนเขาบอกกับหัวหน้าเผ่าว่า เขาแอบเข้าเขตหวงห้ามเมื่อเดือนก่อน จากนั้นก็หลงทาง ในตอนหาทางออกกลับค้นพบน้ำพุแห่งหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ ตอนนั้นเขาดื่มไปหลายคำ รู้สึกว่ามันหวานใสมาก หลังจากดื่มแล้วก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก ดังนั้นเลยใช้ถุงน้ำใหญ่ที่พกติดตัวใส่มันจนเต็มและเอาออกมา ครั้งนี้เขาไม่ได้บอกใครเลย พอออกมาก็ไม่อยากทิ้งน้ำในน้ำพุนั้น เลยแบ่งกันดื่มคนละชามกับภรรยาทุกวัน ผ่านไปครึ่งเดือน ภรรยาของหมินจีกลับตั้งครรภ์ขึ้น!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ