ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 317

ถึงเผ่าชักมังกรจะเหลือคนในเผ่าแค่หลายสิบคน หนึ่งในนั้นยังมีคนแก่สิบกว่าคน คนในเผ่าสี่คนนั้นถือว่าสำคัญมาก แต่โหลชีกลับไม่เชื่อเต็มร้อย เพียงแค่จะหาคนในเผ่าสี่คน ก็ทำให้หัวหน้าเผ่าชักมังกรยอมออกปากแบบนี้ รับปากทุกเงื่อนไข ?

ได้ยินว่าน้ำชักมังกรล้ำค่ามาก หากพวกเขาต้องการน้ำชักมังกรทั้งหมดล่ะ ก็รับปากด้วย?

เฉินซ่าเองก็ไม่โง่

"บัดนี้เผ่าชักมังกรของพวกเจ้ามิมีสิ่งของที่ข้าต้องการ"

เฉินซ่าพูดพลางจะวางผ้าม่านลง

น้ำชักมังกรของเผ่าชักมังกรไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก พวกตัวหญ้าเหล่านั้นของเผ่าชักมังกรต้องใช้ในเผ่าเขาเท่านั้น และไม่เคยได้ยินว่าเผ่าชักมังกรยังมีอะไรที่ดึงดูดพวกเขาอีก เขาไม่ได้ว่างขนาดนั้น ถ้าว่างมิสู้รีบกลับพั่วอวี้ ยังจะไปช่วยพวกเขาหาคนอีก?

สือเหล่ยร้อนใจ รีบพูด "พวกเราไม่เพียงจะหาคน ในเขตหวงห้ามยังมีสมบัติหายากด้วย!"

โหลชีโผล่ออกมาจากด้านหลังเฉินซ่า กะพริบตาปริบๆถาม "สมบัติหายากอะไร?"

สมบัติหายากอะไร หาสมบัติอะไร นางสนใจ สนใจ แน่นอนอันดับแรกสมบัตินี้นางต้องมีส่วนได้ด้วย ไม่งั้นให้ไปเป็นแรงงานฟรีให้คนอื่นนางไม่เอาด้วยหรอก

"ข้าน้อยขอขึ้นไปพูดบนรถได้ไหม?" สือเหล่ยกะพริบตาปริบๆ

ชายอายุสามสิบกว่าแกล้งทำตัวน่าสงสาร มันทำให้คนขนลุกขนพองจริงๆ

ถ้าเป็นตัวเฉินซ่าเอง คงตะเพิดคนออกไปแล้วรีบเร่งเดินทางแล้ว หาสมบัติอะไรนั่นยังไม่สำคัญเท่าตัวเขากลับไปสร้างประเทศตน

แต่โหลชีสนใจ

เขาถอยมาข้างหลัง กลับสู่ที่นั่งเดิม

โหลชีรู้ว่านี่คือเห็นด้วย เลยบอกกับสือเหล่ยว่า "ขึ้นมา"

สือเหล่ยดีใจ รีบพุ่งขึ้นรถม้าทันที

รถม้าคันนี้ใหญ่นัก สิบคนก็นั่งได้หมด สือเหล่ยขึ้นมาก็ยังเหลือที่ว่างอีกมาก

"เยว่ เข้ามา" เฉินซ่าเรียกองครักษ์เยว่เข้ามาด้วย

รถม้าเดินทางต่อไป โหลชีเลื่อมใสในฝีมือช่างรถม้าที่นี่มาก รถม้าใหญ่ขนาดนี้ ลดแรงสั่นสะเทือนได้ดีมาก บวกกับปูพรมหนาๆไว้ในรถม้า ดังนั้นเลยนั่งสบายมาก

แน่นอนว่าเยว่ไม่ได้เข้ามาเพื่อฟังเท่านั้น เขาหยิบเตาผิงเล็กออกมาต้มน้ำชงชา และหยิบขนมและผลไม้อบแห้งออกมาให้โหลชี ทำท่าเตรียมกิน

"พระสนมจะดื่มชาผลไม้หรือไม่?"

"เอาชาเปล่าเฉยๆ กินคู่กับผลไม้อบแห้ง ดีที่สุดแล้ว" โหลชีแสดงท่าทีพอใจมาก จะฟังเรื่องเกี่ยวกับสมบัติหายาก ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสิ

รอจนกาเล็กบนเตาผิงเล็กเดือดปุดๆ โหลชีก็หันไปบอกสือเหล่ยว่า "เอาล่ะ เชิญเล่าได้เลย"

สือเหล่ยอึ้ง เชิญเล่า? นี่คิดว่าเขาเป็นนักเล่านิทานรึ?

นิสัยของพระสนมนี่ทำเอาเขาจับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆ

"คือว่า ต้องเริ่มเล่าจากเผ่าของเรา"

โหลชีพูดอย่างเบื่อหน่าย "พูดเรื่องเผ่าเจ้าอีกแล้วหรือ?"

สือเหล่ยเหนื่อยใจ "สมบัติหายากนี่เกี่ยวพันกับเผ่าเรายิ่งนัก..."

"เอาเถิดเอาเถิด ว่ามา"

สือเหล่ยเล่าว่า "เผ่าชักมังกรเราใช้ชีวิตอยู่ในภูเขาลึกมาตลอด คนรุ่นก่อนๆเคยออกมาสัมผัสบุคคลเรื่องราวอื่นๆบ้าง แต่ต่อมาพบว่าคนภายนอกจิตใจชั่วร้าย คนในเผ่าบางคนต่างตายในมือคนชั่ว บางคนเห็นข้อดีของน้ำชักมังกร เกิดความละโมบ หลอกให้คนในเผ่าพาพวกเขากลับไป เผ่าก็เลยเผชิญการแย่งชิงหลายครั้ง"

"พอมีเหตุการณ์เช่นนี้หลายครั้งเข้า คนในเผ่าเริ่มกลัว อีกอย่างเดิมคนในเผ่าก็น้อยอยู่แล้ว พวกที่เป็นอัจฉริยะยิ่งน้อย หลายสิบปีมานี้ยิ่งทำให้คนรู้สึกแปลก คู่สามีภรรยาในเผ่ามากมายล้วนให้กำเนิดเด็กแค่คนเดียว หากจะอุ้มท้องเพิ่มกลับเป็นเรื่องยากลำบากยิ่ง..."

โหลชีกุมขมับ นางจะฟังเรื่องสมบัติหายากน่ะ สมบัติหายาก! ขืนให้เขาเล่าแบบนี้ต่อไป เมื่อไหร่ถึงจะพูดถึงสมบัติหายากล่ะ? นางรีบตัดบทเขาทันที

"หยุดหยุดหยุด ข้าเกริ่นนำให้เจ้านะ คนเผ่าชักมังกรน้อยมาก มีลูกหลานยาก เพื่อให้คนในเผ่ามีชีวิตต่อไป พวกเจ้าเลยเก็บตัวไม่ออกมาสู่โลกภายนอก เฝ้าแต่ถิ่นที่อยู่ของเผ่า แต่ยังพบว่าอนาคตดูน่ากังวล ตอนนี้คนสี่คนในเผ่าพบว่าเขตหวงห้ามมีสมบัติหายาก!" สีหน้าโหลชีเคร่งเครียดเศร้าหมองก่อน จากนั้นพอพูดถึงสมบัติหายาก แววตาก็เป็นประกายขึ้นมา ทำให้สามคนในรถอดตกตะลึงกับน้ำเสียงของนางอยู่ไม่น้อย

สือเหล่ยมองนางอย่างตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่ารอนางพูดต่อ โหลชีปาดเหงื่อ นิ้วมือเคาะโต๊ะเบาๆ "นี่ เจ้าเล่าต่อได้แล้ว ตกลงนี่เจ้าจะเล่าหรือให้ข้าเล่ากันเนี่ย?"

เยว่ทนไม่ไหวหัวเราะออกมา

ในแววตาเฉินซ่าก็มีแววขบขันเช่นกัน

"พระสนมรู้ได้อย่างไรว่าคนสี่คนนั่นพบว่าเขตหวงห้ามมีสมบัติหายาก?" สือเหล่ยรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อไปหน่อย เขาน่าจะไม่เคยพูดเรื่องนี้ถึงจะถูกสิ

โหลชีชี้นิ้วไปที่หัวตนเอง "แค่คิดก็คิดได้กระมัง คนสี่คนนั่นถ้าไม่ใช่หัวหน้าเผ่าส่งออกไป แล้วเข้าไปในเขตหวงห้ามเอง ก็ต้องเป็นเพราะพวกเขาค้นพบสมบัติหายาก ส่วนพวกเจ้าพึ่งนึกถึงสมบัติหายากได้หลังจากที่พวกเขาหายสาบสูญไปกระมัง"

สือเหล่ยพยักหน้า "พระสนมคาดเดาได้ใกล้เคียงนัก ลูกชายของครอบครัวสี่คนนั่นชื่อสือหมินจี เขาเป็นคนหนึ่งซึ่งซุกซนที่สุดในเผ่า สิบวันก่อนเขาบอกกับหัวหน้าเผ่าว่า เขาแอบเข้าเขตหวงห้ามเมื่อเดือนก่อน จากนั้นก็หลงทาง ในตอนหาทางออกกลับค้นพบน้ำพุแห่งหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ ตอนนั้นเขาดื่มไปหลายคำ รู้สึกว่ามันหวานใสมาก หลังจากดื่มแล้วก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก ดังนั้นเลยใช้ถุงน้ำใหญ่ที่พกติดตัวใส่มันจนเต็มและเอาออกมา ครั้งนี้เขาไม่ได้บอกใครเลย พอออกมาก็ไม่อยากทิ้งน้ำในน้ำพุนั้น เลยแบ่งกันดื่มคนละชามกับภรรยาทุกวัน ผ่านไปครึ่งเดือน ภรรยาของหมินจีกลับตั้งครรภ์ขึ้น!"

พูดถึงตรงนี้ สือเหล่ยตื่นเต้นมาก "หมินจีเองก็ตื่นเต้น เขาคิดอยู่หลายวัน เดาว่าน่าจะเป็นผลจากน้ำในน้ำพุนั่น เลยวิ่งไปพูดต่อหน้าหัวหน้าเผ่า หัวหน้าเผ่าได้ยินก็ตื่นเต้นมาก แต่นั่นเป็นเขตหวงห้าม ห้ามรุกล้ำเข้าไปง่ายๆ จึงบอกกับหมินจีว่า ให้เขาคิดดูให้ดี ถึงเวลานั้นพอเปิดประชุมเผ่าให้ขอความเห็นจากทุกคน หัวหน้าเผ่าครุ่นคิดอยู่หลายวัน คิดจะพูดขึ้นมาตอนอยู่ในงานเลี้ยงรอบกองไฟ ใครจะรู้ว่าพวกหมินจีกลับหายสาบสูญไป หน้าเผ่าคาดเดาว่า หมินจีคงรอไม่ไหว และเข้าเขตหวงห้ามไปตามหาน้ำพุวิเศษนั่นแล้ว!"

เขาพูดมาถึงตรงนี้ ยกชาขึ้นดื่ม พลางว่า "น้ำในด้านนอกเทียบไม่ติดกับน้ำในเผ่าเราเลย"

โหลชีกลับมองเขาอย่างหน่ายใจ "สมบัติหายากที่เจ้าพูดหมายถึงน้ำในน้ำพุที่สามารถทำให้คนเผ่าเจ้าตั้งท้องได้หลายครั้ง?" คนเราตั้งท้อง ไม่แน่ว่าจะเป็นเพราะน้ำในน้ำพุนั่นสักหน่อย

ต่อให้ใช่ น้ำในน้ำพุนั่นเป็นสมบัติหายากสำหรับพวกเขา เป็นอะไรสำหรับนางกันล่ะ? ตอนนี้นางไม่ได้อยากมีลูกสักหน่อย! อีกอย่าง นางไม่แน่ว่าจะท้องได้คนเดียว! เอ่อ คิดไปไกลเกินไปแล้ว ต้องโทษหมอนี่ล่อลวงนาง พูดถึงสมบัติหายากอะไร!

สือเหล่ยถลึงตาใส่ "ท่านไม่ใคร่ดีกับน้ำพุวอเศษเยี่ยงนี้ได้อย่างไร? หัวหน้าเผ่าบอกแล้ว นั่นเป็นน้ำพุวอเศษที่ปู่ของเขาเคยกล่าวถึงว่า ดื่มน้ำน้ำพุวอเศษแล้วจะสามารถร่างกายแข็งแรง ยิ่งช่วยบำรุงร่างกายสตรียิ่งนัก ไม่เพียงมีลูกได้มาก ยามคลอดลูกก็จะสามารถทุกข์ทรมานน้อยลงไปด้วย!"

โหลชีกุมขมับท่าทางทุกข์ทรมาน สมบัติหายากที่นางรอคอย...

ที่แท้ก็ช่วยเรื่องคลอดลูกนี่เอง...

น้ำพุอย่างนี้ไม่ใช่ไม่ดี แต่มันไม่ใช่สมบัติหายากและสิ่งที่นางคิดเลย ไม่เหมือนกันเลย นี่มันช่างโหดร้าย..

ตอนกำลังจะพูด กลับได้ยินเฉินซ่าพูดอย่างจริงจังว่า "ฤทธิ์น้ำพุวอเศษเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริงรึ ไม่เพียงสามารถท้องได้หลายครั้ง ยังบำรุงร่างกายสตรี ยามคลอดบุตรจะทุกข์ทรมานน้อยลง?"

โหลชีเงยหน้าขึ้นฉับพลันหันไปมองเขาราวกับเห็นผี ตกใจ ช็อกมากเลย

นี่ ฝ่าบาท เจ้าอาวุธทำลายล้างที่รู้กันดีล่ะ? ทำไมท่านสนใจกับเรื่องของสตรีเช่นนี้!

เฉินซ่ากลับไม่สนใจนาง เพียงรอสือเหล่ยตอบ

สือเหล่ยพยักหน้าอย่างแรง "นี่เป็นเรื่องจริง ฝ่าบาทมีบุตรแล้วรึ?"

คนเผ่าชักมังกรไม่ค่อยรู้เรื่องภายนอกมากนัก ไม่รู้เรื่องนี้ก็ไม่แปลก เฉินซ่าส่ายหัวเบาๆ สือเหล่ยยืดอกอย่างภูมิใจเล็กน้อย พลางว่า "ข้าน้อยมีบุตรสาวคนหนึ่ง สามขวบแล้ว หน้าตาเหมือนข้าน้อยมาก เพียงแต่ตอนนั้นก็รอคอยมานานมาก ภรรยาข้าน้อยถึงท้องขึ้นมา ในตอนที่บุตรสาวถือกำเนิดก็เกือบตายทั้งกลม หัวหน้าเผ่าบอกแล้ว หากได้ดื่มน้ำพุวอเศษเป็นประจำ ก็จะมิมีอันตรายเช่นนี้แน่"

เฉินซ่าฟังอย่างตั้งใจ ในตอนที่ได้ยินว่าเกือบตายทั้งกลม เขากระตุกอย่างแรง และหันมองโหลชีอย่างกังวล

สายตานี้ทำเอาโหลชีขนลุกขนพอง

แม่เจ้า นี่มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย!

สือเหล่ยพูดอีกว่า "แน่นอน น้ำพุวอเศษเป็นหนึ่งในนั้น หัวหน้าเผ่าบอกว่า ในเขตหวงห้ามมีสมบัติมากมาย เพียงแต่มิมีผู้ใดเข้าไปนานแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าในนั้นมีของอะไรบ้างกันแน่ หัวหน้าเผ่าบอก ครั้งขอเพียงทั้งสองท่านช่วยพวกเราตามหาครอบครัวสี่คนของหมินจี หาน้ำพุวอเศษ สมบัติในเขตหวงห้าม ไม่ว่าพวกท่านได้อะไร ก็ยกให้พวกท่านทั้งหมด!"

พอได้ยินคำนี้ โหลชีไม่สนใจเลยสักนิด "พวกเจ้าไม่เคยเข้าเขตหวงห้ามเลย ได้แต่ได้ยินว่าในนั้นมีสมบัติ จะมีจริงหรือไม่ อืม ถ้าเกิดเป็นพวกยาโด๊ปเสริมพลังชายเล่า?"

"พรืด!" เยว่สำลักชาออกมาหนึ่งคำ

คำพูดอย่างยาโด๊ปเสริมพลังชาย พระสนมท่านเป็นสตรีกลับกล้าพูดออกมาต่อหน้าบุรุษหลายคนนี่ มันจะดีรึ?

สีหน้าสือเหล่ยร้อนผ่าวเช่นกัน

"ข้ารับปากเอง"

"อะไรนะ?" โหลชีแทบกระโดดขึ้นมา

เฉินซ่าไม่สนใจนาง หันไปบอกสือเหล่ยว่า "แต่ว่า นอกจากสมบัติอื่นในเขตหวงห้ามแล้ว ข้ายังมีเงื่อนไขอีกข้อ"

"ยังมีเงื่อนไข?"

"หากเจอน้ำพุวอเศษ ทุกเดือนเผ่าชักมังกรต้องส่งน้ำพุวอเศษหนึ่งไหมาให้ ข้าจะส่งคนมารับ"

สือเหล่ย "..."

เยว่ "..."

โหลชี "..."

....

ฝ่าบาทตัดสินใจจะช่วยเผ่าชักมังกรตามหาคนตามหาน้ำพุวอเศษ เป้าหมายของพวกเขาจึงเปลี่ยนจากกลับพั่วอวี้ไปเป็นเผ่าชักมังกร

ตำแหน่งเผ่าชักมังกรอยู่ในภูเขาลึกตรงเส้นแย่งเป่ยชางกับตงชิง ห่างจากที่นี่ไม่ไกลมาก รีบร้อนเดินทางก็แค่หนึ่งวันหนึ่งคืน และเพราะแบบนี้พวกเขาถึงเลือกที่จะมารวมตัวกันที่ตลาดสมบัติล้ำค่านั่นที่เมืองนั่วรา เพราะว่าใกล้ ถ้าไกลเกินไปเวลาพวกเขาคงไม่ทัน

สือเหล่ยร้อนใจมาก แทบจะอยากเดินทางทั้งวันทั้งคืน ส่วนเฉินซ่ากลับไม่มีความคิดเห็น ฟังเขามาตลอดทาง เร่งรีบเดินทาง ทำให้คนรู้สึกแปลกใจมาก

โหลชีรู้สึกคันยุบยิบในใจ ฝ่าบาทแสดงออกแปลกมาก เหมือนพุ่งเป้าหมายไปที่น้ำพุวอเศษนั่น

รอจนนางทนไม่ไหวถามออกมา เขากลับเลิกคิ้วมองนาง "ข้าต้องการน้ำพุวอเศษนั่น"

"ท่านจะเอาน้ำพุวอเศษนั่นไปทำอะไร?"

เรื่องพั่วอวี้เยอะเป็นภูเขาเขาไม่รู้รึ?

เฉินซ่ามองแววตานางมีแววดูถูก "นับแต่นี้ข้าจะมีสนมเพียงคนเดียว ยอดรักเจ้ามีภาระหน้าที่ผลิตทายาทใหญ่หลวงนัก อย่างน้อยต้องมีสามคนขึ้นไป น้ำพุวอเศษนี่มิสำคัญงั้นรึ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ