ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 320

ปุ๊!

แขนแห้งกรังข้างหนึ่งโผล่ออกมาจากดิน ห้านิ้วมือเรียวยาวมีแต่หนังหนึ่งชั้นเนื้อหนึ่งชั้น เล็บยาวมาก สีเทาปนดำ ดูแล้วเหมือนกรงเล็บของศพแห้ง!

เพราะโหลวซิ่นกำลังก้มหัวย่อเอวมองพื้น จุดที่กรงเล็บนั่นออกมา ทำลับจับชายเสื้อเขาแน่น จะดึงให้เขาล้มลง ภายใต้ความตกใจของโหลวซิ่น เขาคุกเข่าลงไป มือยันพื้นแน่น พยายามต้านทานแรงนั้น

ทำไม หลูต้าลี่ถึงคุกเข่าลงพื้น พวกเขาเข้าใจแล้ว!

โหลวซิ่นกัดฟันก้มหน้า จ้องมองดวงตาคู่นั้นที่โผล่ออกมาจากดินครึ่งหนึ่ง!

ดวงตาคู่นั้นตรงกันข้ามกับคนธรรมดาโดยสิ้นเชิง ดวงตาเป็นสีขาวเทา ตาขาวไม่เรียกว่าตาขาว น่าจะเรียกตาดำ เป็นสีดำทั้งหมด!

ความสูงของการคุกเข่าลงพื้นระดับนี้ การมองสบตาคู่นี้ ขนาดโหลวซิ่นติดตามเฉินซ่ากับโหลชีผ่านเรื่องราวแปลกประหลาดมากมาย เรื่องที่เหนือความคาดคิด คราวนี้ก็โดนหัวใจที่เต้นแรงกระตุกจนแทบหยุดลงหลายครั้ง

เพราะอยู่ไกลพอสมควร พวกโหลชีเลยไม่เห็นดวงตาแบบนี้ เห็นเพียงแค่แขนแห้งกรังที่โผล่พ้นดินเท่านั้น

"สวรรค์ นี่มันอะไรกัน!" เยว่กัดฟันด่าออกมาหนึ่งคำ รีบวิ่งไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว

โหลชีจะพุ่งเข้าไป เฉินซ่าคว้ามือนางไว้ มองไปยังดินด้านหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพลางว่า "ไม่ถูก"

ไม่เพียงแค่นี้ ไม่พอ

โหลชีซี้ดขึ้นมาหนึ่งครั้ง มองดินเหลวข้างหน้าเริ่มขยับช้าๆ เป็นวงกลมระยะราวสามสิบเมตร ดินเหลวในวงกลมเริ่มขยับยุบตัวลงไป เหมือนดินแถบนี้เกิดช่องหลุมขนาดใหญ่ ดินเหลวที่อ่อนยวบไหลไปใต้ช่องหลุม

ขอบเขตนี้รวมหลูต้าลี่กับโหลวซิ่นไว้ด้านในด้วย ตามการไหลของดินเหลว คนหรือของที่บางทีอาจจะเรียกว่าคนไม่ได้ซึ่งเดิมถูกฝังอยู่โผล่ออกมา ภายนอกดูแล้วเหมือนคน แต่โดนรัดด้วยผ้าแถบดำไปทั้งตัว ผมยาวมาก ทั้งหนาทั้งแข็งเกลียวรัดอยู่ด้วยกัน คอและแขนที่โผล่ออกมารวมถึงขาผอมโซราวท่อนฟืน สีเทาขาวดุจเจียงซือ เล็บเท้าทั้งยาวทั้งแหลม

พวกเขาเห็นดวงตาของเจ้าสิ่งนี้แล้วต่างสะท้านเยือกในใจ

"ใช่เจียงซือหรือไม่?" โหลชีรู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้างจากของประเภทเจียงซือที่เจอในป่าลึกคืนนั้นตอนพึ่งย้อนเวลามา

เฉินซ่าพูดเสียบเรียบ "กูล"

อะไรนะ?

โหลชีคิดว่ามันอยู่ในเรื่องเล่า กูล เป็นแบบที่นางเข้าใจนั่นไหม?

"กูล เกิดจากคน" ตอนนี้เฉินซ่าไม่มีเวลาอธิบายกับนางมากนัก เขาเหล่เห็นสีหน้าซีดเผือดเล็กน้อยของนาง พลันดึงนางมาอยู่ข้างหลัง "รออยู่อีกด้าน ที่นี่ไม่ต้องให้เจ้าลงมือ"

ฝีมือนางทั้งๆที่แข็งกล้ามาก แต่กลับมีความรู้สึกรังเกียจและหวาดกลัวของพวกนี้อย่างน่าประหลาด เหมือนกับทั้งๆที่นางสามารถฆ่างูตัวหนึ่งได้อย่างง่ายดาย แต่พอเห็นงูนางพลันสีหน้าซีดเขียว

ความอ่อนแอเพียงเล็กน้อยที่แสดงออกมาเป็นบางครั้งในความแข็งแกร่งเหลือคณานับ

กูลสองร่างนั่นกำลังช่วยกันดึงลากหลูต้าลี่กับโหลวซิ่นตามการไหลลงของดินเหลวไปอยู่ใต้ช่องหลุม แต่หลูต้าลี่แรงเยอะตั้งแต่เกิด กลับยืนนิ่งไม่ขยับ ยังตะคอกเสียงดับแทบจะดึงกูลนั้นกลับขึ้นไปแทน กลับเป็นโหลวซิ่นที่ถึงจะมีอาวุธอยู่ข้างตัว แต่สองมือกลับคว้าจับพื้นแยกที่ด้านบน พยายามขืนตัวไม่โดนลากลงไป และไร้เรี่ยวแรงต่อกร

เยว่ยกกระบี่ขึ้น ปลายกระบี่แทงลงไปที่หน้าอกกูลนั่น ใต้ดินพลันมีอีกมือหนึ่งมากระชากขาเขา

เยว่โดนกระชากจนเกือบล้มลงพื้น

เฉิงสิบยื่นมือจะไปดึงเขา ก็มีกูลอีกตัวโผล่ออกมาจากพื้น กระโดดขึ้นหลังเขา เล็บแหลมคมกำลังจะปักเข้าคอเขา

ร่างชุดสีแดงดำปราดเข้ามา กระชากกูลบนหลังเฉิงสิบ สะบัดมือโยนมันออกไป จากนั้นใช้สองนิ้วประหนึ่งกระบี่ พลังกลุ่มหนึ่งยิงไปที่หว่างคิ้วของกูลที่โยนออกไปตัวนั้น

กูลร้องโหยหวน ล้มลงกับพื้น ไม่ขยับอีกเลย

"ขอบพระทัยฝ่าบาท!"

"ไปช่วยเยว่"

เฉินซ่าพูด พลางปราดร่างไปทางโหลวซิ่น

โหลวซิ่นโดนกูลนั่นกระชากไปใจกลางช่องหลุมแล้ว เขากัดฟันกรอด ในตอนที่คิดว่าตนเองคงโดนลากเข้าไปแน่แล้ว มือหนึ่งจับมือเขาไว้ และกระชากเขาโดยแรง ดึงเอาตัวเขาและกูลที่เกาะเขาไว้กลับออกไป ในตอนที่พวกเขาเหาะลอยเหนือเขาไป เขาก็ดึงกูลตัวนั้นกลับมา กูลโดนดูดเข้าไปใจกลางช่องหลุมนั่นอย่างแรง

กูลตัวนั้นร้องโหยหวนระหว่างโดนดูดเข้าไปช่องหลุม และหายไปไม่เหลือร่องรอย

เขาลงมือจัดการกูลสองตัวนี้แค่ไม่กี่ช่วงลมหายใจ โหลชีมองอย่างตะลึงอ้าปากค้าง เจ้าอาวุธทำลายล้างนี่คือเจ้าอาวุธทำลายล้างจริงๆ ไม่มีกระบวนท่าสวยหรูอะไร มีแต่เรียบง่ายดุดัน แต่ได้ผลเต็มร้อย!

ในตอนนี้เอง หลูต้าลี่พลันตะคอกดังออกมา และกระชากมือกูลตัวนั้นที่หน้าอกตนออก จากนั้นยืนขึ้นมา สะบัดแขน หมุนกูลตัวนั้นเป็นวงกลม จากนั้นสะบัดออกไปโดยแรง กูลตัวนั้นตอนตกลงพื้น กลับเละเป็นโจ๊กเลย

แรงเยอะตั้งแต่เกิดแฮะ...

หลูต้าลี่นี่แรงเยอะตั้งแต่เกิดจริงๆ

"ข้าเกลียดพวกเจ้า! เพราะพวกเจ้าทำร้ายเสี่ยวเป่า พวกเจ้าทำร้ายเสี่ยวเป่า!" หลูต้าลี่พลันตะโกนออกมาหลายคำ จากนั้นร้องโฮเสียงดัง เขาไม่เพียงเสียงดัง ขนาดร้องไห้ยังร้องดังกว่าคนปกติหลายเท่า

โหลชีได้ยินประโยคนี้ก็ตะลึง

เสี่ยวเป่า... เจียวเทียนเป่า...

ตอนนั้นเสี่ยวเป่าโดนฮูหยินหัวหน้าเผ่ามนุษย์ผีควบคุม ให้ทำเรื่องน่ารังเกียจอย่างตัดเนื้อคนแหวกหัวใจคน ในพิธีบูชายัญ สตรีที่โดนเป็นเครื่องบูชายัญเขาเองก็กล้าลงมือ ตอนนั้นนางจึงแน่ใจว่าตนเองจะไม่พาเขาไปด้วยอีก นางดูไม่ออกว่าเขาไม่เต็มใจ ถึงจะบอกว่าโดนควบคุมจิตใจ แต่ในสถานการณ์นั้นนางรู้ดีว่าเขายังมีสติอยู่

ต่อมาคนพวกนั้นตายหมดแล้ว นางก็ไม่ได้ออกไปตามหาเสี่ยวเป่า ดูว่าเขายังมีทางช่วยไหม

หลูต้าลี่เองก็ไม่ได้พูดถึงอีก แต่ตอนนี้เขากลับร้องไห้โฮออกมา โหลชีถึงรู้ว่าคนผู้นี้จิตใจบริสุทธิ์ก็จริง แต่สิ่งที่ควรจำได้ก็จำได้หมด และไม่ได้แสดงท่าทีหวาดหวั่นอย่างภายนอก

กูลพวกนี้ไม่เหมือนกับเผ่ามนุษย์ผี ยังไงซะเผ่ามนุษย์ผีก็เป็นคน เพียงแต่อยู่กับศพเป็นประจำ ทำน้ำมันศพอะไรแบบนั้น แต่ยังพูดจาได้ มีความคิด กูลพวกนั้นกลับทำได้แค่ส่งเสียงน่ากลัวซือซือ ดวงตากับรูปร่างแทบจะเป็นอสูรแล้ว ไม่มีความคิด

เพียงแต่หลูต้าลี่แยกแยะไม่ออก บางทีในสายตาเขา ทั้งสองพวกนี้เหมือนกัน

เขารู้สึกว่าเจ้าพวกนี้ให้ร้ายเจียวเทียนเป่า ดังนั้นเลยลงมืออย่างหนัก แทบจะใกล้เคียงเฉินซ่าแล้ว ดูจากสถานการณ์เมื่อครู่ก็รู้แล้วว่ากูลพวกนั้นเรี่ยวแรงมากขนาดไหน แต่แรงของเขากลับสะบัดกูลพวกนี้ออกไปไกลนัก

เฉิงสิบกับเยว่ก็ร่วมแรงร่วมใจกันโยนกูลตัวสุดท้ายนั่นลงไปในหลุมพื้น ไม่นานมันก็โดนดูดลงไป

เฉินซ่ายืนอยู่ขอบช่องหลุมขนาดชามใหญ่ที่ยุบลงไปนั่น มองดูใจกลาง คิ้วยาวขมวดเล็กน้อย โหลชีเดินมาข้างเขา และมองตามไปด้วย ดินเหลวยังคงไม่หยุดนิ่งยุบตัวลงไป และไม่รู้ว่าด้านล่างนั่นมันเป็นหลุมลึกแค่ไหน

"คิดอะไรอยู่รึ?" โหลชีถาม

"ในส่วนลึกของทุ่งป่าเถื่อนของพั่วอวี้ ก็มีภูมิประเทศหน้าตาแบบนี้" เฉินซ่าบอก "เมื่อก่อนเคยเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นเมื่อครู่จึงรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง"

"ที่นั่นก็มีกูล?"

"มี แต่กูลของที่นั่นอายุยังน้อย เรี่ยวแรงไม่มาก"

โหลชีหัวเราะเหอะเหอะ "กูลยังมีแบ่งอายุอีกรึ?"

"อืม เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าพวกนี้เกิดจากอะไร?" เฉินซ่าเหลือบตามองนาง

"ไม่รู้"

"ที่ที่มีกูล หลายปีก่อนหน้านั้นต้องมีหลุมฝังทั้งเป็น"

หลุมฝังทั้งเป็น? หลุมฝังคนทั้งเป็นสิ

"คนบางคนพอฝังลงไปก็จะตายตามกำหนดเวลา แต่บางคนเพราะสาเหตุต่างๆจะยังรอดอยู่ แต่ตอนแรกหาทางออกไม่ได้ และพอโดนฝังดินก็ไม่มีอะไรกินหรือดื่ม หิวอย่างทรมาน ไม่ต้องสามสี่วัน พวกเขาก็จะเริ่มกินเลือดของศพที่ตายข้างๆ จากนั้นค่อยๆขุดต่อไป หาที่อ่อนยวบหน่อยเพื่อดูว่ามีทางออกหรือไม่ ในระยะนี้พวกเขาจะหิวมาก เริ่มกินศพ จากนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ช่วงนี้อาจจะนานมาก สองปี สามปี หรือนานกว่านั้น พวกเขาจะกลายเป็นคนป่าที่เร้นหลีกโลกภายนอก ค่อยๆลืมว่าจะพูดจาได้ยังไง"

โหลชีได้ยินแล้วขนลุกขนพอง "แต่เมื่อครู่ข้าเห็นกูลพวกนี้ไม่เหมือนคนเลยนะ..."

เยว่เดินเข้ามา แกะถุงน้ำยื่นให้เฉินซ่าล้างมือ เขาพูดต่อว่า "เพราะเมื่อครู่ที่ข้าพูดยังไม่ใช่กูลที่แท้จริง ต่อมาคนพวกนั้นเจอพวกเดียวกัน เริ่มสืบพันธุ์..."

"พรืด!"

เฉินซ่าเหล่นางหนึ่งที

"ท่านพูดต่อไปเถิด ข้าไม่ได้ตั้งใจ..." โหลชีรีบปิดปากตัวเอง นางไม่คิดว่าคนพวกนั้นยังจะสืบพันธุ์ได้อีก...

มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ

"เดิมพวกเขาก็ไม่ปกติอยู่แล้ว กินเนื้อศพเป็นประจำ ร่างกายสะสมพิษมาเรื่อยๆ ทารกที่คลอดออกมาก็ไม่ถือเป็นคนปกติแล้ว นี่ถึงจะเป็นกูล เมื่อครู่พวกนั้นก็ใช่ และเป็นกูลที่โตแล้ว"

อันที่จริงต่อให้เป็นยุคปัจจุบัน สถานที่ที่อยู่สุดขอบห่างไกลความเจริญผิดปกติก็มีวัฒนธรรมและของซึ่งเลวร้ายขั้นสุดอยู่มากมาย เป็นสิ่งที่คนในโลกศรีวิลัยไม่สามารถเชื่อได้เลย

โลกนี้แค่น่ากลัวกว่ายุคปัจจุบันเท่านั้นเอง

"งั้นท่านรู้ว่าด้านล่างคืออะไรไหม?" โหลชีถามพลางชี้ไปที่หลุมใหญ่นั่น

"ถ้าข้าเดาไม่ผิด สถานที่นี้คือหลุมฝังทั้งเป็นในตอนนั้น และหลุมตรงกลางนั่นก็คือทางใต้ดินที่คนพวกนั้นขุดเจอโดยบังเอิญ ในนั้นน่าจะเป็นกระดูกของคนที่โดนฝังทั้งเป็นและโดนพวกเขากินหมดแล้ว"

โหลชีขนลุกขนพอง "งั้นพวกเราไม่ลงไปแล้ว รีบไปกันเถิด"

เยว่มองนางอย่างแปลกใจ "พระสนม หรือว่าเมื่อครู่ท่านคิดจะลงไปรึ?"

โหลชีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ใครพูดกัน? จะเป็นไปได้ยังไงเล่า!"

"เจ้าคิดว่าในนั้นจะมีสมบัติหายากรึ?" เฉินซ่าถาม

โหลชีพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็สบเข้ากับสีหน้าคล้ายจะยิ้มก็มิเชิงของเขาและเยว่ที่พยายามกลั้นยิ้มในดวงตา

เชอะ นางชอบเงินแล้วมันยังไงล่ะ

ที่แบบนี้รีบไปให้เร็วที่สุดดีกว่า

แต่แค่เริ่มต้นก็เจอสิ่งและสถานที่ที่น่ากลัวขนาดนี้แล้ว ครอบครัวสือหมินจีสี่คนนั่นจะยังรอดอยู่รึ?

ก่อนพวกเขาเดินทางต่อไป โหลชีคาดคะเนทางที่ออกมา และเปิดช่องดินดำเหลว พอผ่านไปสักพักก็เป็นทางในภูเขาที่ค่อนข้างปกติ มีหญ้ารก เศษหิน ดอกไม้

ทุ่งดอกไม้สีแดงเกือบเป็นดำทุ่งแล้วทุ่งเล่าปรากฏสู่สายตาพวกเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ